ถ้าประชากรทั้งประเทศมีประมาณ 65 ล้านคน เรามั่นใจว่าเกินครึ่งเคยไปภูเก็ตมาแล้วทั้งนั้น เพราะที่นี่คือเกาะสวาท หาดสวรรค์ แหล่งเล่นเซิร์ฟ โรงแรมเก๋ อาหารอร่อย และมีเป็นสิบๆ เกาะที่สามารถเลือกมาดำน้ำให้ปลาตอดแล้วทำหน้าเคลิ้มได้ตลอดทั้งปี แถมเดินทางก็สะดวก แล้วใคร๊ มันจะไม่อยากมาพักผ่อนที่ภูเก็ตหละคะ!!
ล่าสุดเพื่อนสาววัยทำงาน ที่ใช้ชีวิตแบบเข้าแปดออกห้ามาหลายปีดีดัก ทุกๆ กลางปีนางจะเริ่มวอแว อยากไปนู่นไปนี่ จัดทริปให้ที ขอแบบ3 วันพอนะ กูลางานเยอะไม่ได้
(เอ้าาาาา วันลาก็เยอะยังใช้ยากใช้เย็นเนาะ) ปีนี้มาจบที่ ‘ภูเก็ต’ เพราะคอนเซ็ปต์คือ…
“อาหารปากต้องเลิศ อาหารตาต้องแซ่บ ทะเลต้องได้เล่น เกาะต้องได้ไป และที่สำคัญที่นอนต้องดี.. แต่กูมีเวลาแค่ 3 วันนะ” อื้มมมมมม บันดาลให้จ้า เกิดมาเป็นทริปภูเก็ตแบบคนขี้เกียจ 3 วัน 2 คืน กินจุ๊บจิ้บ นอนตื่นสายนี่แหละ
บินตรงภูเก็ตมากที่สุดจะเป็นใครไม่ได้นอกจากแอร์เอเชีย เพราะนางมีเที่ยวบินจากเหนือ อีสาน กลาง หรือพัทยาก็ยังมีบินมาลงภูเก็ต เพราะฉะนั้นถ้าอีเพื่อนตัวดีบอกเดินทางลำบากนี่ไม่จริงเลย เพราะบินตรงภูเก็ตกับแอร์เอเชียนี่มีแทบจะทุกหัวมุมเมืองทั้งประเทศไทย เราเลือกไฟลท์สายๆ จากกรุงเทพประมาณ 11.40 ไม่ต้องตื่นเช้าเกินไป ค่อยๆ นั่งรถมายังไงก็ทัน สั่งอาหารล่วงหน้าบนเครื่องมากินซะหน่อยเพราะเริ่มต้นแค่ 100 บาท กินไป ชมวิวไปเพลินๆ ถึงภูเก็ตบ่ายๆ ก็เริ่มเที่ยวได้ทันที
DAY 1 : EAT ALL DAY!
อย่างที่รู้ๆ กันว่าแต่ละส่วนของภูเก็ตนั้นไกลกันมาก ยิ่งช่วงนี้เกือบทั้งเมืองกำลังขยายถนนเป็นหย่อมๆ เพราะฉะนั้นควรเผื่อเวลาไปไหน มาไหน ให้เยอะหน่อยจะได้ไม่ล่ก หรือตกเครื่องเนอะเราออกจากสนามบินบ่ายนิดๆ รีบบึ่งไป ร้านหมี่สะปำ สูตรคุณยายเจียร ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก หมี่สะปำเป็นหมี่ฮกเกี้ยนสูตรภูเก็ตแท้ๆ น้ำซอสออกเค็มๆ มันส์ๆ สามารถสั่งได้ว่าใส่ไข่หรือไม่ใส่ไข่ เราแนะนำให้สั่งแบบธรรมดากินพอรู้รส อย่าหน้ามืดสั่งแบบอลังการเพราะวันนี้เราจะกินกันทั้งวัน!
