พอพูดว่ากำลังจะไปเที่ยว ‘พิษณุโลก’ เกือบทุกคนก็จะมีสีหน้างงๆ และถามแบบสุภาพที่สุดกลับมาว่า ‘มันมีอะไรให้แกเที่ยวหรอวะ?!’ ที่นี่คือเมืองผ่านที่แท้จริงในสายตาของหลายๆ คน เราทั้งเราด้วย ไม่เถียงเลยแกเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีที่ไหนเที่ยวบ้าง หรือจะคุ้มค่าต่อการเสียวันลาที่มีเพียงน้อยนิดไปเที่ยวมั้ย อะ! บอกก่อนว่าอย่าเชื่อว่าเรามันดียังไง หรือฟังเราอวยเยอะเกินไป รออ่านให้จบแล้วค่อยตัดสินใจเองว่านี่คืออีกเมืองที่เธอต้องห้ามพลาดรึเปล่า :)
Go North! with World’s Best
บินตรง บินง่าย บินไปพิษณุโลกได้ทุกวันกับแอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก 10 ปีซ้อน แอร์เอเชียมีเที่ยวบินจากกรุงเทพสู่พิษณุโลก 3 เที่ยวบินต่อวัน เลือกบินได้ทั้งวัน แถมใช้เวลาอยู่บนฟ้าแค่ประมาณ 30-45 นาทีเท่านั้น ฟังเพลงจบซัก Playlists นึงก็ถึงพิษณุโลกแล้วหละแก
Hop to Phitsanulok City
ไปลามาไหว้มาถึงเมืองสองแควของแม่การะเกดก็ต้องแวะมาที่นี่ก่อนเลยเป็นที่แรก แม้ว่าตั้งใจว่าทริปนี้จะเน้นเที่ยวแบบ Adventure และธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ก็ห้ามพลาดมาไหว้พระพุทธชินราชเด็ดขาด เพราะท่านทั้งสวยงาม สง่าและศักดิ์สิทธิ์มาทั้งทีควรแวะมาขอพรกับองค์พระพุทธชินราชก่อนเลยเป็นที่แรกและถ้าเวลาเหลือๆ เราแนะนำให้นั่งรถรางชมเมืองเก่าอย่างพิษณุโลกซักรอบ ใช้เวลาประมาณ 40นาที ก็ได้วนเที่ยวรอบเมืองพิษณุโลกแล้วนะ แถมไกด์ยังตลกมากอีกด้วยเวลาเล่าเรื่องของเมืองเก่าแห่งนี้ให้มีเสน่ห์มากขึ้น และราคาก็หลักสิบ ถือว่าคุ้มค่า!
เราเลือกบินไฟลท์เช้ากับแอร์เอเชียมาพิษณุโลกทำให้มีเวลาเที่ยวเหลือมากมายทำให้มีเวลาเที่ยวทั้งวันเต็มๆ ครึ่งวันแรกก็เอ็นจอยรอบตัวเมืองเสร็จเรียบร้อย
มื้อเที่ยงของวันแรกนี่ขอ Recommend มากกกก เพราะอาหารอร่อยแบบอร่อยจริงๆ ทั้งไข่เจียวสมุนไพร และเมี่ยงปลาทู โอ้โห อร่อยจนต้องขอเบิ้ลเลยแหละ
ร้านนี้ชื่อร้าน Amarin Garden อยู่ในตัวเมืองเลย หาง่าย บรรยากาศร่มรื่นและมีที่จอดรถด้วย
จากตัวเมืองพิษณุโลกเราแวะไปเที่ยวเนินมะปรางก่อนในวันแรก ที่นี่ฮอตฮิตมากในหน้าหนาวเพราะอากาศดี วิวสวยและธรรมชาติมากๆ ถ้ามาตอนเย็นจะเห็นค้างคาวบินออกไปหากินโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาหินปูน และข้อดีของการมาเที่ยวหน้าฝนคือบรรยากาศมันจะชุ่มฉ่ำดีเหลือเกิน หญ้าสีเขียว ฟ้าหลังฝนสีฟ้าสด และอากาศที่ไม่ร้อนมากจนเกินไปเพียงแค่เรารอคอยและใช้เวลาที่นี่จะมอบประสบการณ์การที่ดีงามให้เธอแน่ๆ
เสร็จจากภูเขาหินปูนเราก็บึ่งไปต่อที่บ้านสวนชมวิว ที่นี่มีไฮไลท์คือต้นไม้รูปหัวใจและชิงช้าให้เราแกว่งและดูวิวสุดลูกหูลูกตา ควรแวะมาช่วงแดดคล้อยบ่ายไปแล้วและอากาศเย็นๆ สบาย นั่งดูวิวก็ชิวดีเหมือนกันนะ
ที่พิษณุโลกก็มีทุเรียนนะ! แถมดังซะด้วย เค้าเรียกกันว่าทุเรียนหลงรักไทย เนื้อเนียนนุ่ม หวานกำลังดีและอร่อยมากกกก ถ้าไปถึงเนินมะปรางแล้วอย่าลืมชิม!
