ถ้าต้องจัดอันดับแบบตามใจตัวเองว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนที่สุดในประเทศไทย สารภาพแบบตรงไปตรงมาว่าเราจัดอีสานไว้อันดับท้ายๆ เสมอ อีสานสำหรับเราเหมือนเป็นเพื่อนเด็กเนิร์ดร่วมห้องเรียนที่ไม่เคยคุยกัน รู้ว่ามีแต่ก็ไม่ต้องสนิทก็ได้ จนวันที่ต้องเข้าสอบวิชายากๆ ยัยเด็กเนิร์ดที่เราเมินมันกลับมาช่วยเราติว พอได้รู้จักก็เพิ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นสาวเปรี้ยวซ่อนอยู่ข้างในและคุยกันจนถูกคอ นั่นแหละค่ะ! อีสานที่เราพึ่งรู้จักผ่านการเที่ยว ‘อุบลราชธานี’ แบบทริปสั้นๆ 2วัน 1คืน ที่ดีงามจนนั่งเหม่อคิดถึงมาจนถึงวันนี้พร้อมตีอกชกตัวว่า ‘กูไปอยู่ที่ไหนม๊า ทำไมมันดีขนาดนี้!!! ขออยู่อีกอาทิตย์นึงได้มั้ยย’
รีวิวนี้ขอพาร่อนอุบลราชธานี 1 ใน 20 สาวอีสานที่เราพึ่งเคยรู้จัก ทริปสั้นแต่เน้นคุณภาพ กินปลาแปลกจากแม่น้ำโขงที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต นั่งร้านลาบแบบบ้านๆ ชิมแหนมย่าง ไส้ทอดที่เสิร์ฟส้มตำรสนัว แวะร้านเค้กไทยๆ ในมิวเซียมผ้าทอที่ดังถึงขนาดที่ถวายให้เจ้าชายวิลเลียมมาแล้ว และไปดูวิวปังๆ ในดินแดนโลกพระจันทร์เวอร์ชั่นริมโขงที่สามพันโบก พร้อมไปตามรอยซีรีส์ ดู Sunset ริมเขื่อนแบบนางเอกละครช่องสาม ที่เขื่อนสิรินธรฯ ปิดท้ายด้วย Café Hopping แบบชาวอุบลเนี่ยนตัวจริง จิบกาแฟ Specialty แบบนุ่มๆ
นี่คือทริปที่ไม่ต้องรีบใช้วันลาตั้งแต่ต้นปี เพราะแค่ 2 วัน 1 คืนในอุบลฯ ก็สามารถเปลี่ยนเสาร์อาทิตย์ที่มีคุณค่าได้จริงๆ ขอออกตัวเป็นกองอวย ยกให้อุบลฯ เป็นทริปที่ดีที่สุดประจำไตรมาสนี้ของ ไปไง มาไง เอาหละค่ะ!! จองตั๋วเครื่องบินไฟลท์เช้าวันเสาร์แล้วตามเรามาเที่ยวอุบลฯ กัน ?
#wheredowegoTH #EGAT #การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย #สปาร์คใจนายจอมหยิ่งซีซั่น2
DAY 1 – Sunrise Impression
เราออกกจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ ไฟลท์ไปอุบลฯ ช่วงนี้ไม่เยอะเหมือนก่อนโควิด แต่ก็ครอบคลุมทั้งเช้า กลางวันและเย็น ถ้าอยากเที่ยวคุ้มๆ แบบเราก็เลือกไฟลท์เช้าไปเลย ค่าตั๋วเครื่องบินจากกรุงเทพไปอุบลฯ ของแอร์เอเชียช่วงนี้เริ่มต้นแค่หลักร้อย บินจากดอนเมืองประมาณ 50 นาทีก็ถึงแล้ว ด้วยเวลาเที่ยวที่มีแค่ 2วัน 1คืน เราเลือกแอร์เอเชียเพราะว่ามั่นใจว่ามันจะไม่ดีเลย์หรือยกเลิกเราทีหลัง 555 แถมมีไฟลท์เช้า/เย็นครอบคลุมการเดินทางทั้งทริปพอดี
ช่วงที่เราไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนตอนเช้าอากาศเย็นกว่ากรุงเทพมาก เราแวะทานอาหารเช้าแบบคิ้วๆ ที่ร้าน ‘Sunrise Impression’ ร้านนี้มีทั้งอาหารเช้า กาแฟสด และเป็นบาร์ตอนกลางคืน พื้นที่ในร้านมี 3 ชั้นและทั้งพื้นที่ Indoor / Outdoor น่ารักหมดเลย โจ้กกุ้งอร่อยดี บรรยากาศยามเช้าก่อนสิบโมงกำลังดีเลย
ปากหม้อคุณหนึ่ง (หน้ากรมที่ดินฯ)
