เดี๋ยวนี้พอตั๋วถูกเอะอะก็ชวนกันไปสิงคโปร์เหมือนชวนไปกินปูนึ่งบางแสนซะอย่างงั้น ตั๋วก็ถูก นั่งเครื่องก็ใกล้ บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ผู้ตี๋ก็อื้อหือออ น่าแทะโลม กล้ามน่ากัด เดินมาไกลๆ แค่เห็นก็เสียวฟันเหมือนกินมะม่วงเปรี้ยว 555555 แต่ด้วยความที่สิงคโปร์มันดูเป็นเมืองที่เปลี่ยนแปลงเร็วอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงต้องไปกันบ่อยๆ! เพราะมาเดือนนี้เดินมิวเซียมนี้ มาอีกที 3 เดือนข้างหน้าเรื่องราวในมิวเซียมก็เปลี่ยนไปแล้ว หรือรอบนี้สายแดกดุกินไป 10 ร้านก็ยังเหลืออีก 1,000 ร้านเด็ดรอให้มากิน สิงคโปร์รอบนี้ของเราเลยพามาแบบแมสบ้างไม่แมสบ้างแต่นอนดี กินเลิศแน่นอน
เรามีเวลาสั้นๆ เพราะตั้งใจมาแบบชิวๆ เดินดูมิวเซียมและพักผ่อนอารมณ์แบบทริปให้เพื่อนที่ทำงานประจำก็มาด้วยกันได้ 3 วัน 2 คืนก็เกินพอแล้วสำหรับสิงคโปร์ช่วงปลายปีจนถึงต้นปีที่ได้บรรยากาศ Festive แบบนี้
ย่าน Orchard Road
ศูนย์รวมความบันเทิงและละลายเงินในกระเป๋าของสิงคโปร์ ไม่ต่างอะไรจากสยามบ้านเรา แต่ที่นี่ห้างติดๆ กันเป็นสิบห้างจะเอาหนังยางรัดบัตรเครดิตไว้แค่ไหนมันก็ไม่อยู่หรอกจ้า ยังไงก็ต้องมีนิดๆ หน่อยๆ กันบ้างแหละ นอกจากจะเป็นย่านช็อปปิ้งแล้วยังมีมิวเซียมดีๆ และร้านอร่อยๆ อีกมากมาย นี่ขอแนะนำมิวเซียมกันก่อน
- Singapore Art Museum
SAM เป็นอีกมิวเซียมที่น่าสนใจมากๆ โดยปกติทั่วไปแล้วที่นี่จะจัดแสดงเรื่องราวและภูมิวัฒนธรรมต่างๆ ของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์แห่งนี้ ในช่วงที่เราไปสิงคโปร์กำลังจัดงานนิทรรศการต่อเนื่องถึง 4 เดือนเต็มๆ ชื่อว่า Singapore Biennale ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ 5 ละ มันก็จะมีธีมของมันในแต่ละปี เช่น ปีนี้คือ Atlas of Mirrors
นางก็เอาผลงานศิลปะจากศิลปินในภูมิภาคนี้กว่า 50 คนมาจัดแสดงใหม่ให้เป๊ะ และปัง ผูกเรื่องราวให้ดูน่าสนใจ ที่สำคัญมันไม่ได้อยู่แค่ที่ SAM ไง แต่มันยังกระจายตัวอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วสิงคโปร์ คือเดินดูตาแฉะกันไปข้างนึงเลยแหละ
เราชอบที่สุดคือการจัดแสดงกระจกขนาดใหญ่ของ Deng Guoyuan ศิลปินชาวจีน คือเป็นกระจกรอบทิศแล้วเราสามารถเข้าไปอยู่ตรงกลางได้ มันก็จะหมุนๆๆๆ เราจะเวียนหัวนิดหน่อยแต่สนุกดี๊!