เอ้อออ หมูสะเต๊ะร้านนี้เลิศมากกก เพราะน้ำจิ้มมันหอมเครื่องเทศรุนแรง รูดทั้งไม้พร้อมหมูนุ่มๆ คือดีย์!
กินคาวเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้ย่อยซักพัก ขับรถต่อกันเข้าไปในเมืองค่ะ ร้านไอศกรีมร้านใหม่ที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้คือ Torry’s Ice Cream ร้านนี้น่ารักมาก ตกแต่งสไตล์วินเทจนิดๆ ความอร่อยของที่นี่ผสมผสานเอาขนมของภูเก็ตแบบต่างๆ มากินคู่กับไอศกรีม ของหวานแบบบ้านๆ มาเจอไอศกรีมเย็นฉ่ำยังไงก็อร่อย
แนะนำให้สั่งบีโกหมอย ไอศกรีมกินคู่กับข้าวเหนียวดำ ฮื้มมมมม เอาผู้ชายแซ่บทั้งหาดป่าตองมาแลกตอนนี้ก็ไม่ยอมจ้า
STAY IN STYLE : THE SIS KATA HOTEL
นี่คือโรงแรมเปิดใหม่ได้ไม่เกิน 2 เดือนจากวันที่เราไปเข้าพัก เรานับถือโรงแรมนี้ที่สร้างบนเขาและทำได้ดูมาก ที่สำคัญโทนสีของโรงแรม ทั้งเทา ทอง ฟ้าน้ำทะเล ออกมาดูเข้ากันมากเราพักห้องแบบ Sea view และ Garden View ทุกห้องจะมีจากุชชี่อยู่ริมระเบียงสามารถตีฟองให้ฟูฟ่องแล้วเล่นกับเพื่อนหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่พวกเธอก็ได้ทั้งนั้น 55555
เตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ กับราคาห้องแบบเบาๆ เริ่มต้นแค่คืนละ 2,000 นิดๆ ในช่วงนี้บอกเลยว่าคุ้มค่ามากกกก
ส่วนใครที่ชอบว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ เช้าก็ว่าย เย็นก็ว่าย ดึกก็ชอบว่าย ที่นี่ตอบโจทย์มากค่ะคุณพี่ เพราะมีสระว่ายน้ำวิวทะเลสุดลูกหูลูกตาแบบหรูหราหมาหอน
ส่วนกลางคืนมีอีกสระนึงที่เอาไว้ให้นอนดูดาว นับดาวในท้องฟ้า ก็ไม่รู้จะมากพอกับความรักที่ชั้นให้เธอมั้ย แถมสระนี้ตอนกลางคืนยังเปิดไฟระยิบระยับในน้ำ ให้เหมือนอังศุมาลินว่ายไปหาโกโบริที่ทางช้างเผือกไปอี้กกกกกก ส่วนตัวชอบสระนี้เพราะลงไปเล่นแล้วดูแรดดีจ้า 555555
DAY 2 : LET’S GET TAN @ BANANA BEACH
ภูเก็ตช่วง Light Season บางวันอากาศก็ดี๊ดี บางวันก็อาจจะเจอฝน โชคดีวันที่เราไปฟ้าค่อนข้างแจ่มใส เลยได้เวลาไปออกเกาะกัน ปกติถ้าจะออกไปดำน้ำตื้นดูปะการังอาจต้องใช้เวลาทั้งวัน แต่รอบนี้บอกแล้วว่าสายชิว เราเลือกเกาะที่ใกล้ฝั่งมากที่สุด นั่งเรือน้อยที่สุด และมีกิจกรรมเก๋ๆให้ทำด้วย
หวยออกที่ Banana Beach ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของเกาะเฮ เรือออกจากท่าฉลองประมาณ 10 โมงเช้า และสามารถกลับเร็วที่สุดได้ตอนบ่ายสอง กิจกรรมบนเกาะก็หลากหลายมากกกกก เล่ยได้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ ทั้งดำน้ำดูปะการัง (ช่วงนี้ต้องเช็คอากาศ อาจเจอน้ำขุ่น) เดินเล่นหาดทรายขาว Parasailing Zipline หรือพาย Clear Kayak ที่ท้องเรือใสๆ เห็นปลาแหวกว่ายอยู่ด้านล่าง เอาสิ!
