หากพูดถึงเมืองดัง ๆ ของประเทศจีนที่กลับไปเยือนได้อีกหลาย ๆ รอบ เราขอยกให้ ‘ฉงชิ่ง’ ติดหนึ่งในท็อปลิสต์ เพราะนอกจากเป็นเมืองใหญ่อันดับต้น ๆ ของจีนที่เดินทางโคตรง่าย ขึ้นรถไฟฟ้าไปได้ทุกที่ 4 วัน 5 คืนก็เที่ยวได้ครบทั้งแลนด์มาร์กชิค ๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ให้เช็กอินกันแบบสับ ช้อปปิ้งแบบจัดเต็ม แวะชิมของกินอร่อยขึ้นชื่อได้ตลอดทาง ที่สำคัญคือตึกรามบ้านช่อง สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติของที่นี่สวยอลังกาลจนต้องร้องว้าว สมเป็นแม่จีนแผ่นดินใหญ่!
เราลิสต์มาให้แล้ว 12 โลเคชั่นเเบบจุก ๆ เที่ยวสนุกครบทุกรสชาติ บินตรงสุดคุ้มไปฉงชิ่งกับแอร์เอเชียได้แล้วทุกวัน รีบเก็บกระเป๋าแล้วไปตามรอยกันได้เลยย
#wheredowegoTH #ไปจีนไปกับแอร์เอเชีย
#แอร์เอเชียตัวจริงเรื่องบินจีน #AirAsiaTravels
#RevisitTheBeautifulChina #ไปฉงชิ่งไปกับแอร์เอเชีย
แอร์เอเชียตัวจริงเรื่องบินจีน
ข่าวดีหลังจะประเทศจีนเปิดให้เที่ยวอย่าง Official แพลนเที่ยวของเราก็ตามมาทันทีเพราะคิดถึงบรรยากาศความเก๋ ความคลาสสิกของเมืองเก่าเมืองใหม่ที่ผสมผสานกัน และอาหารอร่อย ๆ ของ ‘ฉงชิ่ง’ ไม่ไหว ที่สำคัญคือความสะดวกสบายในการเดินทางตั้งแต่เริ่มต้นออกจากไทย
บอกเลยว่าไม่ต้องคิดเยอะ เพราะตอนนี้ AirAsia เค้ามีบินตรงลงฉงชิ่งสูงสุดวันละ 2 เที่ยวบิน! จะบินเช้า กลับดึกเที่ยวแบบจัดเต็มก็สะดวก ใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 3 ชั่วโมงก็พร้อมลากกระเป๋าเที่ยวได้ทันที
แต่ถึงจะบินแค่ 3 ชั่วโมง ก็อย่าลืมเลือกที่นั่งและสั่งอาหารไว้ล่วงหน้า เพราะต่อให้เตรียมใจมาดีแค่ไหนกับเมืองจีน เชื่อว่าอาหารไทยก็คือเดอะเบส! ขากลับแกต้องอยากกินกะเพราหม่อมหน่อยอร่อย ๆ กับที่นั่งสบาย ๆ หลังจากเดินขาลากกันอย่างแน่นอน และอย่าลืมสั่งชานมไข่มุกมากระแทกปาก เป็นการเติมน้ำตาลปิดท้ายทริปนี้ให้เพอร์เฟคสมฐานะที่สุด
การเดินทางในฉงชิ่งนั้นบอกเลยว่าง่ายมากๆ เมื่อเทียบกับหลายๆ เมืองที่เคยเดินทางมาในจีน เพราะรถไฟฟ้าสามารถพาเราไปได้ทุกจุดแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวควรมา แถมสามารถซื้อได้เองผ่านเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติที่มีภาษาอังกฤษครบถ้วน เข้าใจง่าย ราคาถูก พาไปได้ทุกจุดจริงๆ
01 สถานี Zengjiayan
(曾家岩站)
Line 10 Zengjiayan