- Singapore National Museum
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ เรามาที่นี่เพราะเคยเห็นในไอจีว่ามันมีนิทรรศการอยู่อันนึงที่มีแสงไฟกลมๆ คือไปยืนถ่ายรูปแล้วสวยงามอลังการปังมากๆ เลยเอาวะ มาถ่ายรูปที่นี่หน่อยเพื่อบอกเพื่อนๆ สายคูลว่ากูมาแล้วนะเว้ย
เป็นไงหละ ค่าเข้าโดนไปคนละ 8 เหรียญ (ประมาณ 200 บาท) กับนิทรรศการที่ชื่อว่า What is Not Visible is Not Invisible ที่แม่งงงสมชื่อเลยจริงๆ เพราะค่อนข้างมินิมอล ภาพน้อยๆ ของน้อยๆ แต่กินความมาก ถามว่าคนโง่ๆ แบบเรานอกจากถ่ายรูปสวยๆ แล้วจะซาบซึ้งหรืออินมั้ย ก็บอกเลยว่าไม่ จริงๆ ถ่ายรูปเสร็จ โบกมือลากัน บ๊ายบายเด้ออ
เช่นอันนี้นางอธิบายว่าจำลองอ่าว Repluse Bay ของฮ่องกง 55555 คือพยายามเข้าใจก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทั้งงาน Singapore Biennale 2016 และ What is Not Visible is Not Invisible สำหรับเราเนี่ยมันอาจจะดูเข้าใจยากไปหน่อย แต่สิ่งที่เห็นคือวัยรุ่นเดินดูกันเยอะมาก มันคือวัฒนธรรมสร้างการเรียนรู้ที่ดีอย่างนึงและค่อยๆ ซึมซับกันไป ยกตัวอย่างง่ายๆเลย ถ้ามันจัดในไทยเราคงไม่ไปดู แต่ในขณะที่เด็กสิงคโปร์แห่แหนกันเข้าไป อาจจะสนใจจริงๆ หรือกำลังพยายามเรียนรู้ หรือเข้าไปแล้วบ่นแบบเรา แต่มันก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วจริงมะ เพราะฉะนั้นถ้าว่างๆ ช็อปปิ้งเสร็จแล้ว แลนด์มาร์คก็ไปครบแล้ว ลองเที่ยวชิวๆ เดินมิวเซียม แบบแอร์เย็นมี Wifi ก็ไม่เลวเลยนะ
- Fort Canning Park
น่าจะเคยเห็นภาพผ่านรีวิวกันมาแล้วกับ Fort Canning ที่เป็นอุโมงค์ต้นไม้สวยงามเวลาเงยหน้าขึ้นไปมอง จริงๆ มันคือทางเดินใต้ดินเชื่อมถนนสองฝั่งที่สวยและมีคนนิยมมาถ่ายรูปกันเยอะมาก
ถ้าตามๆ รีวิวกันมา หลายคนแนะนำให้เดินข้ามห้าง Park Mall มา แต่จะบอกว่าอาจหลงได้เพราะห้าง Park Mall มันปิดปรับปรุง คือหายไปทั้งตึกเลย 55555 แนะนำให้เดินเข้าซอยด้านขวาแทน ถ้าเดินข้ามถนนมาจากสถานี Dhoby Ghaut สุดทางก็เลี้ยวซ้ายแปปเดียวก็เจอทางเข้าเลย ง่ายมาก คือมันไม่มีอะไรนอกจากอีอุโมงค์นี้แหละ ใช้เวลารวมๆ ไม่ถึง 10 นาที ถ้าเป็นคนไม่แอคติ้งเยอะ แปปเดียวก็เสร็จแล้ว
- ION / Orchard Library