เราซื้อ Day Trip มาซึ่งรวมอาหารกลางวันให้เรียบร้อยแล้ว ราคา 2,300 บาท อาหารรสชาติต่างชาติทานได้แต่ถ้าบอกว่าขอแซ่บๆ นางก็จัดให้ได้ หรือถ้าใครมากันเองแบบอยากมาแปปเดียวอะค่ะพี่ ก็เช่าเรือหางยาวจากฝั่งทางหาดราไวย์หรืออ่าวฉลองก็นั่งมาประมาณ 15-20 นาที ที่บนเกาะก็มีอาหารขาย และเก็บค่าที่นั่งก็มีเหมือนกันนะ
เรือขากลับหากซื้อ Day Trip สามารถเลือกกลับได้สองรอบคือบ่ายสอง กับบ่ายสี่ แน่นอนค่ะว่าอิชั้นกลับบ่าย 2 เพราะถ้ากลับบ่ายสี่อาจเจอรถติด 555555 ขอกลับไปนอนอาบแดดเล่นน้ำสระ กินอาหารโรงแรมแบบสวยๆ อ่านหนังสือ จิบค็อกเทลดีกว่าค่าาาาาาา
อาหารมื้อบ่ายๆ ที่โรงแรมของเรานั้นเลือกเป็นเมนูแบบฝรั่งๆ หน่อย อยากบอกว่า พิซซ่าพาร์ม่าแฮม กับข้าวเหนียวมะม่วงของ The SIS Kata Resort คือดีมากกกก อร่อยแบบน้ำตาไหล ไม่ได้อวยเกินจริง แต่ข้าวเหนียวมูลนั้นนุ่ม ละมุนและถูกอุ่นร้อนมาแล้วอย่างดี กินของอร่อยกับวิวดีๆ นี่เป็นเรื่องราววันหยุดที่เหมือนเจ้าหญิงมาก
ส่วนมื้อเย็นนั้น เรามีมาแนะนำ 2 ร้าน 5555 ด้วยความหิวแบบวัวตายควายล้ม เราเริ่มที่โกเบนซ์ ข้าวต้มแห้ง ร้านนี้ไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงภูเก็ต ร้านเริ่มขายตอนทุ่มนึง กินกันเบาๆ ให้หายอยาก ข้าวต้มแห้งหนึ่ง หมูกรอบอีกซักหนึ่งกำลังดีค่าาาา
ร้านต่อมาคือเด็ดที่ข้าวต้มปลา ฮ้อง ข้าวต้มปลา ร้านบ้านๆ แต่โคตรถูกและอร่อย เรามาหนักที่ร้านนี้ ทั้งข้าวต้มปลา ยำไข่ปลา หมูกรอบทอด กระเพาะปลาผัดแห้ง ร้านอารมณ์ข้าวต้มหลังผับเลิกอะ แต่เลิศมากนะฮ้า
DAY 3 : Beach Hopping!