เรากลับเข้ามากินข้าวเย็นกันในเมืองที่ครัวน่านน้ำ ที่นี่บรรยากาศของร้านดีเลยแหละ ให้ฟีลลิ่งร้านแบบพ่อกินเหล้า ลูกกินข้าวนั่งฟังเพลงไปเพลินๆ ไรเงี้ย อาหารก็อร่อยและหลากหลายมากกกก กินกันไม่หวาดไม่ไหวเลยจ้า
Phu Hin Rong Kla National Park
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ที่นี่เป็นดินแดนประวัติศาสตร์และธรรมชาติมีเรื่องราวมากมายในสมัยคอมมิวนิสต์เกิดขึ้นที่นี่ แต่เราจะขอข้ามเรื่องตรงนี้ก่อนและโฟกัสเฉพาะเรื่องเที่ยวธรรมชาติในอุทยานแห่งนี้ ที่นี่กินพื้นที่มากถึง 3 จังหวัดได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์และจังหวัดเลย ทางเข้าอุทยานของแต่ละจังหวัดก็จะมีที่เที่ยวใกล้และไกลแตกต่างกันออกไป เพราะอุทยานแห่งนี้กว้างมากถึงเกือบ 2 แสนไร่!
เราออกจากตัวเมืองพิษณุโลกตั้งแต่เช้าเพราะตั้งใจจะเดินศึกษาธรรมชาติที่นี่ครึ่งวันเต็มๆ ขอแนะนำซักนิดว่าควรหลีกเลี่ยงการมาที่นี่ในช่วงที่นี่ฝนตกชุกเพราะค่อนข้างแฉะและลื่นมากๆ ควรระมัดระวังในการเดินทางและสวมรองเท้าผ้าใบให้ทะมัดทะแมงที่สุดด้วย เราไปทั้งหมด 4 ที่ด้วยกันในภูหินร่องกล้า เดินศึกษาธรรมชาติไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ ผาชูธง ไปจนถึงลานหินปุ่มที่เป็นพื้นทรายใต้น้ำจนผ่านไปกลายเป็นหินตะปุ่มตะปั่มแปลกตา
จากเส้นทางศึกษาธรรมชาติขับรถมาอีกไม่เกิน 5 นาทีเราแวะอีกจุดนึงที่สวยมากๆ สำหรับเราเพราะดูเขียวขจีและชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษ สวยงาม น่ารักมีกังหันน้ำเหมาะแก่การมาถ่ายรูปแล้วแคปชั่นว่า “สวยใสรักสิ่งแวดล้อมขนาดนี้ พอจะไปเนวิเกเตอร์กับพี่ติ๊กได้มั้ยคะ”
ใกล้ๆ กันยังมีศูนย์โครงการพระราชดำริ ซึ่งถ้ามาเที่ยวหน้าหนาวจะเจอทุ่งดอกกระดาาหลากสีสวยงาม แต่ถ้ามาหน้าฝนแบบนี้ก็จะเจอทุ่งดอกปอเทืองสีเล็กเล็กๆ ให้พอชื่นใจและเดินลงไปถ่ายรูปได้ด้วยนะ เสร็จครึ่งวันเต็มที่กับธรรมชาติที่สุด เพื่อนๆ สามารถทานข้าวกลางวันด้านบนอุทยานได้เลยมีอยู่ 2 ร้านคือ
ร้านดวงใจ หรือ ร้านรังทอง รสชาติก็ทานได้ อร่อยพอดีๆ สำหรับวันหิวๆ หลังจากเดินศึกษาธรรมชาติเสร็จ