หลายๆ คนคงยังไม่รู้ว่าในห้างดังอย่าง ION ชั้น 56 สามารถขึ้นไปดูวิวแบบ 360 องศาได้ฟรีๆ กดลิฟต์ขึ้นชั้น 56 ก็ดูวิวได้แล้วง่ายมาก ที่นี่เปิดตั้งแต่บ่ายสามโมงถึงหกโมงเย็นทุกวัน แต่เข้าได้ถึงห้าโมงครึ่งเท่านั้น ถ้าฟ้าสวยๆ ที่นี่เป็นอีกที่นึงที่เวิร์คมากกับการชมวิว
และอีกที่นึงที่อยากแนะนำคือ library@orchard บอกตามตรงว่าที่ตัดสินใจมาเพราะ ที่นี่เป็นห้องสมุดที่เท่ดี มีวิธีจัดวางหนังสือได้อย่างสวยงาม ห้องสมุดนี้อยู่ในห้าง Orchard Gateway ชั้น 3-4 เข้าฟรีอีกเช่นกัน ที่นี่มีที่นั่งพักให้อ่านหนังสือดีๆ เยอะมาก หรือจะเล่น wifi ฟรีก็ได้ แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือห้องสมุด คนสิงคโปร์ใช้ที่นี่ในการอ่านหนังสืออย่างจริงจังมาก ถ้าจะเข้าไปเพื่อถ่ายรูปหรือไปดูความสวยงามและดีไซน์เท่ๆ ควรเข้าไปแบบมีมารยาทและสมบัติผู้ดีมากที่สุด อย่าเอะอะโวยวายและเสียงดังนะ เราต้องสวยด้วย มีปัญญาด้วยและไม่รบกวนผู้อื่นด้วยเน้ออ
- Hotel
สิ่งที่อยากนำเสนอมากที่สุดของสิงคโปร์รอบนี้คือโรงแรม 5555 ปกติก็จะนอนกันแต่โรงแรมรอบนอก นั่งรถไฟฟ้าไกลออกจากย่านใจกลางนี้ไปหน่อย แต่รอบนี้เราตัดสินใจพักกันกลางเมืองย่าน Orchard นี่เลยแหละ เป็นไงหละ ดูสวยและรวยมากใช่มะ!
เราพักกันที่โรงแรม Mandarin Orchard Hotel เพราะ Location โคตรดี เดินจากสถานี Somerset แค่ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น แถมยังติดกับห้างต่างๆ เป็นพรวน ถ้าเป็นพวกช็อปปิ้งจัดๆ น่าจะแวะขึ้นไปเก็บของที่ห้องได้ทุกๆ 1 ชั่วโมงไรงั้นเลยแหละ
Lobby ของโรงแรมจะอยู่ที่ชั้น 5 และเปิดหลายเคาท์เตอร์ทำให้ไม่ต้องรอนานมากเท่าไหร่ เราโชคดีที่เจอพนักงานเช็คอินใจดีชื่อคุณน้า Daisy เราบอกว่าขอห้องสูงๆ หน่อยอยากดูวิว นางก็ใจดีบอกว่าได้เลย เดี๋ยวเช็คให้นะ รอแปปนึง แล้วนางก็หาให้เราจนได้ หน้าไม่มีงอคอไม่หัก ได้ฟีลซาบซึ้งใจเหมือนมาพักบ้านป้าบ้านน้าไรอย่างงั้น
เราพักห้องแบบ Superior Deluxe Room แนะนำว่าให้ขอชั้นสูงๆ จะได้ดูวิวดีๆ ตอนเช้าๆ ห้องพักก็กว้างขวางใหญ่โต ตามสไตล์โรมแรมในเมืองนั่นแหละ ไม่เว่อร์วังแต่พื้นที่ใช้สอยครบ
ที่ชอบที่สุดก็คือห้องน้ำ คือเราเที่ยวกับเพื่อนไง ผัวเมียก็ไม่มีกัน 55555 เดี๋ยวนี้ห้องน้ำตามโรงแรมส่วนใหญ่มันชอบเป็นแบบกระจกแล้วมีม่านปิดเฉยๆ คือไม่ค่อยเข้าใจว่าเป็นสไตล์โมเดิร์นแบบไหนกันทำไมอาบน้ำไม่ปิดให้มิดชิด 5555 แต่ที่นี่ห้องน้ำมิดชิดนะจ๊ะ ไม่มีกระจกวับๆ แวมๆ ให้เขินกันแน่นอน ชอบบบบบบ!