เริ่มต้นวันแรกของการเดินทางด้วยการลงเครื่องปุ๊ป ขอเก็บกระเป๋าปั๊ปและรีบมาเซย์ฮายฉงชิ่งอย่างเป็นทางการด้วยการนั่งรถไฟฟ้าไป The Great Hall of the People อย่างที่บอกไปว่า ฉงชิ่งเป็นหนึ่งในมหานครของจีนที่นั่งรถไฟฟ้าไปไหนมาไหนสะดวกสบายมาก เพราะปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการถึง 4 สาย แถมยังสามารถนั่งรถไฟฟ้าต่อเดียวจากสนามบินเข้าเมืองได้เลยแบบชิล ๆ และถ้านั่งมาถึงสถานี Zengjiayan ไม่อยากให้พลาดวิวสวย ๆ จากสถานี ที่มองออกไปจะเห็นวิวรถไฟวิ่งเลาะภูเขา ขนานไปกับแม่น้ำเจียหลิงและตึกสูงกลางเมืองได้แบบพอดิบพอดี
02 The Great Hall of the People
(重庆市人民大礼堂)
Line 10 Zengjiayan Exit 3
ออกจากสถานี Zengjiayan ทางออก 3 จะเจอกับประตูทางเข้า ‘The Great Hall of The People’ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ‘มหาศาลาประชาคม’ อาคารหลังใหญ่ในสไตล์ชิโน – โซเวียต ที่แน่นอนว่าถูกสร้างขึ้นในยุคคอมมิวนิสต์หรือ 72 ปีที่แล้ว ปัจจุบันยังเปิดใช้เป็นสถานที่ราชการและโรงละครสำหรับประชาชนทั่วไป
ที่ต้องแวะมาเช็กอินเพราะอาคารหลังนี้เป็นเหมือนไอคอนิกของเมืองฉงชิ่งเลยก็ว่าได้ ตัวอาคารหลัก ของเค้าจะเป็นโดมขนาดใหญ่โดดเด่นและเห็นดีเทลที่สวยงามตาแตก มองแล้วชวนให้คิดถึง Temple of Heaven ในกรุงปักกิ่งยังไงยังงั้น ช่วงเย็น ๆ ชาวจีนและชาวต่างชาติจะมาเดินเที่ยวกันเยอะมาก เพราะช่วงกลางคืนที่นี่จะเปิดไฟประดับรอบ ๆ คนก็มักจะอยู่รอเก็บภาพบรรยากาศในช่วงค่ำกัน
03 Jiefangbei Square
(解放碑步行街)
Line 2 Linjiangmen Exit 1
ขอเอาใจสายช้อป พาไปเช็กอินต่อที่ย่าน ‘Jiefangbei’ ย่านชิคใจกลางเมือง ที่เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนสยามบ้านเรา ที่รวมคนชิคและร้านรวงต่าง ๆ ตั้งเรียงรายให้ช้อปปิ้งกัน ที่นี่ก็จะมีครบตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า ช็อปแบรนด์เนม ร้านอาหาร สถานบันเทิง และโรงแรมหรู ๆ มารวมตัวกันให้เข้าร้านนั้นออกร้านนี้แบบเลือกไม่ถูก
ไฮไลต์ของที่นี่นอกจากเดินทอดน่องช้อปปิ้งแบบเพลิน ๆ ตั้งแต่วันแรก ยังมีหอนาฬิกาเจียฟางเป่ย ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะของจีนในสมัยที่ทำสงครามกับญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสใจกลางเมืองขนาบข้างด้วยตึกสูงระฟ้า และบรรดาผู้คนสุดคึกคักบนถนนให้แวะเก็บบรรยากาศกันอีกด้วย
ใครที่มาถึงฉงชิ่งต้องไม่พลาดของอร่อยขึ้นชื่ออย่าง ‘ปิ้งย่างหมาล่า’ หรือ ‘หยางโร่วชวน’ ที่ดังไกลและขยายความฮอตมาถึงประเทศไทยจนเต็มถนนบรรทัดทองและห้วยขวาง เราเลยขอปิดท้ายวันแรกด้วยการประเดิมกินหม่าล่าอร่อย ๆ ฉบับฉงชิ่งแท้กันที่หน้าโรงแรม เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่ร้านหมาล่า เลยรับประกันความอร่อยว่าเหมือนกันทุกที่ เพราะต้นฉบับความอร่อยนี้มาจากเมืองฉงชิ่ง