ช่วงบ่ายเราไปล่องแพแก่งไฮกันต่อ นี่คือที่เที่ยวใหม่ในพิษณุโลก อ่างเก็บน้ำแก่งไฮ ในอำเภอนครไทย ไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก เราแนะนำให้มาที่นี่ช่วงบ่ายราคาแพของที่นี่จะเป็นราคาเหมาต่อวันวันละ 300-500 บาทแล้วแต่ช่วงและสามารถอยู่ไทยทั้งวันจนถึงช่วงหกโมงเย็น มากระโดดน้ำเล่นเย็นฉ่ำกันได้เลย
ทั้ง 3 คืนที่พิษณุโลกเราเลือกพักในตัวเมืองทุกคืนเพราะไม่อยากย้ายของไปๆ มาๆ เลยพยายามหาโรงแรมใหม่ๆ ที่สะดวกสบาย สะอาดและทันสมัยหน่อย เราพักที่ The Zense Boutique Hotel ราคาไม่แพงและสะอาดสะอ้านแถมมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ทุกวันอีกด้วย เลิฟตรงนี้แหละ!
Rafting and play with giant friends
เช้าวันที่ 3 ของพิษณุโลกเรามีนัดกับเพื่อนตัวใหญ่ทั้งโขลงเลยก็ว่าได้ จากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงทรัพย์ไพรวัลย์ รีสอร์ท ที่นี่ช้างมาเป็นที่ 1
เพราะเค้าเลี้ยงมันกับธรรมชาติ ให้อยู่ในป่าซึ่งเป็นพื้นที่ๆ กว้างขวางของรีสอร์ท มีการฝึกช้างเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ แต่ไม่บังคับช้าง เพราะฉะนั้นที่นี่จะไม่มีการแสดงของช้างในแต่ละวัน ถ้าคิดจะมาดูช้างแสดงบอกเลยว่าที่นี่ไม่มีจ้า! รวมถึงการนั่งช้างศึกษาธรรมชาติที่นี่ก็ไม่มีเช่นกัน ขี่ได้เฉพาะควาญที่ดูแลเท่านั้น
เห็นโซ่ที่คล้องคออยู่นั้นเป็นโซ่เบาๆ ไม่หนัก พี่ควาญช้างบอกว่ามันยังไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ 555 เราใช้เวลาเล่นกับช้างประมาณครึ่งวัน ทั้งพาไปกินอาหารในป่า ไปดูน้องๆ อาบน้ำ และพาไปสอนกิจกรรมการเรียนรู้แบบง่ายๆ เช่นตรวจเท้าทั้ง 4 ข้าง ทำท่าทางให้คุณหมอตรวจ เพื่อที่คุณหมอมาตรวจสุขภาพของน้องจะได้คุ้นเคย ที่นี่ไม่มีการทรมานสัตว์เลยซักนิด ปล่อยให้มันอยู่กับธรรมชาติ อ้วนท้วนสมบูรณ์กันทุกตัวเลย
ที่ทรัพย์ไพรวัลย์ รีสอร์ทยังมีคาเฟ่น่ารักๆ ให้นั่งจิบกาแฟยามบ่าย หรือทานอาหารกลางวันได้ด้วยนะ แถมที่พักที่นี่มีส่วนที่รีโนเวทแล้ว สวยเชียวแหละ ตอนเช้าๆ ก็จะมีน้องช้างเดินทางไปอาบน้ำด้วย น่าร้าก!