แต่ละห้องนางก็จะเตรียม Handy ไว้ให้ ข้อดีคือสามารถพกออกไปข้างนอกได้ Handy นี้คือมือถือย่อมๆ นั่นแหละ โทรออก-รับสายจากต่างประเทศได้ฟรีไม่เสียเงิน มี 3G ให้ใช้ไม่จำกัด โหลดแอปพลิเคชั่นได้เต็มที่ พอจะกลับค่อยลบข้อมูลทิ้งง่ายๆ ออกไปเที่ยวกลัวหลงก็ใช้ Handy นี่แหละเปิด Google Map นำทางไปง่ายๆ
ความ Elegant ของที่นี่อีกอย่างที่ไม่อยากให้พลาดคือ Club Lounge ชั้น 39 ของโรงแรมที่จ่ายเงินแค่ 60SGD หรือประมาณ 1,500 บาท ก็ขึ้นไปจิบไวน์ ดื่มค็อกเทลกันได้แล้ว ที่นี่มีวิวแบบ 360 องศา เห็น Marina Bay Sands อยู่ลิบๆ แนะนำให้ขึ้นมาช่วงเย็นๆ ก่อนพระอาทิตย์ตก สวยงามน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว คือถ้ามากับแฟนนี่คงโคตรโรแมนติก แต่หันไปดูก็เจอแต่เพื่อนทำหน้าเคลิ้มนั่งดื่มไวน์ … เออกูไม่เพ้อก็ได้ค่ะ!
- 5 Yummy Restaurants
เราเคยแนะนำ 10 ร้านน่าลองของสิงคโปร์กันไปแล้ว รอบนี้ขอเพิ่มให้อีกซัก 5 รอบ พร้อมมิชลินสตาร์เข้าไปด้วย ไปรอบนี้กินตั้งแต่หลักร้อยยันหลักหมื่นของจริง 555555 เริ่มต้นที่ร้านที่ 0 กับอาหารเช้าโรงแรมกินฟรีรวมค่าห้องแล้วก็เอาให้อิ่ม! งก!
และร้านแรกคือ Shisen Hanten ร้านนี้เป็นร้านดังใน Mandarin Orchard นั่นแหละ ความไฮโซของมันคือเป็นร้านมิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว โดยเสิร์ฟอาหารจีนแบบเสฉวน โคมไฟในร้านเพิ่มความหรูหราให้อีก 10 เท่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าค่าอาหารนี่บวกค่าแชนเดอเลียนี่ไปด้วยรึป่าว เพราะมื้อนี้เราโดนเบ็ดเสร็จไปกันเป็นหมื่นทีเดียวแก๊!
ขอแนะนำซัก 3 เมนูเด็ดละกัน เมนูแรก คือ South African jumbo 2 headed abalone หอยเป๋าฮื้อชิ้นอวบนี่กินเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนเป็นฮองเฮาในวังต้องห้ามได้กินแต่ของดีๆ 555555
หรือ Grilled Wagyu Beef with Spicy Garlic เป็นเนื้อวากิวที่โคตรอร่อยและอยากให้มาลอง ส่วนอีกจานเค้าบอกเด็ดคือ Stir-fried prawns with chilli sauce ก็อร่อยตามที่เค้าว่านั่นแหละ
นั่งกินในร้านนี้ต้องละเมียดให้สมราคานิดนึงเนาะ 5555 ค่อยๆ กินไป คุยกับเพื่อนไป จิบชาไป ถามถึงเรื่องสามีในอนาคตที่ยังไม่มาซักที คุยเรื่องโรงเรียนลูกทั้งๆที่ยังหาพ่อไม่ได้ ค่อยๆ กินไปไม่ต้องรีบ
ตบท้ายด้วยขนมหวานแบบสนมองค์เล็ก จุ๋มจิ๋มน่ารักอย่าง Coconut pudding jelly คือนางเสิร์ฟมาให้เป็นลูกๆ โรยด้วยรังนก และมะพร้าวอ่อน อร่อยมากเถอะเหมือนแดจังกึมข้ามประเทศมาทำให้กิน