ซึ่งจริง ๆ แล้วหมาล่าไม่เกี่ยวอะไรกับหมา! แต่ก็คือพริกไทยเสฉวนที่เรียกว่า ‘ฮวาเจียว’ นิยมปลูกกันทั่วประเทศจีน แต่คุณภาพดีที่สุดที่ได้รับการยอมรับต้องมาจากเมืองฉงชิ่งเท่านั้นค่ะ ส่วนปิ้งย่างที่นี่เค้าจะเอาเนื้อสัตว์ ผักมาเสียบไม้เล็ก ๆ ให้เลือกหลากหลายกว่าบ้านเรามาก ซึ่งขอบอกว่าไม้เล็กมากจริง ๆ 555555 แนะนำให้หยิบเป็นกำแล้วไปปิ้งทีเดียว จะได้อร่อยลิ้นชาให้สาแก่ใจแบบไม่ต้องรอนาน
04 Three Natural Bridge 天生三桥
(Wulong Karst)
Chongqing North Railways Station
มาถึงไฮไลต์สำคัญของเมืองฉงชิ่ง ที่ได้รับการยอมรับระดับโลกให้เป็นมรดกโลกระดับ 5A อย่าง ‘Three Natural Bridge’ หรือ ‘อุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์’ จะพลาดไม่มาเยือนคงไม่ได้ เพราะความสวยงามของธรรมชาติที่นี่มันสุดจะยิ่งใหญ่อลังการ ตั้งแต่ชื่อไปจนถึงของจริงตรงหน้า มองไปทางไหนก็ต้องร้องว้าวออกมาเป็นเสียงเดียวกัน โดยหลุมฟ้าด้านในอุทยานเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกลึกลงไปถึง 300-500 เมตร บางจุดยังเป็นโพรงทะลุไปอีกฝั่ง ทำให้มองไกล ๆ เหมือนเป็นสะพานข้ามระหว่างภูเขา
ซึ่งการเดินทางมาที่อุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ จะต้องนั่งรถบัสหรือรถไฟออกไปที่เมืองอู่หลงแล้วต่อรถบัสไปยัง Wulong Krast ซึ่งเป็นทางเข้าไปเที่ยวในอุทยาน โดยทั่วไปจะมีรถบัสวนมารับนักท่องเที่ยวตามสถานีรถไฟอยู่แล้วตลอดทั้งวัน การมาเที่ยวที่นี่เลยแนะนำให้แพลนมาแบบ One Day Trip เพราะค่อนข้างใช้เวลาทั้งวันในการเดินทาง ไม่ต้องกังวลเลย เพราะทุกคนที่มาลงสถานีรถไฟ Wulong ร้อยละ 90 ไปที่เดียวกันหมด เปิดรูปให้เค้าดูแล้วเดินตามๆ ไปกันได้เลย ส่วนที่ยากสำหรับเราคือซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าแนะนำให้จองก่อน เราจองผ่าน Trip.com ได้ที่นั่งแบบยืนยันเลย
โดยจุดสตาร์ทเริ่มจากด้านบนเขา มีจุดท้าทายความเสวววจากมุมสูง ด้วยเส้นทางกระจกใสที่ยื่นออกมาจากหน้าผาที่สูงจากพื้นถึง 1,200 เมตรให้ขาสั่นเล่น ๆ ก่อนจะต้องต่อแถวลงลิฟต์แก้วไปยังหลุมฟ้าซึ่งสูงถึง 80 เมตร แต่แนะนำให้เดินลงมาดีกว่า เพราะใช้เวลาเดินไม่นาน ไม่ต้องรอคิวให้เมื่อยแล้วยังได้เดินเล่นชมบรรยากาศสดชื่น ๆ ไปตามเส้นทางชมธรรมชาติ
