เข้าสู่ฤดูฝนแบบ 100% ที่ชุ่มฉ่ำหัวใจทุกคนเหลือเกิน แม้แดดจะน้อย ฟ้าจะหม่นบ้าง และผ้าอาจจะเหม็นอับบ้าง แต่เรื่องเที่ยวก็ไม่เคยเฉาและใครว่าหน้าฝนเที่ยวทะเลไม่ได้ ขอบอกว่ากำลังคิดผิด เพราะเราคงไม่โชคร้ายขนาดที่จะเจอฝนตกตลอดทริปอย่างแน่นอน แถมความพิเศษของหน้าฝนและทะเลคู่กันคือมันเป็นฤดูกาลแห่งการเล่นเซิร์ฟที่มาพร้อมคลื่นลมเหมาะเจาะกำลังดี ที่จะไปโลดเเล่นอยู่บนบอร์ดให้คลื่นพาเราออกไปในทะเล และที่สำคัญทุกอย่าง ถูก ถูก ถูกและก็ถูก!
ตามมาพัก นอนเล่นให้สบายใจกับ 2 โรงแรมน่าพักและกินตามพวกเราใน 6 ร้านอร่อยและ 1 คาเฟ่ที่คัดมาแล้วกัน!
สิ่งสำคัญที่เราขาดไม่ได้ในทุกการเดินทางคือการเลือกพักโรงแรมที่ดี ต่อให้ระหว่างทริปจะทรหดและเหนื่อยแค่ไหน ขอกลับมานอนในห้องพักดีๆ และห้องน้ำสะอาดเป็นอันพอใจแล้ว ต้องลำบากลำบนแค่ไหนก็ไม่หวั่นแต่ที่พักคือต้องดีที่สุด!
ครั้งนี้มาเขาหลัก 5 วัน 4 คืน เลือกพักกับโรงแรมในเครือแอคคอร์ เหมือนเดิม เพราะไว้ใจในคุณภาพและบริการที่ได้มาตราฐานระดับโลกซึ่งมีต้ังแต่ระดับ Luxury ไปจนถึง Budget และในเขาหลักเองก็มีโรงแรมสวยๆ เครือแอคคอร์ อยู่ด้วยกันถึง 2 โรงแรม ทริปนี้เราเลยแบ่งพักผ่อนที่ 2 คืนทั้ง พูลแมน เขาหลัก รีสอร์ท และ แกรนด์ เมอร์เคียว เขาหลัก บางสัก กันไปเลย
พูลแมน เขาหลัก รีสอร์ท (Pullman Khao Lak Resort)
ขอเริ่มกันที่รีสอร์ทติดชายหาดระดับ 5 ดาวอย่าง ‘พูลแมน เขาหลัก รีสอร์ท’ ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเขาหลักและตะกั่วป่า ริมชายหาดบางม่วง ที่เดินออกไปไม่กี่ก้าวก็ได้เหยียบผืนทรายขาวบริสุทธิ์ แบบไม่ต้องนั่งรถออกไปไหนไกลก็ได้สัมผัสคลื่นทะเลอันดามัน และวิวสวย ๆ ของอุทยานแห่งชาติเขาสกแค่เอื้อม แถมใช้เวลาเดินทางไปเมืองเก่าตะกั่วป่าแค่ประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น
ความเก๋และดีงามของที่นี่คือ ดีไซน์ของโรงแรมที่จัดสเปซต่างๆ ได้อย่างดี แถมใหม่มากๆ นางได้แรงบันดาลใจมาจากเอกลักษณ์ของชาวตะกั่วป่า และมีการหยิบเอาวัสดุในท้องถิ่นที่ทำด้วยมือมาเป็นลูกเล่นตกแต่งตามมุมต่างๆ ผสมผสานสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่เราลงใต้มาเที่ยวต้องรู้จักกันดี เดินเข้ามาถึงโซนล็อบบี้ก็จะเจอกับสเปซโล่งๆ รับลมธรรมชาติแบบ Open-air มีลมทะเลพัดเขามาต้อนรับตลอดเวลา โดยรวมเราชอบที่บรรยากาศของโรงแรมมีความสบายๆ สอดแทรกธรรมชาติเข้ามาในทุกจุดที่เดินผ่าน เท่านี้ก็เหมือนได้ผ่อนคลายพักสายตาชั่วขณะแล้ว