ร้านนี้ถ้าพูดกันตามตรงมันก็มีทั้งคนชมและคนด่าเพราะราคาค่อนข้างสูง Chatterbox คือร้านข้าวมันไก่อยู่บนชั้น 5 ของโรงแรม Mandarin Orchard อีกเช่นกัน เค้าเล่าให้ฟังว่าที่ Mandarin เป็นโรงแรมแรกของสิงคโปร์ที่เริ่มนำอาหารท้องถิ่นเข้ามาขายในโรงแรมและเสิร์ฟให้ลูกค้าต่างชาติ Chatterbox ขึ้นชื่อในเรื่องของข้าวมันไก่ที่แพงที่สุดในสิงคโปร์ด้วยราคาจานละ 27 SGD +++ หรือประมาณจานละเกือบ 800 บาท
ที่นี่เค้าจะเสิร์ฟมาเป็น Set ทั้งผักเคียง น้ำซุปและข้าวมันไก่ สำหรับเราซึ่งเป็นคนชอบกินข้าวมันไก่อยู่แล้วก็ต้องยอมรับว่าอร่อยดี สาบานได้ว่าเราแยกไม่ค่อยออกเหมือนกันว่ามันต่างกับข้าวมันไก่ธรรมดายังไง แต่ที่สัมผัสได้คือเนื้อข้าวมันหอมและดีกว่าที่อื่นๆ ที่เคยกินมา อันนี้ยอมรับว่าดีจริง ราคานี้ถามว่าควรลองมั้ย? ก็ตอบว่าถ้าเงินเหลือและอยากลองข้าวมันไก่ที่ขึ้นชื่อแบบนี้ บอกเลยว่าไม่เสียหาย ถ้ามาเป็นแก๊งค์เพื่อน แนะนำว่าสามารถสั่งมาซัก 1 เซตแล้วสั่งข้าวเพิ่มมาแบ่งกันก็ได้ เพราะเห็นคนที่นี่ทำอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าไหนๆ มาแล้วถ้ามีโอกาสก็มาลองให้รู้นะ
แต่สิ่งที่พลาดไม่ได้และอร่อยมากสำหรับเราคือ Lobster Laksa ไม่ควรพลาดจริงๆ!
Song Fa Bak Kut Teh
บะ กุ๊ด เต๋ ชื่อดังมากกว่า 40 กว่าปีของสิงคโปร์ไม่ต้องอธิบายมาก ใครๆ มาก็แวะมากินกันอยู่แล้ว เพราะเนื้อนุ่มอร่อยแถมน้ำซุปที่หอมและเผ็ดพริกไทยก็ซดกันจนคล่อง (น้ำซุปขอเติมได้เรื่อยๆ ด้วยนะ) หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเจ้านี้มีสาขาอยู่ใน Orchard ด้วยเน้อ อยู่บนห้าง The Center point
P.S. Café
ร้านกาแฟของคนรวยแบบคูลๆ รวยอย่างเดียวไม่ได้ต้องคูลด้วย (ชั้นไม่รวยแค่อยากลอง 555) ที่นี่เป็นร้านคาเฟ่แบบมีสไตล์ของสิงคโปร์ เป็นโลคอลแบรนด์นั่นแหละ เค้าว่ากันว่ากาแฟที่นี่อร่อย เราเลยสั่งแพนเค้กมาแกล้มกาแฟซักหน่อย เช็คบิลมาแทบหน้าหงาย
แพนเค้กจานละประมาณ 20 SGD+++ หรือประมาณ 600 บาท จ่ายเงินปุ๊ปก็นั่งหัวเราะให้กับตัวเอง เอ๊! กูทำอะไรลงไปน้า 5555 เอาเป็นว่าลองให้รู้ ก็มาลองกันได้น้า สนุกสนานเลยราคานี้ รูดบัตรไว้กลับไปแม่คงถามว่ากินอะไรลูกกกก
Hainanese Delicacy
นี่เป็นข้าวมันไก่เจ้าประจำของเราอีกหนึ่งร้านเวลามาสิงคโปร์ คือก็ได้กินทั้ง 2 ที่นั่นแหละ กินที่ Chatterbox วันนึง แล้วก็แวะมากินที่นี่อีกวันนึงให้สาแก่ใจ ร้านนี้อยู่บนชั้น 5 ห้าง Far East Plaza เดินจาก ION มาได้ใกล้ๆ ความเก๋าเกมส์ของร้านนี้คือความเป็นโลคอล เราจะเห็นคนสิงคโปร์ต่อคิวเพื่อรอกินข้าวมันไก่กันแบบเอาจริงเอาจัง ถ้าอยากมาลองเผื่อเวลาซักนิดนะ อร่อยแน่นอน