เราพักกันที่หาดกะตะ เพราะฉะนั้นเริ่มตามหาหนุ่มแซ่บที่หาดนี้กันเลยค่ะ! หนุ่มแซ่บที่ว่านี้อาจครอบคลุมไปหุ่นพี่จีนหุ่นหมี รัสเซียหุ่นคุณพ่อ หรือฝรั่งแบบขบเผาะแซ่บๆ อิอิ
หาดกะตะเป็นหาดที่คนนิยมมาเล่นเซิร์ฟกันมากที่สุด คลื่นซัดชายหาด ดัง ซ่ม! ซ่ม! ซ่ม! กับหนุ่มๆ ที่ผลัดกันโต้คลื่นอยู่ไกลๆ นี่ดีต่อใจเหลือเกิน
แล้วหาดนี้ยังมีคลื่นเทียมด้วยนะ โอ้โหบอกเลยว่าตรง Surf House นั้นแซ่บมากกกกกก แซ่บที่สุดในโลก เห็นแล้วแบบอยากเกิดเป็นน้ำเป็นกระดานโต้คลื่นจะได้อยู่ใกล้ๆ พวกนาง
ถัดจากกะตะ คือ หาดกะรน หาดที่นอนอาบแดดกันเรียงรายเหมือนอยู่โรงแรม 5 ดาว 5555 นี่คือหาดที่ยาวที่สุดในภูเก็ต ส่วนใหญ่เค้านิยมมานอนอาบแดดและ parasailing กัน
จริงๆ หาดพวกนี้ถ้าขับเลียบทะเลไปเรื่อยๆ มันจะไล่จากกะตะ กะรน ป่าตองและกมลา เราขอข้ามป่าตองไปเพราะใครๆก็รู้จัก แต่เราไปต่อที่หาดกมลาเพราะมี Cafe ริมทะเลร้านนึงที่โคตรชิคและอยากให้ไปลองคือร้าน Cafe Del Mar บีชคลับแห่งแรกในประเทศไทย บรรยากาศของร้านชิคมาก โทนไม้อบอุ่น หันหน้าเข้าทะเล ลมโกรกเย็นๆ นั่งจิบค็อกเทลยามบ่ายเก๋ๆ เพลินๆ แถมด้านในยังมีสระว่ายน้ำและบูธดีเจที่มีพูลปาร์ตี้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ตั้งแต่หัววันเลย
เสียดายที่เรามาวันธรรมดาบรรยากาศก็เลยจะดูเงียบๆ หน่อย แต่มานั่งอ่านหนังสือเพลินๆ ซักเล่มก็เพลินดี พอตกบ่ายเรากลับเข้าไปทานข้าวบ่ายๆ เกือบ เย็นที่ ร้านตู้กับข้าว ร้านอาหารต้นตำหรับภูเก็ตแท้ๆ ที่เราไม่เคยพลาดซักครั้งเวลามาเที่ยว ทั้งหมูฮ้องของโปรด แกงเหลืองแซ่บๆ หมี่หุ้นแกงปู หรือใบเหลียงผัดไข่ จัดเต็มและไม่เคบผิดหวังซักครั้ง ส่วนขนมหวานหนะหรอ เค้กอินทผาลัมคือเลิศที่สุดแล้วจ้า
ก่อนกลับกรุงเทพเราแวะเดินเล่นๆ ย่านเมืองเก่าดูตึกสไตล์ชิโน-โปรตุกีส เพลินๆ ฆ่าเวลาก่อนไปสนามบิน ย่านนี้ยังมีร้านกาแฟ และของจุ๊กจิ๊กน่ารักเต็มไปหมด
เรากลับกรุงเทพกับแอร์เอเชียซึ่งสามารถเลือกกลับได้มากถึง 17 ไฟลท์ต่อวันจากกรุงเทพ และจากภูเก็ตเข้ากรุงเทพก็ 17 ไฟลท์ต่อวันเช่นกัน คือบินกันเป็นรถเมล์เลยว่างั้นเถอะ ออกแทบจะทุกชั่วโมง อย่างภูเก็ตเข้ากรุงเทพก็มีตั้งแต่ไฟลท์ 6 โมงเช้า จนถึงเกือบจะเที่ยงคืน สะดวกตอนไหนก็บินตอนนั้น และอยากบอกว่าด้วยความที่ไฟลท์มันเยอะมาก ราคาตั๋วไปภูเก็ตไปกับแอร์เอเชียเลยค่อนข้างถูก เที่ยวกับเพื่อนพร้อมกันได้หลายๆ คน จองล่วงหน้าไม่ต้องนานมาก ก็มาพักผ่อนที่ภูเก็ตได้ทันที!