ห้องพักที่นี่ก็คือมี Type ให้เลือกเยอะไม่ไหว จะมากับสวีทกับแฟน ควงแขนเพื่อนมาเที่ยว หรือพักผ่อนแบบย้ายสำมะโนครัวกับครอบครัวก็เหมาะ สำหรับห้องที่เราเช็คอินคือ Deluxe Pool Access ขนาด 44 ตร. ม. ที่คุมธีมห้องเป็นโทนสีขาว-เหลืองอ่อนๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย ครบครันด้วยอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ละฝักบัวเรนฟอลชาวเวอร์ เตียง King Size หนานุ่มที่เราอดใจไม่ไหวเอาตัวกระโดดลงไปตั้งแต่เปิดประตูมาถึง แต่ที่พิเศษกว่าห้องอื่นๆ คือสวมบิกินีตัวเก่งเปิดประตูห้องเดินลงไปที่สระว่ายน้ำได้เลย เหมาะกับคนที่ชอบนอนแช่ในสระว่ายน้ำ รับรองว่าสนุก เพลิน เพราะสะดวก
บริเวณสระว่ายน้ำส่วนกลางของโรงแรมจะเป็นแบบฟรีฟอร์มที่ใหญ่มากร่วมๆ กว่า 1,000 ตร.ม. อยู่ตรงกลางของโรงแรมเลย ซึ่งจะมีห้องพักบาง Type ที่มีทางเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำโดยตรง อย่างห้องเราที่สามารถเดินลงสระได้จากในห้อง หรือจะว่ายน้ำไปเรื่อยๆ ฟีลฝึกซ้อมไปลงแข่งโอลิมปิกก็ทะลุถึงกันได้หมดทั้งสระ
ส่วนตอนเย็นๆ ที่นี่ยังมีบีชคลับของโรงแรมคือ KLAM Beach Club ให้เธอไปนั่งกินบรรยากาศพร้อมค็อกเทลแก้วโปรด หรือเบียร์เย็นๆ ดู Sunset ก็เพอร์เฟคไปอีก
ส่วนยามเช้าด้วยความหอมของ Breakfast ที่พนักงานฉีกยิ้มหวานมารอเสิร์ฟหน้าประตูห้อง ใครที่อยากทำทรงแต่งตัวเก๋ โพกหัวทาลิปแดง สวมแว่นกันแดดทานอาหารเช้าแบบคนสวย ที่ลุกมาแต่งหน้าตั้งแต่ตื่นนอนก็สามารถสั่งอาหารเช้ามาเสิร์ฟที่ห้องแล้ว In-room Breakfast แบบเราได้เลย
เมนูอาหารก็จัดมาเป็น A la carte ตามใจฉันประหนึ่งเดินไปเลือกที่ห้องอาหารเอง จัดเต็มครบตั้งแต่ขนมจีนแกงใต้ ซีเรียล อเมริกันเบรกฟาสต์ ไปจนถึง สลัดผัก ผลไม้ ฯลฯ กินต่อก็คว้าชุดว่ายน้ำออกกำลังย่อยต่อที่สระหน้าห้องได้เลย หรือถ้าอยากออกไปทานที่ห้องอาหาร ‘PLAI DINING ROOM’ ก็จัดเต็มและมีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน
‘PLAI DINING ROOM’ เป็นอีกห้องอาหารนานาชาติและอาหารพื้นเมืองที่หลากหลายมาก ให้เลือกได้เลยจะมาจัดเต็มตอนช่วงเวลาไหน เช้า สาย บ่าย เย็น อาหารไทยส่วนใหญ่จะออกแนวหยิบสมุนไพรพื้นบ้านกับเครื่องเทศมาเสกเป็นอาหารอร่อย ๆ ของท้องถิ่น ที่บอกเลยว่ามันดี จะแกงส้ม ผัดเหมียง คือทำถึงรสมากๆ ไม่เหมือนอาหารโรงแรม เผ็ดจนต้องขอให้เค้าทำเผ็ดน้อยให้ทาน 5555 ส่วนอาหารฝรั่งพวกสเต็กปลากะพงหรือสเต็กเนื้อ ที่นี่ทำดีมากๆ แบบเนื้อนุ่มจนงง จากที่กินแบบไม่คาดหวัง กลายเป็นอร่อยเฉยจนต้องกลับมาซ้ำอีกมื้อก่อนกลับ
