จะมีซักกี่เฟสติวัลที่ไม่ได้มีแค่เพียงดนตรีเพียงอย่างเดียว แต่เต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่าศิลปะ ดนตรี อาหาร และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า นี่คือเฟสติวัลที่รักและเป็นห่วงโลกของเรามากที่สุดในไทย แถมยังเป็นเฟสติวัลที่ดีที่สุดในเอเชียที่จัดต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 5 แล้วด้วยนะ!
แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงเฟสติวัลที่เราไปทุกปีและมีคนรักมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง ‘วันเดอร์ฟรุ๊ต’ เฟสติวัลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจดีๆ ที่จะพาเราทุกคนออกเดินทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนด้วยวิธีที่สนุก นี่ไม่ใช่รีวิวหรอก! แต่เราอยากจะเล่าเรื่องดีๆ ของวันเดอร์ฟรุ๊ตให้ทุกคนฟัง นี่คือเรื่องที่พวกเธอควรรู้ก่อนออกเดินทางมาวันเดอร์ฟรุ๊ต เพื่อให้สนุก อินกับสิ่งต่างๆ ภายในงานมากขึ้นพร้อมเปลี่ยนตัวเองเป็นเหล่า วันเดอเรอร์ และออกเดินทางสู่ปีที่ 5 กับ วันเดอร์ฟรุ๊ต 2018 ไปด้วยกัน :)
MUSIC : ไลน์อัพศิลปินชั้นนำ กับแนวดนตรีที่หลากหลาย
บางคนบอกว่า ‘โอ้ยยยย อยากไปนะ! แต่กลัวฟังดนตรีไม่รู้เรื่อง’ ขอพูดตรงนี้ให้เคลียร์ๆ กันไปเลยนะจ้ะว่า ดนตรีคือส่วนหนึ่งของวันเดอร์ฟรุ๊ตเท่านั้น และจากที่ไปสัมผัสมา 4 ปีติดต่อกัน ไลน์อัพศิลปินของวันเดอร์ฟรุ๊ตนั้นถูกคัดสรรมาอย่างดี ทำให้เรารู้สึกเคลิบเคลิ้มไปทุกๆ ครั้งที่ได้ฟังเพลงของวงใหม่ๆ ที่เราไม่รู้จักแต่กลับดังมากๆ ในตางประเทศ แม้บางคนจะบอกว่าเพลงของวันเดอร์ฟรุ๊ตมันเฉพาะกลุ่มเกินไป แต่แหมมมม! อยากให้ลองมาฟังดูก่อน เรามั่นใจว่าสนุกจนโยกหัวตามไม่ทัน หรือมี Vibes ดีๆ จนเผลอหลับตาพลิ้มแล้วโยกซ้ายโยกขวาเบาๆ พร้อมหรี่ตามองชายที่ยืนทำท่าในแบบเดียวกันแน่นอน :)
วันเดอร์ฟรุ๊ตเป็นอีกเฟสติวัลนึงที่มีไลพ์อัพศิลปินชั้นนำจากหลากหลายเชื้อชาติ เพื่อให้ทุกคนได้เบิกเนตร เปิดประสบการณ์ทางดนตรีแบบไม่มีที่สิ้นสุด บางคนอาจจะชอบฟังเพลงแนว Experiment มาก่อนแต่พอมาวันเดอร์ฟรุ๊ตอาจจะค้นพบว่าตัวเองชอบหมอลำแบบสาวเต่างอยก็ได้! เพราะฉะนั้นดนตรีของวันเดอร์ฟรุ๊ตมันแน่นและอิ่มไปด้วยกลิ่นอายหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปินจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก นี่คืองานเดียวเท่านั้นที่จ่ายค่าบัตรแค่ครั้งเดียวแต่จะเพลิดเพลินกับประสบการณ์ดนตรีที่ไม่รู้จบตลอด 4 วัน 4 คืน
มื้อพิเศษไม่มีใครเหมือนกับ Wonder Feasts และ Wonder Kitchen
ความหลากหลายของวันเดอร์ฟรุ๊ตทำให้มันไม่ได้มีแค่ดนตรีอย่างเดียวที่เด่น แต่ทุกๆ อย่างภายในงานถูกรวมเอาไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อมและลงตัว มีไม่กี่เฟสติวัลหรอกที่อาหารอร่อยและเต็มไปด้วยบรรยากาศสุดพิเศษ และมีไม่กี่ที่จริงๆ ที่จะได้ทานมื้อพิเศษใต้แสงจันทร์และบรรยากาศสีเหลืองนวลๆ กับเหล่าเชฟที่เรียกได้ว่าเป็นระดับซุปเปอร์สตาร์ของประเทศ ทั้งอาหารไทยรักสุขภาพที่เน้นใช้วัตุถุจากธรรมชาติจริงๆ มาดัดแปลงเติมความอร่อยให้มีเอกลัษณ์เฉพาะตัว หรือมื้อกลางวันที่พร้อมนำสตรีทฟู๊ดแบบไท๊ย ไทย แต่เห็นแล้วต้องอ้าปากหวอว่ามันดีขนาดนี้เลยหรอ!