ส่วนตอนบ่ายเป็นไฮไลท์ของทริปนี้อีกอย่างนึงนั่นก็คือล่องแก่งลำน้ำเข็กนั่นเอง ข้อดีอีกอย่างนึงของทรัพย์ไพรวัลย์คือที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งลำน้ำเข็ก บอกเลยว่าเราเป็นคนขี้กลัวอะไรแบบนี้มาก ไม่ค่อยกล้าเล่นจนได้มาลองซักครั้ง เฮ้ยสนุก! ล่องแก่งลำน้ำเข็กสามารถเล่นได้ช่วงน้ำหลากคือประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคม เป็นช่วงที่สายน้ำไหลเชี่ยวมากๆ เหมาะแก่การล่องแก่ง
ที่ทรัพย์ไพรวัลย์รีสอร์ทมีแพ็คเกจล่องแก่งและเล่นกับช้างตามธรรมชาติ รวมที่พักและอาหาร 3 มื้อ เริ่มต้นเพียง 1,500 บาท/ คน เท่านั้น! สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสอบถามข้อมูลได้ทาง https://www.facebook.com/Sappraiwanelephantresort
ล่องแก่งที่นี่มีทั้งหมด 5 ระดับ เริ่มตั้งแต่เสียวนิดเดียวจนถึงเสียวมาก และมีทั้งหมด 13 แก่งกินเวลาล่องประมาณ 3 ชั่วโมงแหนะ! มันส์มากเลยจ้า ควรมาลองซักครั้งในชีวิตจริงแล้วจะติดใจกับกิจกรรมนี้ สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือเชื่อฟังคำสังของพี่ฝีพายและห้ามถอดเสื้อชูชีพอย่างเด็ดขาด กลับโรงแรมนอนหลับสบายเลย
Good Bye Phitsanulok
วันที่ 4 ของการเที่ยวพิษณุโลกคือการเตรียมตัวกลับบ้าน! หลังจากตื่นเช้ามาหลายวัน เราตื่นสายๆ เพื่อออกไปทานก๋วยเตี๋ยวห้อยขาชื่อดังร้านต้นตำรับ อร่อยมาก คุ้มค่าแก่การมาทานที่สุด 555 เราเลือกกลับกรุงเทพด้วยไฟลท์บ่าย เพราะไม่อยากถึงกรุงเทพเย็นเกินไป ให้มีเวลาเคลียร์กระเป๋าเตรียมตัวสำหรับทริปหน้าและเพื่อนบางคนก็ต้องกลับไปทำงาน นี่คือความสะดวกของแอร์เอเชียที่มีเที่ยวบินทั้ง เช้า บ่าย และเย็น จริงจริ๊ง!
จาก 4 วันในพิษณุโลกวันแรกที่มาถึงนั้นคิดไว้ว่ามันต้องเป็นเมืองรองที่พลาดได้แน่ๆ 555 แต่ที่ไหนได้ที่นี่เป็นอีกที่ ที่เรากลับคำตัวเองต้องมาแนะนำที่เที่ยวแทน พิษณุโลกกลายเป็นจังหวัดที่เหนือความคาดหมายสำหรับเราไปแล้วโดยปริยาย ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และการผจญภัยในหน้าฝน ทั้งเดินป่า ล่องแก่ง ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ๆ ต้อง Recommend ทุกคนว่าควรมาซักครั้งในชีวิต นี่เป็นเมืองต้องห้ามพลาดพลัสเมืองสุดท้ายที่เราอยากแนะนำในปีนี้ :)
เจอกันใหม่ปีหน้า สัญญาว่าจะหาที่เที่ยวไทยใหม่ๆ และสวยงามคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมาให้ทุกคนอีก