จุดหมายของการลงไปยังหลุมฟ้าคือการเข้าไปชมความสวยงามของโรงเตี๊ยมโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถังท่ามกลางหุบเขา ซึ่งเป็นจุดแวะพักของคนเดินทางในสมัยก่อน ใครที่อยากได้ภาพมุมสวยแบบนี้ แนะนำให้แวะถ่ายภาพตั้งแต่ช่วงเดินลงบันไดเลย จะได้ภาพสวยของวิวสุดประทับใจของธรรมชาติตรงหน้าแบบเราอย่างแน่นอน
ส่วนใครที่ตามหาสะพานสวรรค์ ให้สังเกตไปรอบ ๆ ระหว่างทางจะเจอกับสะพานมังกรสวรรค์ (Tianlong Bridge) สะพานที่เป็นโพรงทะลุสูงถึง 235 เมตร สะพานมังกรเขียว (Qinglong Bridge) จุดที่มีลำธารไหลผ่าน และสะพานมังกรดำ (Heilong Bridge) ลักษณะคล้ายหน้าผาเป็นสะพานที่แคบที่สุด แต่สูงถึง 223 เมตร จะเห็นว่ามีมีแสงผ่านออกมาเล็กน้อยดูลึกลับน่าค้นหาทุกจุด
05 Ciqikou Ancient Town
Line 1 Ciqikou Station Exit 1
เริ่มต้นวันที่สามด้วยการแวะไปเดินเล่นดื่มด่ำกับบรรยากาศความคลาสสิกใน ‘หมู่บ้านโบราณฉือชี่โข่ว’ กันสักหน่อย ความเก๋ความตำนานคือที่นี่เคยเป็นเมืองท่าของเครื่องเคลือบในสมัยราชวงศ์หมิง และมีคนหลายชนเผ่าอยู่รวมตัวกัน จึงมีอาคารเก่าหลงเหลืออยู่บ้างให้ชมกัน
ใครที่เป็นสายถ่ายรูปต้องชอบเพราะมีมุมสวย ๆ ของตึกรามบ้านช่องบรรยากาศแบบย้อนยุคให้เก็บภาพ แถมยังแวะช้อปปิ้งได้ตลอดสองข้างทาง เพราะที่นี่จะมีของพื้นเมือง สตรีทฟู้ด และอาหารท้องถิ่นกินง่ายให้ลองชิมเพียบ ไฮไลต์ขึ้นชื่อสุด ๆ ต้องยกให้ ‘พริกฉงชิ่ง’ ที่เผ็ดที่สุดในประเทศจีน ใครที่แวะไปที่นี่อย่าลืมแวะชิมแล้วมาบอกกันด้วยนะว่ารสชาติจะจัดจ้านสู้น้ำพริกบ้านเราได้หรือเปล่า
06 Erchang Culture and Creative Park
(Testbed 2 Art Center) 贰厂文创公园
Line 1 Eling Station Exit 1
นั่งรถไฟฟ้าต่อไปที่สถานี Eling ทางออก 1 จะเจอกับ Creative Park พิกัดใหม่ที่อยากชวนให้แวะมาเช็กอิน เปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นในโลเคชั่นอาร์ต ๆ แบบดีต่อใจกันที่ ‘Erchang Culture and Creative Park’ ซึ่งในอดีตช่วงปี 1937 เคยเป็นธนาคารกลางและโรงพิมพ์มาก่อน ด้วยความที่ตั้งอยู่บนแนวเขา เค้าเลยดีไซน์ตัวพาร์กให้เป็นตึกที่ลัดหลั่นกันมาเป็นทางเดิน ที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ ซึ่งดีไซน์เก๋จนอยากแวะเข้าไปชมร้าน ทั้งคาเฟ่ชิค ๆ ร้านหนังสือ ร้านเสื้อผ้า สตรีทอาร์ต หอศิลป์ เรียกว่าเป็นอเวนิวของวัยรุ่นชิคของฉงชิ่งมารวมตัวกัน