ย่าน Marina Bay
ย่านนี้ไม่ต้องแนะนำกันเยอะ เหมือนวัดพระแก้วของสิงคโปร์ ชนิดที่ว่าถ้าไม่ข้ามมาก็เหมือนมาไม่ถึง 55555 รัฐบาลเค้าดัดแปลงที่นี่ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสิงคโปร์เรี่ยน และดึดดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเยอะๆ ที่นี่มี Marina Bay Sands โรงแรมและคาสิโนอันโด่งดัง และที่เที่ยวธรรมชาติอีกหลายที่เลย ด้วยความที่มาบ่อยแล้ว เราเลยข้ามมาเพื่อมาชิว และแวะซัก 2 – 3 ที่ก็สบายใจละ
- ArtScience Museum
อาคารรูปทรงดอกบัวกำลังผลิบานแบบผู้มีปัญญา เหมือนเข้าไปปุ๊ปก็รู้เลย เอออีนี่ใฝ่รู้ 55555 ที่นี่จะมีนิทรรศการหมุนเวียนตลอด ค่าเข้าก็มีทั้งแบบแยกนิทรรศการ หรือรวมหลายนิทรรศการ แน่นอนว่าซื้อรวมแพงกว่า แต่ถ้าจะเข้าทุกอันซื้อรวมก็ถูกกว่า เราแนะนำให้ดูจากออนไลน์ไปก่อนว่าช่วงนี้นิทรรศการอะไรอยู่ และอยากดูอะไรในนั้น พร้อมซื้อไปล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องต่อคิวยาว
ช่วงที่เราไปมี 2 นิทรรศการหลักๆ คือ นิทรรศการ NASA และ Teamlab แบบที่เคยจัดที่เซ็นทรัลเวิร์ด ครั้งก่อนไม่ได้ดูตอนมาไทยเลยมาดูที่นี่แทน เข้าไปแล้วก็ได้แต่หัวเราะแห้ง 55555 นี่มันสำหรับเด็กนี่หว่า แต่ก็เสียเงินเข้ามาแล้วก็เอาให้คุ้มซักหน่อย มีอะไรหลายๆ อย่างให้น่าตื่นตาตื่นใจอยู่
- Marina Barrage
ไม่รู้จะเปรียบเทียบกับที่ไหนเพราะเมืองไทยมีเขื่อนแต่ไม่มีเขื่อนแบบนี้ มันไม่ใช่เขื่อนเก็บน้ำธรรมดา แต่เป็นเขื่อนที่สร้างสวนสาธารณะลอยฟ้าอยู่บนดาดฟ้า สิงคโปร์ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอีกที่นึง ถ้าใครว่างๆ ไม่รู้จะไปไหน แนะนำให้เดินเลียบฝั่งจาก ArtScience Museum มาเรื่อยๆ ผ่าน Garden by the Bay ตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอที่นี่แหละ
เราจะเห็นวิถีชีวิตของคนสิงคโปร์และ Expat ต่างๆ ที่มาใช้เวลาในช่วงวันหยุดร่วมกันที่นี่ ทั้งปิคนิค เล่นว่าว นอนอ่านหนังสือ พาหมามาเดินเล่น หรือคู่รักสิงคโปร์นอนแอ๊วกันเป็นคู่ๆ พร้อมมองพระอาทิตย์ตกดิน เห็นวิว Garden by the Bay และ Marina Bay Sands อยู่ไกลๆ พอดึกหน่อยก็แวะไปดูโชว์ฟรีของ Garden by the Bay ก็เลิศไม่แพ้กันเพราะมันฟรี 55555
สุดท้ายนี้ สิงคโปร์ยังไงก็เป็น First Destination ของ Backpacker หลายๆ คนอยู่แล้ว เพราะทั้งเที่ยวง่าย ปลอดภัย เดินทางสะดวก ใกล้บ้านและอาหารการกินก็อร่อย หวังว่ามันพอจะช่วยไกด์ให้ได้บ้างว่าไปรอบหน้านอนที่ไหน กินอะไรเลิศๆ ดี
เอ็นจอย สิงคโปร์นะ :)