ใกล้ๆ กันระยะเดินถึงมีร้านปากหม้อคุณหนึ่งที่คนละแวกนั้นแนะนำเราว่าถ้าอยากทานปากหม้ออร่อยๆ ทำแป้งเองสดๆ มีอีกร้านที่อร่อยคือ ปากหม้อคุณหนึ่ง (หน้ากรมที่ดินฯ) เราสั่งกันมาลองหลายเมนูเลย ยกให้ข้าวเกรียบปากหม้อเป็นขวัญใจเพราะอร่อยที่สุด ส่วนอื่นๆ สำหรับเราก็อร่อยไมแพ้กัน จริงๆ ร้านปากหม้อในอุบลฯ มีเยอะมาก แนะนำว่าถ้าไปหลายๆ วันก็ทานหลายร้านไปเลย เอาตามที่ใกล้เรานั่นแหละ แต่ละร้านก็มีสูตรของใครของมัน ไม่มีใครแพ้ใคร
‘คำปุนมิวเซียมคาเฟ่’
นอกเหนือจากอาหารและธรรมชาติที่โด่งดังของอุบลฯ ด้านวัฒนธรรมก็มีผ้าทอนี่แหละที่เลื่องชื่ออย่าง ‘ผ้าทอบ้านคำปุน’ ของคุณยายคำปุนที่ทอผ้าลายสวยๆ จนได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ จนต่อมาทายาทของคุณยายได้เปิดพิพิธภัณฑ์และพื้นที่บริเวณที่ทอผ้ากันจริงๆ ให้คนภายนอกได้ชม โดยส่วนของพิพิธภัณฑ์เปิดตลอดทั้งปี ส่วนบ้านที่ใช้ทอผ้านั้นเปิดเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้นคือวันเข้าพรรษา และบริเวณพิพิธภัณฑ์ยังมี‘คำปุนมิวเซียมคาเฟ่’ ที่เราตั้งใจมาวันนี้เพราะได้ยินว่าขนมอร่อยมาก บางคนเคลมหนักถึงขั้นว่าอร่อยที่สุดในอุบลฯ เราอยากให้มาลอง เค้กมะพร้าวอ่อน เค้กใบเตย และเค้กเผือก ทั้ง 3 ชิ้นนี้คือ A Must! ที่มาถึงอุบลแล้วควรแวะมาทานซักครั้ง
‘ร้านลาบฮู้ใจ’
มื้อเที่ยงเราไปแซ่บถึงทรวงที่ ‘ร้านลาบฮู้ใจ’ ร้านลาบบ้านๆ อร่อยมากที่คนโลคอลแท้ๆ แนะนำให้เรามากินแหนมย่างห้านาที และต้มแซ่บ ส้มตำต่างๆ ของที่นี่ ร้านลาบฮู้ใจเป็นร้านแบบบ้านๆ ที่ดูสะอาดสะอ้านและอร่อยมาก แถมราคายังตกจานละหลักสิบ กินจนอิ่มจากกระเพาะมาถึงคอยังแค่หลักร้อย แนะนำให้มาตอนเที่ยง ซดต้มแซ่บ ส้มตำปลาร้าเป็นต่อนๆ จิ้มข้าวเหนียว กินพร้อมแหนมย่างห้านาที และหมูแดดเดียวทอด แนมด้วยผักสดที่ให้มาเป็นตะกร้า โอ้โห… มีความสุข!!!!
เขื่อนสิรินธร
หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหนัก เราเทครึ่งวันบ่ายของวันแรกนั่งรถไปเที่ยว ‘เขื่อนสิรินธร’ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นจากตัวเมืองอุบลฯ กินข้าวอิ่มๆ นอนบนรถแอร์เย็นๆ ถึงเขื่อนปุ๊ปพร้อมเที่ยวทันที เดี๋ยวนี้เขื่อนใหญ่ๆ หลายแห่งในประเทศของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมได้ และมีการจัดการที่ดีมากขึ้นมาก สำหรับใครที่สายธรรมชาติชอบสูดอากาศบริสุทธิ์กับธรรมชาติรอบๆ เขื่อน ดูวิวพระอาทิตย์ตกดิน นั่งดื่มกาแฟเย็นๆ หรือเดินบน Nature Walkway และไปเที่ยววัดไฮไลท์ของอุบลฯ อย่างวัดเรืองแสง เขื่อนสิรินธร ยังเป็นโลเคชั่นของละคร รวมไปถึงมุมฮิตของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์อีกหลายๆ คน อย่างล่าสุดก็ละครเรื่อง สปารค์ใจนายจอมหยิ่ง ซีซั่น 2 ที่ยกกองกันมาถ่ายหลายจุดในเขื่อนสิรินธร วันนี้เลยถือโอกาสเที่ยวตามรอยซีรีส์ไปด้วยเลยละกัน ?