แถมที่นี่ยังคงไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ของงานด้วยเมนูที่ผสานแนวคิดแห่งความยั่งยืน อิ่มท้องไปด้วย และช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกของเรานั้นน่าอยู่ขึ้นไปด้วย กินแล้วรู้ตัวอีกทีก็ปีกงอกเป็นนางฟ้าฟันน้ำนมที่พร้อมอวยพรให้โลกน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยแหละเธอ
และถ้าแค่ทานอยากเดียวมันยังไม่จุใจ ปีนี้เพื่อนๆ สามารถร่วมเวิร์คช็อปกับเชฟชื่อดัง พร้อมกับเสิร์ฟอาหารให้กับทุกคนด้วยสไตล์ Chef Table ด้วยนะ
นี่คือโปรแกรมใหม่ล่าสุดของงาน ที่จะเพิ่มสีสันของมื้ออาหารสุดพิเศษในวันเดอร์ฟรุ๊ตให้กับทุกคนด้วยสไตล์ Chef Table กับการเปิดครัวต้อนรับทุกคนให้ร่วมชมการปรุงอาหารและเข้าครัวแบบมาสเตอร์คลาสร่วมกับเซฟอย่างใกล้ชิด เริ่มตั้งแต่เลือกวัตถุดิบไปจนถึงขั้นตอนการทำให้กลิ่นมันหอมฟุ้งไปทั่วและอิ่มท้องไปด้วยกัน และเป็นโปรแกรมใหม่ล่าสุดที่อยากให้เพื่อนๆ มาลองสัมผัสด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเราต้องไปลองด้วยตัวเองซักครั้งเหมือนกัน
สามารถสำรองที่นั่ง Wonder Feasts / Wonder Kitchen ล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ที่ www.wonderfruit.co/eats
ตามหาศูนย์กลางของจักรวาลใน Wonder Garden
สาวๆ อีทคลีน เฮลท์ตี้เกิร์ลและตื่นเช้าก่อนไก่ขันก็มีที่ยืนในงานนี้นะคะ “อ้อ! ลืมบอกไปว่าวันเดอร์ฟรุ๊ตเป็นงานสำหรับทุกคนในครอบครัว” ไม่ใช่งานกลางคืนอย่างเดียว เพราะฉะนั้นน้องๆ หนูๆ ก็มาได้ พากันมาทั้งครอบครัวและพาสุนัขมาด้วยก็ได้เช่นกัน ส่วนโซนสุขภาพปีนี้ของวันเดอร์ฟรุ๊ตมาในคอนเซ็ปต์ศูนย์กลางของจักรวาลที่พร้อมเชื่อมพลังกาย พลังใจและความคิดผ่านศาสตร์ต่างๆ มากมายที่ให้เราได้ทั้งยืดแข้งยืดขา จัดระเบียบภายในร่างกายตัวเอง และคลาสโยคะที่ไม่ใช่โยคะธรรมดา แต่จะเป็น Laughter Yoga คลาสโยคะสร้างเสียงหัวเราะ อารมณ์ดี๊ย์ ดีย์กันไปหม๊ดทั้งงาน 5555
หาแรงบันดาลใจผ่านการพูดคุยใน Scratch Talks
ถ้ากำลังหมดไฟ! หรือไร้ Passion เราว่าที่นี่อาจจะช่วยทุกคนได้ เพราะ Scratch Talks คือพื้นที่เผยแพร่เรื่องราวสร้างสรรค์ และไอเดียใหม่ๆ จากนักคิดที่วันเดอร์ฟรุ๊ตคัดสรรมาแล้วอย่างดี พื้นที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยบทสนทนาที่ให้ข้อคิดน่าสนใจ อาทิ Radical Healthspan Extension โดย Dr. Molly Maloof สามพรานโมเดลและศูนย์เกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย โดย อรุษ นวราช การลดปริมาณขยะให้เป็นศูนย์และมลพิษของพลาสติก โดย Sonia S. Mendoza และ Nice Ad เรียนรู้จากเรื่องที่น่าละอายของโลก โดย Naresh Ramchandani และอีกมากมาย