Juumpo Family Recipes
ร้านอาหารสไตล์ Homies ที่เสิร์ฟอาหารท้องถิ่นของเขาหลักและเป็นสูตรอาหารของชาวจีนอพยพจนที่แนะนำโดยมิชลินไกด์ แล้วยังงี้จะไม่ไปได้หรออร่อยแบบมีสตอรี่ มาเขาหลักแล้วอยากแนะนำให้ลองมาจริงๆ ตัวร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ล็อบบี้ของ Hotel Gahn Khao Lak
หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า ‘Juumpo’ (จุมโพ่) ที่แปลว่าพ่อครัวประจำเรือ ซึ่งอาก๋งของครอบครัวเคยล่องเรือสำเภามาจากเมืองจีน อาหารของที่นี่เลยออกแนวสไตล์เปอรานากันหน่อยๆ แบบคนตะกั่วป่าแท้ๆ ที่ส่งต่อสูตรกันมากว่า 80 ปี การตกแต่งในร้านก็เลยเป็นสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่สอดแทรกสตอรี่ของครอบครัวไปในตัว
พอได้เวลาชิมความอร่อยฝีมือบาบ๋า-ย่าหยาแฟมิลี่ ก็ถึงกับต้องรีวิวกันมาเพื่อบอกต่อเมนูที่ชอบจนต้องร้องกรี๊ดออกมาว่า ‘อร่อยชิบหายย’ ขอยกให้เป็นน้ำชุบหยำกุ้งสด รสจัดจ้านเอาไว้กินแกล้มกับผักสดที่มีที่นี่ที่เดียว ต่อด้วยมะเขือม็อบ ชื่ออาจดูแปลกแต่วิธีการคือเค้าเอามะเขือมาตุ๋นผัดกับเครื่องแกงและกะทิออกมาอร่อยมาก เมนูไฮไลต์อื่นๆ ก็จะมี หมูผัดเคยเค็ม จอแร้งรสกลมกล่อม ใบเหลียงผัดไข่ที่ของแท้ต้องมีกลิ่นกระทะไอเลิฟมาก เอ้ออ! ลืมอีกเมนูคือปลาเค็มฝอย ที่เราสั่งทุกครั้ง สั่งกลับบ้านจนที่ร้านจำได้แล้วว่าเรามาต้องสั่งเมนูนี้
linēn’s oven
เขาหลักเจริญและน่ารักมากขึ้นทุกครั้งที่เรามา ร้านอาหารดีๆ ยังอยู่ครบ และร้านใหม่ๆ คุณภาพดีก็มีมาไม่หยุดเช่นกัน นี่คือคาเฟ่หนึ่งเดียวในใจเราที่เขาหลัก เรียกว่ามาได้แทบทุกเช้าตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น
linēn’s oven เป็นร้านกาแฟมู้ดดีๆ หนึ่งในไม่กี่ร้านในเขาหลัก ที่อยากแนะนำและกลับมาอีกซ้ำๆ เพราะบรรยากาศเกาหลีเกาใจ เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนๆ คู่กับแสงแดดอุ่นๆ มันช่างควรค่าแก่การไปนั่งหย่อนตูดกินกาแฟ และยังมีขนมอร่อยๆ ที่เราแนะนำว่าต้องกินให้ได้คือ ‘ชีสเค้กหน้าไหม้’ เพราะคุณลินินเจ้าของร้านทำเอง โชว์เบิร์นกันสดๆ ไปเลยในร้าน แล้วกลิ่นชีสเค้กคือมันหอมตลบอบอวลกินคู่กับกาแฟ ชาเขียวอะไรก็ดีไปหมด
Khao Lak Elephant Home
มาทดลองใช้ชีวิตกับน้องช้างกันต่อที่ ‘Khao Lak Elephant Home’ สถานอภิบาลช้างเกษียณ และช้างเจ็บป่วยหรือคลอดใหม่ ที่นี่ไม่ให้ขี่ช้าง แต่ชวนมาให้อาหาร มาอาบน้ำช้าง และมาเรียนรู้วิถีชีวิตแสนน่ารักของช้างไทยกัน