เดินเล่นเพลิน ๆ ด้านในมี Installation Art เท่ ๆ และมุมให้ถ่ายรูปเยอะ แต่ร้านที่อยากให้ลองแวะไปกัน คือ Riverside Craft Brewing ร้านเบียร์คราฟต์ที่เมนูสุดแปลกของเค้าคือ ‘เบียร์รสพริกไทยเสฉวน’ จะแปลกแค่ไหนต้องไปลอง ส่วนใครอยากจิบเครื่องดื่มหรือกาแฟคุณภาพดีหน่อยลองแวะ Oblique Roastery ร้านเก๋มีชานมไข่มุกกับเมล้ดกาแฟให้เลือกเยอะ และร้านสุดท้าย To be numbing or to be spicy ร้านบะหมี่ขึ้นชื่อของฉงชิ่ง ที่แค่ชื่อร้านก็รู้เลยว่ามาพร้อมความเผ็ดชาลิ้นตั้งแต่ยังไม่ทันลองสั่ง 5555 แต่ใดใดคืออร่อย ปักหมุดค่ะ
07 Eling Park
(鹅岭公园)
Line 1 Eling Station Exit 1
พอตะวันคล้อยบ่าย เดินเล่นจนหนำใจ อยากให้นั่งรถไฟฟ้าไปต่อกัน ‘Eling Park’ สวนสาธารณะใจกลางเมือง ที่มองเห็นวิวมุมสูงของเมืองฉงชิ่งแบบเต็มตา และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง ภายในสวนค่อนข้างร่มรื่น มีจุดให้เดินเล่นชมดอกไม้ไปเรื่อย ๆ ก่อนจะถึงจุดชมวิวที่เป็นไฮไลต์ซึ่งมองเห็นไปไกลได้ถึงปลายแหลม Chao Tian Men คนเลยมาออกกำลังกายกันเยอะโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่บางคนก็มาวิ่ง บางคนมาตั้งวงเล่นไพ่กลางสวน 5555 กิจกรรมเค้าหลากหลายมากเมืองนี้
08 Liziba Station
Line 2 Liziba Station Exit 1
ข้อดีของการมาเที่ยวประเทศจีนคือ แต่ละวันจะมีเรื่องให้เราตื่นตาตื่นใจได้ตลอดเวลา ตั้งแต่วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ความเป็นอยู่ของผู้คน วันนี้ถึงคิวความเล่นใหญ่ของสถาปัตยกรรมแบบจีน ๆ เราวาร์ปมาที่สถานีรถไฟ Liziba มาดูให้เห็นกับตาว่ารถไฟฟ้าที่นี่วิ่งผ่านทะลุตึก 19 ชั้นจริง ๆ 55555 จะสร้างรถไฟหรอ แต่คนอยู่เยอะนะ ก็ทำรางให้วิ่งผ่านตึกไปเลยสิคะ โดยตึกนี้เป็นที่พักอาศัยของประชาชนจำนวนมาก จึงเลือกที่จะไม่รื้อถอนตึก แต่ใช้พื้นที่เพียงชั้น 6-8 ของตัวอาคารมาทำสถานีรถไฟฟ้าแทน
ความเก๋คือเสียงไม่ไปดังรบกวนการใช้ชีวิตของคนในตึกเลย เพราะเค้าออกแบบด้วยการใช้อุปกรณ์พิเศษที่ดังแค่ 75.8 เดซิเบลเท่านั้น เอางี้เครื่องล้างจานที่บ้านยังดังกว่า! ส่วนด้านล่างสถานีก็มีกราฟฟิตี้เก๋ ๆ ให้ถ่ายรูปเล่นด้วย และร้านขายของที่ระลึกบอกเลยว่าทำได้ดีมากๆ น่าซื้อ เหมือนเดินอยู่ในช็อปเมืองต่างๆ ที่ขายของที่ระลึกในญี่ปุ่น
09 Luohan Temple 罗汉寺
Line 1 Xiaoshenzi Station Exit 4A
OR Line 6 Xiaoshenzi Station Exit 6
มาประเทศจีนทั้งที ขอแวะเข้าวัดเพื่อความเป็นสิริมงคลหน่อยค่ะ แจกพิกัดให้ตามไป ‘วัดหลัวฮั่น’ กัน วัดเก่าแก่ที่มีเสน่ห์มนต์ขลัง เพราะเป็นวัดในตำนานที่สร้างมานานกว่า 1,000 ปีในสมัยราชวงศ์ซ่ง แต่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองท่ามกลางวงล้อมของตึกสูงในมหานคร เหมือนเป็นโอเอซิสเล็ก ๆ แห่งความศรัทธาท่ามกลางเมืองคอนกรีต เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยเสน่ห์ของกลิ่นอายความคลาสสิกและความทันสมัยบาลานซ์กันได้อย่างลงตัว
ภายในวัดจะมีพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ จิตรกรรมฝาผนังสไตล์อินเดีย และรูปปั้นพระอรหันต์ 500 องค์หลงเหลือเก็บเอาไว้ให้ชม สายมูสายไหว้อย่าลืมแวะมาลูบท้องขอพรพระพุทธรูปหินพระสังกัจจายน์ให้สมหวังและโชคดีกลับไปกัน
010 The Ring
Line 5 Chongguang Station Exit 1
อีกหนึ่งโลเคชั่นฮิปเก๋ใหม่ล่าสุดที่ต้องตามรอยคือ ‘The Ring’ คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้สถานี Chongguang ทางออก 1 ด้านในดีไซน์ให้เหมือนเป็นสวนพฤกษศาสตร์ในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ซึ่งโครงการนี้ใหญ่มากกก เป็นห้างสรรพสินค้าไปแล้ว 7 ชั้น และมีสำนักงาน ที่อยู่อาศัยต่าง ๆ อีกมากมาย แต่ที่ปังไม่ไหวคือ ด้านในมีสวนพฤกษศาสตร์สูงกว่า 42 เมตร และน้ำตกลอยฟ้าที่สูงถึง 24 เมตร ร่มรื่นร่มใจแบบไม่ต้องไปตากแดดให้ร้อน แค่เข้ามาก็รู้สึกสดชื่นเหมือนเดินเล่นในป่าฝนที่มีละอองน้ำชุ่มฉ่ำหล่นลงมาบำรุงพืชพรรณต่าง ๆ กว่าพันชนิด ซึ่งเค้าจะมีธีมแตกต่างกันในแต่ละโซน ไม่ว่าจะเป็น Soul Tree, Aerial Forest และ Riverside Hills รวมถึงมีช่วงที่เปิดไฟโชว์แสงสีให้รับชมกันด้วย
ด้านในจะมีอีกหนึ่งจุดที่อยากแนะนำคือ ‘Open Lab’ พื้นที่สงบให้นั่งอ่านหนังสือชิล ๆ เพราะด้านในเค้าเนรมิตให้เป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาทำกิจกรรม แต่เราขอแวะมาพักร่าง พักขา ที่เดินมาตลอดทั้งวันสักแปป แวะจิบชานมไข่มุกให้ชื่นใจก่อนค่อยไปเที่ยวพิกัดต่อไป
011 Chongqing Art Gallery
(重庆美术馆)
Line 1 OR 6 Xiaoshenzi Station Exit 9
พิกัดถัดมาคือ ‘Chongqing Art Gallery’ โลเคชั่นที่หลายคนอาจจะผ่านหูผ่านตากันมาบ้างตามหนังสือดีไซน์ต่าง ๆ เพราะอาร์ตแกลอรีแห่งนี้ได้ฉายาว่า ‘ตึกตะเกียบ’ หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองฉงชิ่งที่เหมือนเอากองตะเกียบยักษ์สีดำและแดงมาวางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ
ที่ปลายตะเกียบสีแดงสังเกตดี ๆ จะเห็นตัวอักษรจีนเขียนว่า ‘กั๋ว’ หมายถึงประเทศชาติ ส่วนปลายตะเกียบสีดำ จะมีอักษรจีนคำว่า ‘ไท้’ ซึ่งหมายถึง ความเงียบสงบหรือความอุดมสมบูรณ์ ด้านในจัดแสดงงานศิลปะหมุนเวียน ใครที่เป็นสายอาร์ตสามารถแวะไปเดินเล่นด้านในได้ ช่วงกลางคืนจะมีเปิดไฟประดับด้วยเช่นกันตอนช่วงประมาณ 19.00 – 20.00 น.