ขอเริ่มจุดแรกที่ ร้านกาแฟคุณสายชล เดินทางมาเหนื่อยๆ จุดนี้จะมีเครื่องดื่มสดชื่นไว้คอยช่วยดับกระหาย แถมยังสามารถนั่งชมบรรยากาศสุดชิลกับวิวสันเขื่อนสิรินธรด้วนนะ วิวตรงนี้ตอนเย็นสวยเลย ยิ่งช่วงนี้อากาศยังไม่ร้อนมาก บางวันก็มีลมเย็นๆ โชยมา เป็นมุมนั่งเมาท์มอยกับเพื่อนฝูงแบบแฮปปี้
จุดต่อมาที่เราอยากเมาท์ให้ฟังเฉยๆ เพราะหากเพื่อนๆ จะเข้าไปดูอย่างใกล้ชิดต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าคือ โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ที่อยากเล่าให้ฟังเพราะว่านี่คืออนาคตพลังงานสะอาดของประเทศเพราะเค้าเริ่มการผลิตไฟฟ้าด้วยแผงโซลาร์เซลส์ลอยน้ำมากขึ้น ทั้งการผลิตด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน และพลังน้ำในตอนกลางคืน ทำให้ที่นี่สามารถผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ตลอด 24 ชม. ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นที่แรกของประเทศ และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ กฟผ. ก็กำลังพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เราสามารถใช้ไฟฟ้าและเป็นมิตรกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
จุดต่อมาที่หลายๆ คนน่าจะชอบคือ Nature Walkway เส้นทางเดินชมธรรมชาติ เป็นจุดเช็คอินใหม่ระดับจังหวัด 555 ที่พึ่งจะเปิดไม่นานมานี้ ทางเดินธรรมชาติสามารถเดินชมได้ทั้งด้านล่างและด้านบน สำหรับใครชอบชมวิวก็เดินด้านบนมีกระจกใสๆ ให้ถ่ายรูปด้วย ส่วนด้านล่างก็ติดกับเขื่อนมีต้นไม้และดอกไม้ท้องถิ่นของอุบลฯ ตลอดทาง และมีสะพานยื่นออกไปในเขื่อนให้ถ่ายรูปสวยๆ ฟีลลิ่งยืนริมแม่น้ำในยุโรปซักเมืองอยู่นะ
จุดต่อมาที่เราชอบมากๆ และอยากให้ทุกคนมา Spend Time กันเยอะๆ คือ สันเขื่อนสิรินธร ที่นี่เราจะเห็นมุมของถนนเป็นโค้งรับกับมุมกว้างของอ่างเก็บน้ำ โดยมีวิวภูเขากับท้องฟ้าเป็นฉากหลังแบบโรแมนติกที่สุด ใครสายออกกำลังกาย ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้วเตรียมรองเท้าวิ่งมาออกกำลังกายบนสันเขื่อนด้วยก็ได้นะ
นอกเหนือจากจุดที่เที่ยวต่างๆ ในเขื่อนแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจแล้วอยากแนะนำให้ไปเห็นด้วยตาซักครั้งคือ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือเรียกติดปากว่า วัดเรืองแสง เราแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ คล้อยไปจนถึงประมาณหนึ่งทุ่ม จิตรกรรมฝาผนังบริเวณวัดจะเริ่มเรืองแสงจากสารเรืองแสง สวยและแปลกใหม่ดีสำหรับเรา และเห็นด้วยตาเปล่าได้จริงๆ
‘ซาว อุบลฯ’
เรากลับเข้ามากินมื้อเย็นต่อในเมือง ซึ่งเป็นร้านที่เรารอมาทั้งวันจริงๆ กับร้าน ‘ซาว อุบลฯ’ ร้านอาหารอีสานแบบบ้านๆ สูตรของยายจุย ซึ่งเป็นแม่นมของเจ้าของร้าน เราบอกเลยว่าอร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะเมนูปลาต่างๆ จากแม่น้ำโขง โดยเฉพาะปลายอนซึ่งเราไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน มันอร่อยแบบอร่อยมากจริงๆ ส่วนเมนูอื่นๆ เกือบทั้งหมดจะใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ทั้งผัก ทั้งปลา หรือเมนูอย่างแตงโมสดๆ ราดน้ำปลาร้าสูตรเด็ด รสนัวมาก ตำมะยงชิด ที่เป็นผลไม้ตามฤดูกาลก็อร่อยจนอยากให้ลองมากินเอง เราชอบมากๆ คือซุปหม่อไม้ และนำพริกมะเขือเนื้อแดดเดียว ดีมากกกกก!