ที่นี่ทางเข้าเดียวกันกับหาด Memories Beach อยู่ใกล้ๆ กันไม่ถึง 200 เมตรเลย เข้ามาก็จะเจอบ้านช้างและน้อง ๆ ช้างหลายตัวที่อารมณ์ดีร้องเสียงดังเรียกเราเข้าไปเล่นด้วย แล้วน้องแทบทุกตัวเชื่องมาก สามารถทำกิจกรรมป้อนอ้อย เอามือสัมผัสมอบความรักให้น้องได้แบบใกล้ชิด เพราะช้างหลายๆ เชือกเคยเดินอยู่ตามถนนที่กรุงเทพฯ แต่ช้างที่นี่ได้กลับมาคืนสู่ธรรมชาติ และได้รับการรักษาและดูแลเป็นอย่างดี เลยนิสัยขี้เล่นและร่าเริงมาก ร่าเริงแค่ไหนก็คือถ้าพาไปอาบน้ำน้องก็วักน้ำมาสาดเล่นสงกรานต์ พ่นน้ำใส่หน้าเราแบบนั้นเลย เพราะน้องอยากเล่นด้วย
ที่นี่ยังมีกิจกรรมที่อยากชวนมาลองทำคือ อาบน้ำช้างราคาพิเศษประมาณ 500 บาทต่อคน จะมีคนดูแลคอยพาเราเดินพาน้องไปอาบน้ำ อีกหนึ่งกิจกรรมใหม่ๆ ที่ได้ลองทำแล้วเชื่อว่าจะรักเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นช้างก็ยังมีสัญชาตญาณของสัตว์ควรมีควาญช้างอยู่ด้วยคอยดูแลตลอดเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายนะคะ
Memories Beach Bar and Better Surf School
จาก Khao Lak Elephant Home ขับรถลึกเข้าไปอีกไม่เกิน 5 นาที จะเจอกับหาดที่ใคร ๆ ก็พูดถึงเพราะหาดสวย? อันนั้นเรื่องรอง เพราะเหตุผลแรกที่เราต้องมาคือหาดที่รวมหนุ่มกล้ามแน่นผิวแทน สาวสวยเซ็กซี่บนเซิร์ฟบอร์ดแบบเท่ๆ เอาไว้เป็นอาหารตาอาหารใจ
เมื่อไม่กี่ปีก่อน Memories Beach Bar บาร์กลายเป็น Community ที่ดีที่คนรักทะเลและการเล่นเซิร์ฟต้องมารวมตัวกัน นอกจากหาดที่คลื่นลมทะเลเหมาะแก่การวาดลวดลายเล่นเซิร์ฟมากที่สุดในประเทศไทย อาหารยังอร่อย ผู้คนเป็นมิตร และยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ โดยเฉพาะวิว Sunset ที่ต้องรอคอยมาชมกันให้ได้
Surf School ที่มีการสอนทักษะพื้นฐานก่อนลงน้ำจริง และมีครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด ใช้เวลาแปปเดียวก็ยืนบนบอร์ดออกไปโต้คลื่นได้แล้ว งานนี้รับรองว่าได้ออกกำลังแขน ขา หน้าท้อง แถมได้ภาพสวยกลับไปด้วย
ที่เขาหลักเราสามารถมาโต้คลื่นได้ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนตุลาคม และหลังจากนั้นจะเป็นช่วงที่คนนิยมมาพาย SUP ซะมากกว่าเนื่องจากสภาพอากาศ แต่ไม่ว่ามาฤดูไหนที่นี่ก็สวยและมีเสน่ห์ของมันทุกช่วงเวลาจริงๆ
โก้ยศ
ออกจากปากทางเข้า Memories Beach ไม่ถึง 10 นาทีก็จะเจอกับร้านอาหารที่เราอยาก Recommend ให้มาทานกันอย่างร้าน ‘โก้ยศ’ จากผู้ช่วยเชฟโรงแรมดังที่หาดป่าตอง กลับบ้านมาเปิดร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ด้วยแพชชั่นที่มาพร้อมความอร่อย และกลายเป็นร้านโก้ยศอาหารปักษ์ใต้ที่เสิร์ฟแบบพื้นบ้านในตำนานจนได้รับรางวัล