012 Hongya Dong
(重庆洪崖洞)
Line 1 OR 6 Xiaoshenzi Station Exit 9
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากแกลอรี สามารถเดินต่อมาที่ ‘หงหยาต้ง’ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวในฉงชิ่งที่คนนิยมมากัน เพราะได้ฟีลเหมือนย้อนเวลากลับไปยังโรงเตี๊ยมสมัยเก่า เพราะเดิมที่นี่เป็นเรือนไม้โบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 2,300 ปี
จุดนี้เราสามารถเดินเล่นได้แบบเพลิน ๆ เพราะเค้าเป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ แบ่งเป็นโซน ๆ มีทั้งร้านอาหารอร่อย ๆ แหล่งช้อปปิ้ง โรงแรม ตอนกลางคืนไฟทั้งอาคารจะเปิดครบ ทำให้เมืองนี้มีสีสันและชีวิตชีวาบรรยากาศดีขึ้นมาแบบ x10
แนะนำให้เดินขึ้นไปบนชั้น 4 จะเป็นตลาดของกินอร่อย ๆ เลือกแวะกินได้เลยตามใจชอบ ส่วนเราขอซ้ำหมาล่าชาบูอีกสักรอบ เพราะของเค้าจะเผ็ดชาแบบออริจินัลสะใจกว่าจริง ๆ แล้วยังมีจุดชมวิวให้ขึ้นไปเดินเล่นรับลม มองเห็นวิวสวย ๆ ของสะพานข้ามแม่น้ำเจียหลิงและผู้คนขวักไขว่ที่เดินสวนกันไปมาแบบเพลิน ๆ บรรยากาศตอนนี้บอกเลยว่ารักฉงชิ่งสุด ๆ
เราขอยกให้ Day 5 เป็นวันพักผ่อนที่ได้ตื่นสาย ๆ แล้วค่อยออกไปหาคาเฟ่ชิค ๆ จิบกาแฟแถวโรงแรมแทน ที่ฉงชิ่งก็มีร้านกาแฟบรรยากาศดี ๆ และกาแฟโอเคที่น่าจะถูกใจสายคาเฟ่ฮอปเปอร์หลายร้าน พอได้นั่งพักเติมคาเฟอีนแล้วก็ได้เวลากลับไปเก็บกระเป๋านั่งรถไฟฟ้าไปสนามบินแบบชิล ๆ
ขากลับก็สั่งอาหารอร่อย ๆ กับที่นั่งไว้รอล่วงหน้าแบบไม่ต้องไปลุ้นบนเครื่องว่ากะเพราอร่อยเหาะของเราจะมีใครสั่งตัดหน้าไปซะก่อน ณ เวลานี้เธอจะคิดถึงอาหารไทยแซ่บ ๆ แบบเราอย่างแน่นอน
และอย่าลืม AirAsia เค้ามีบินตรงลงฉงชิ่งสูงสุดวันละ 2 เที่ยวบิน จะบินเช้า กลับดึกเที่ยวรูทไหนก็สะดวก ใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 3 ชั่วโมงเอง ลงเครื่องพร้อมลากกระเป๋าเที่ยวได้ทันที รีบเซฟแพลน 12 โลเคชั่นดีต่อใจในฉงชิ่งที่เราคัดมาให้แล้วรีบตามไปเที่ยวกันน้า
#wheredowegoTH #ไปจีนไปกับแอร์เอเชีย
#แอร์เอเชียตัวจริงเรื่องบินจีน #AirAsiaTravels
#RevisitTheBeautifulChina #ไปฉงชิ่งไปกับแอร์เอเชีย