DAY 2 – สามพันโบก
เช้าวันที่สองเราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปสามพันโบก ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองอุบลฯ ประมาณ 1.30 ชั่วโมง บางคนอาจจะไปนั่งรถไปลงที่หาดสลึงก่อนแล้วค่อยนั่งเรือไปเที่ยวหาดต่างๆ และสามพันโบก แต่เราใช้วิธีลัดคือนั่งรถไปตรงบริเวณที่จอดรถสำหรับไปสามพันโบกประมาณ 06.30 น. แล้วเหมารถสองแถวชาวบ้านลงไปที่สามพันโบก ค่ารถเหมาๆ ไปกลับนั่งกี่คนก็ได้ 200 บาท ส่วนป้าไกด์ที่พาชมจุดไฮไลท์ต่างๆ นางบอกว่าให้ตามจิตศรัทธา
เราแนะนำเลยว่าควรมาถึงเช้ามากๆ แบบเรา และใช้เวลาเที่ยวสามพันโบกช่วงเช้าประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะไม่งั้น..ไหม้!!!
คำว่า ‘โบก’ ในภาษาอีสานแปลว่า หลุม / แอ่ง เพราะฉะนั้นพื้นที่ตรงนี้มีจำนวนกว่า 3,000 หลุม โดยปกติแล้วอยู่ใต้น้ำโขงและโดนแม่น้ำกัดเซาะจนมีสภาพแบบที่เราเห็น สามพันโบกไม่ได้เที่ยวทั้งปี จะมีประมาณ 4 เดือนที่อยู่ใต้น้ำและเข้ามาเที่ยวไม่ได้คือช่วงเข้าพรรษา นอกนั้นแนะนำว่าให้มาช่วงเช้าแบบเราหรือช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ไปเลยจะดีกว่า
จากสามพันโบกเราสามารถนั่งเรือลำละ 500 บาทไปเที่ยวจุดอื่นๆ ต่อได้ เช่นหาดหินสี และหาดหงส์ที่เป็นทะเลทรายสวย ย้ำอีกครั้งว่ามาเช้าๆ หรือเย็นไปเลยเพราะอากาศร้อนมาก มันมีแค่หิน และพื้นที่โล่งๆ เลย แต่ควรมาซักครั้งเพราะสวยมาก
อินโดจีน
เรากลับมากินมื้อสายกันที่ตัวเมืองอุบลฯ ที่ร้าน ‘อินโดจีน’ ร้านอาหารดั้งเดิมแบบดั้งเดิมจริงๆ เพื่อนโลคอลหลายคนบอกว่าถ้าเวลาน้อยแล้วอยากกินร้านเด็ดร้านเดียวเลยให้มากินร้านนี้! รสชาติดั้งเดิมเหมือนเมื่อ 70 ปีที่แล้ว รสมือแม่ที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ไม่มีจานไหนไม่อร่อย ทั้งแหนมเหนืองที่ทำแป้งเองหลังร้าน หมูที่ย่างจากเตาถ่าน ทุกๆ ขั้นตอนพิถีพิถันมาก เราขอแนะนำเลย บั่นแบ๋ว / แหนมเนือง / กุ้งพันอ้อย ปอเปี๊ยะทอด และของหวานอย่างข้าวเหนียวเปียกข้าวโพด เมนูนี้ที่เลิ้บที่สุด ต้องมาลองด้วยตัวเอง พูดเยอะไปจะหาว่าอวย!
LIFE Roasters & Saereesook
ส่วนร้านกาแฟแบบ Specialty แบบนุ่มๆ เพื่อนชาวอุบลฯ ก็เลือกมาให้เรา 2 ร้านคือ LIFE Roasters และ Saereesook สารภาพตามตรงว่าเราไม่ใช่คอกาแฟจ๋า แต่สองร้านนี้มันมีเอกลักษณ์ ร้านมันมีความอบอุ่นหอมกลิ่นกาแฟ และพนักงานที่น่ารักคอยแนะนำว่ากาแฟแบบไหนอร่อย เป็นสองร้านสุดท้ายก่อนไปขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ และปิดทริปอุบลฯ ได้ประทับใจมาก ?
จากคนที่ไม่เคยเที่ยวอีสานไกลเกินเขาใหญ่ และคนที่เข้าใจมาตลอดว่าอุบลฯ กับอุดรฯ อยู่ติดกัน (มันอยู่ห่างกันหลายชั่วโมงเลยเธอ 555) เพราะชื่อคล้ายเหมือนเชียงใหม่ เชียงราย 5555 อุบลฯ รอบนี้เบิกเนตรความดีงามของการเที่ยวอีสานมากๆ ทั้งเขื่อนสิรินธรที่สวยจริงๆ ร้านอร่อย สามพันโบก และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราจะกลับมาซ้ำอีกครั้ง อีกหลายวัน และพาทุกๆ คนมาเที่ยวอุบลฯ อีกให้ได้เลย