ทีเด็ดร้านนี้ขอพามาปลดล็อคสกิลปากทองคำ กับความจัดจ้านของโกยศที่ไม่ว่าทำเมนูไหนก็อร่อยหรอยอย่างแรงกับเครื่องแกงผสมตำเอง โดยเฉพาะเมนูหมูกรอบคั่วพริกเกลือ กุ้งผัดกะปิ ใบเหลียงผัดไข่ เนื้อทอดกระเทียมที่อร่อยมากกก ทริปนี้แค่ได้มากินก็คุ้มแล้ว รายการอาหารที่ร้านอาจจะมีไม่เยอะ บางวันมีบางวันไม่มีโดยเฉพาะปลา เพราะที่ร้านได้มาจากชาวประมงพื้นบ้านที่ออกเรือไปหามาทำกันสด ๆ ทุกวัน ที่นี่โต๊ะไม่เยอะ แต่รอไม่นานและอร่อยทุกเมนูจริงๆ
แกรนด์ เมอร์เคียว เขาหลัก บางสัก (Grand Mercure Khao Lak Bangsak)
อีกสองคืนเราเลือกเปลี่ยนบรรยากาศมาพักที่โรงแรม ‘แกรนด์ เมอร์เคียว เขาหลัก บางสัก’ อีกหนึ่งโรงแรมเครือแอคคอร์ ในเขาหลักที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน อยู่ตรงบริเวณหาดบางสัก อีกหนึ่งหาดสวยและเงียบสงบในจังหวัดพังงา และยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลที่อร่อยมากๆ
ก้าวแรกที่เข้ามาทำให้เราคิดถึงหมู่บ้านริมแม่น้ำของไทย เพราะสองฝั่งของโรงแรมจะเป็นอาคารสไตล์ไทยร่วมสมัย โดยมีสระว่ายน้ำตรงกลางยาวสุดลูกหูลูกตาเป็นเหมือนคลองสายเล็กๆ ที่ไหลผ่านบ้านยาวไปทั่วรีสอร์ต เชื่อมโยงห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางไว้ด้วยกัน
การตกแต่งแฝงความเป็นไทยไว้ตั้งแต่ล็อบบี้ แต่เป็นไทยที่ไม่ไทยไทยเกินไปจนทำให้เรารู้สึกกลัว ภายในห้องพักตกแต่งมาในโทนไม้อบอุ่นแฝงความลักชูไว้เบาๆ มีการนำผ้าท้องถิ่นมาใช้ด้วย ที่สำคัญคือห้องค่อนข้างใหญ่ มีระเบียงส่วนตัวทุกห้อง และมีความเป็นส่วนตัวเพราะเป็นอาคารสองชั้นเท่านั้น
รอบนี้เราพักห้องแบบ Deluxe Pool Access พื้นที่เหลือๆ อย่างที่บอกว่าถ้าใครตั้งใจว่าจะมาพักผ่อนแบบอยู่แต่ในโรงแรมเยอะๆ ควรเลือกที่พักที่ห้องใหญ่นะ ไม่งั้นอึดอัดแย่เลย
และห้องที่นี่หน้าต่างบานใหญ่มาก เปิดรับแสงธรรมชาติแบบสุดฟีลสบายๆ ใครที่อยากมาเน้นพักผ่อนเราแนะนำที่นี่เลย สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องก็ครบครัน เราว่าเค้าตกแต่งห้องน้ำโทนสีดำได้เท่มากๆ ดูสวยดูแพง
Patio
สำหรับห้องอาหารของที่นี่จะมีด้วยกันสองห้องคือ ‘Patio’ ที่เราจะตื่นมาทานอาหารเช้ากัน ไลน์อาหารเยอะ ครบแบบฟินจนเลือกไม่ถูกว่าจะกินอันไหนก่อนดี ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าแบบเอเชียและนานาชาติ มี Egg Station ตามสั่งที่ให้เชฟเนรมิตความอร่อยมาเสิร์ฟได้เลย