Installation Art ที่พร้อมขับเคลื่อนสังคมและความยั่งยืน พร้อมเป็นจุดเช็คอินให้เหล่า Instagramer
ความน่าตื่นเต้นของวันเดอร์ฟรุ๊ตทุกๆ ปีคือเราจะได้ลุ้นว่าในปีนี้จะมี Art อะไรเก๋ๆ มาให้ดูในงาน นี่คือสิ่งที่ต้องมาลุ้นกัน เพราะแต่ละที่ๆ วันเดอร์ฟรุ๊ตเลือกมาแล้วมันมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนสังคม และยังเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจที่สามารถต่อยอดสร้างจิตสำนึกเรื่องความยั่งยืนในรูปแบบที่สนุกสนานไม่น่าเบื่อ ที่สำคัญมันยังเก๋จนอดใจไม่ไหวที่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปพร้อมกับเช็คอินซะหน่อยว่าปีนี้ชั้นมา วันเดอร์ฟรุ๊ต 2018 แล้วนะ :)
นี่เป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้นในงานที่เราหยิบยกขึ้นมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ยังมีอีกมากที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสด้วยตัวเอง
ความน่าดีใจอีกอย่างนึงคือวันเดอร์ฟรุ๊ตคืองานของคนไทย ที่ Content ต่างๆ สอดรับกับความยั่งยืนที่พร้อมจับมือทุกคนไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมที่ดีขึ้น
นี่ไม่ใช่เฟสติวัลธรรมดา คือคำที่เราย้ำแล้วย้ำอีก แต่มันคือเฟสติวัลที่ใส่ใจเรา ใส่ใจโลกและพร้อมสร้างประสบการณ์ในแบบที่สนุกในสไตล์วันเดอร์ฟรุ๊ต
อ้ออ! ลืมบอกไปปีนี้โซนGeneral Campingของวันเดอร์ฟรุ๊ตพร้อมให้ทุกคนเอาเต๊นท์มากางในพื้นที่ใกล้งานได้มากกว่าเดิม โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงคนละ 400 บาท ซื้อหน้างาน 800 บาท (แนะนำว่าซื้อก่อนดีที่สุด)แถมยังเป็นโซนใหม่ที่สวยกว่าเดิม
ถ้ากำลังตัดสินใจอยู่! นี่คือโค้งสุดท้ายก่อนมาสนุกด้วยกันในวันเดอร์ฟรุ๊ต ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ เว็บไซต์วันเดอร์ฟรุ๊ต แล้วมาเจอกันวันที่ 13-16 ธันวา 61
ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ พัทยา มาร่วมสัมผัสประสบการณ์วันเดอร์ฟรุ๊ตที่น่าประทับใจด้วยกัน