Green Mango
และอีกห้องอาหารคือ ‘Green Mango’ ห้องอาหาร All Day Dining ริมทะเลที่เน้นเป็นอาหารกลางวันและอาหารเย็นมากกว่า เสิร์ฟทั้งอาหารนานาชาติอย่างพาสต้า แฮมเบเกอร์ และที่เป็นไฮไลต์ก็คืออาหารไทยปักษ์ใต้รสชาติเข้มข้น มาทริปนี้กินอาหารใต้ให้คุ้มไปเลยเพราะกลับไปกรุงเทพก็ไม่มีร้านไหนที่ทำได้อร่อยเทียบกับฝีมือคนท้องถิ่นจริงๆ วันที่เราไปฝนตกหนักมากๆ วันนึง เราเลยได้ฝากท้องที่นี่ทั้งมื้อกลางวันและเย็น แฮปปี้เว่อร์! เป็นอาหารโรงแรมที่รสชาติไม่แย่เลย
Ta Kua Pa Oldtown & Kopi Kuapa
นอกจากหาดทรายสวยน้ำใส เสน่ห์อย่างหนึ่งของพังงาก็คือการเดินเล่นชมเมืองเก่าที่ ‘ตะกั่วป่า’ เมืองเล็กๆ ใกล้เขาหลักแต่มีเสน่ห์ชวนค้นหา เพราะเต็มไปด้วยวัฒนธรรมของชุมชนชาวจีนอพยพ และสถาปัตยกรรมบ้านเรือนของผู้คนอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวสองชั้นที่มีซุ้มโค้งอยู่เป็นแนวเรียงกัน หรือที่เรียกว่า ‘หง่อคาขี่’ หรือ ‘หง่อกากี’ ในรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีส สำหรับเป็นทางเดินเชื่อมต่อหน้าบ้านทุกหลังให้สามารถเดินได้ตลอดถึงกัน
บางจุดของย่านเก่ายังมีมุมน่ารักๆ ของศิลปินที่มาทำสตรีตอาร์ต ถ้าเดินไปก็จะเจอมุมให้หยุดถ่ายรูปอยู่เรื่อยๆ เดินเหนื่อยก็แวะพักหลบร้อนเข้าไปจิบกาแฟในบ้านโบราณ อย่างใกล้ๆ ก็จะมีร้าน ‘Kopi Kuapa’ เป็นร้านเล็กๆ ของบ้านคนจีนเก่าแก่ ที่ด้านในยังมีเฟอร์นิเจอร์จริงอยู่เลย พอได้เดินเข้าไปก็ได้ฟีลเหมือนมาเยี่ยมญาติ และญาติเอาน้ำชามาต้อนรับแขก
ถ้าใครไปตรงกับวันอาทิตย์ ก็แนะนำให้ไปเดินเล่นต่อที่ถนนคนเดินตะกั่วป่าจะอยู่แถวบริเวณบนถนนศรีตะกั่วป่า มีพวกขนมพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่นของเเฮนด์เมดน่ารักๆ ขายเพียบ แล้วอย่าลืมแวะเข้าไปสักการะศาลเจ้าพ่อกวนอู สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกันด้วย
สะพานเหล็กบุญสูง
ปักหมุดขับออกมาจากตัวเมืองไม่ไกล ก็เป็นอีก Spot ที่มาเดินเล่นถ่ายรูปเพลิน ๆ ได้ ‘สะพานเหล็กบุญสูง’ เป็นสะพานเล็ก ที่มีสตอรี่สุดยิ่งใหญ่คู่ตะกั่วป่ามาตั้งแต่ในอดีต เพราะครั้งหนึ่งเป็นสถานที่ที่เฟื่องฟูอย่างมากในช่วงที่มีการทำเหมืองแร่ดีบุก พอหมดยุคก็เอาเหล็กจากเรือขุดแร่มาสร้างเป็นสะพานแห่งนี้ ที่มีความยาวกว่า 200 เมตรเพื่อข้ามแม่น้ำตะกั่วป่า
บรรยากาศสบายเหมือนมาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ที่กรุงเทพ ฯ ไม่มี มองจากตรงนี้จะเห็นวิวภูเขา ข้อดีของการมาช่วงหน้าฝนคืออาจจะได้เห็นฟ้าหลังฝนที่มีหมอกจาง ๆ กับวิวสวย ๆ มาให้สัมผัสกัน
ฮก กี่ เหลา
พามาเปิดรสความอร่อยก่อนกลับที่ ‘ฮก กี่ เหลา’ ร้านอาหารจีนแบบเหลา เหลา บรรยากาศ ง่าย ๆ สบาย ๆ เหมือนเวลาอาซิ้มที่บ้านชวนกินกินโต๊ะแชร์ แต่อร่อยกว่าองกงอาม้าที่บ้านทำอย่างแน่นอน
ร้านนี้ขับรถไกลจากเขาหลักมาประมาณ 30 นาทีแต่ถ้าพักที่ทั้งสองโรงแรมในเครือแอคคอร์ จะใช้เวลาเดินทางมาแค่ประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้นนะ อิอิ เดินเล่นในตะกั่วป่าแล้วเลยมาฝากท้องไว้ได้เลย ด้วยความที่เปิดมานานกว่า 40 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็เยอะ แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีความอร่อยของทุกเมนูยังคงเหมือนเดิมในราคามิตรภาพ จนได้ฉายาความอร่อยถึงกับคว้ารางวัลมิชลินไกด์ BIB GOURMAND มาครอง ไม่ได้มาลองก็เหมือนมาไม่ถึงตะกั่วป่า
จานเด็ดของร้านขอยกให้ปลาเต๋าเต้ยหมอไฟ กับปูก้อนนึ่งราดพริก แฮ่กึ๊นทอดร้อน ๆ กินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย แกงส้มปลายอดมะพร้าว และอีกเพียบที่สั่งมาเยอะจนจำไม่ไหว จำได้แต่รสความอร่อยที่ยังติดอยู่ในความทรงจำจนวันนี้
ร้านเปิด 2 ช่วงเวลานะ คือ 10.30-13.30 และ 16.30-21.30 น. แนะนำให้โทรสอบถามก่อน เพราะบางทีร้านปิดไปออกงานเดี๋ยวจะมาเสียเที่ยว เพราะร้านนี้เค้าฮอตมากจริงๆ ในพังงา
5 วัน 4 คืนของการมาเที่ยวทะเลในช่วงฤดูฝนรอบนี้ อิ่มไปด้วยความอร่อยของลิสต์ร้านอาหารท้องถิ่นต้นตำรับฉบับพังงา ที่บอกเลยว่าต้องมาลองจริงๆ เพราะเป็นเมืองที่จดลิสต์ของกินอร่อยได้อีกยาวเป็นหางว่าว อิ่มอกอิ่มใจกับธรรมชาติรอบตัวและความสดชื่นชุ่มฉ่ำที่มีสายฝนเป็นองค์ประกอบ แค่ได้มากินของอร่อยๆ พักผ่อนในโรงแรมดีๆ ที่บริการประทับใจก็เกินคุ้ม
‘เขาหลัก’ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ตั้งแต่สถาปัตยกรรม ที่ท่องเที่ยว ผู้คนที่ใจดีเสมอ และเป็นเมืองที่ไม่ควรแค่ผ่านมาแต่ต้องแวะอยู่เที่ยวยาวๆ ให้สาแก่ใจจริงๆ!
ทุกคนสามารถสมัครสมาชิก @ALL – Accor Live Limitless โปรแกรมสมาชิกไลฟ์สไตล์จากแอคคอร์วันนี้ รับส่วนลดเพิ่มทันที 5% พร้อมเริ่มสะสมคะแนนเพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น ห้องพักฟรี สิทธิ์อัปเกรดห้อง ประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสมาชิกท่านั้น สมัครสมาชิกฟรีได้เลยที่ https://bit.ly/ALLxWDWG22