เป็นทริปเปิดโลกอีกครั้งหนึ่ง พูดเลยว่าสำหรับเรา ถ้าพูดถึงจันทบุรีนึกแทบไม่ออกว่ามีอะไร เอาเป็นว่าถ้าเป็นคน เจอกันก็แค่ถามชื่อ ไม่ได้คิดจะสนใจถามไถ่อะไรต่อ จนกระทั่งได้มาสัมผัสจริงๆพูดเลยว่า จันทบุรี ไม่ใช่ขี้ๆ จังหวัดเดียว มีทั้งภูเขา ทะเล น้ำตก
Have you heard of Pha Hin Goob, Chanthaburi?
ครั้งนี้พามาลุยภูเขากันก่อน เพราะปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ จะปล่อยตัวนอน อืดอยู่ในห้องก็ไม่น่าใช่ อุทยานเริ่มเปิดแล้ว ออกไปนอนหลังเเข็งในถุงนอน ดีกว่า
เปิดประเดิมด้วย “ผาหินกูบ” เส้นทางเดินป่า สั้นๆ แต่บอกเลยว่าหินมาก!! ทางเล็ก ลื่น แคบ อุดมไปด้วย หนาม และตัวทาก และที่ค้างคืน ที่บอกเลยว่าตอนไปเห็น จะต้องหันไปถามเพื่อนว่า “จริงจังปะเนี่ย?!?”
If you think of Chantaburi, it seems like an unfamiliar name and probably nothing much to see because it is not frequently mentioned…until you really experience Chantaburi yourself, you’ll know that there are so many ‘unseens’ in this province! Mountains, seas, waterfall you name it! This time round we will kick start with mountain adventure first. Since most national parks are open during this season, let’s go out and explore Pha Hin Goob!
Though the hiking trail is short, it is full of ‘surprise’. The path is small, narrow, slippery but that’s not all. It is also full of thorns and also a home to slugs! And when you first see the accommodation for the night, you might turn around and ask your friend “Are you serious?”. Despite all these hardship, trust me so much fun is ahead of you!
คุณสมบัติข้อนึงของพวกเราเวลาได้ไปไหนบ่อยๆนั้น ไม่มีอะไรมากเลยขอแค่ ” อ ย่ า มี ข้ อ แ ม้ เ ย อ ะ ” ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราใจง่ายต่อคำชักชวน เพื่อนถามไปมั้ย ตอบไปไว้ก่อน “โอเคกูไป” ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร เรื่องเที่ยวๆนี่ปากไวเสมอ คราวนี้เพื่อนมาบอกว่า “ไปผาหินกูบกัน”
เราก็ เอ้อๆ ได้ๆ ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ถามต่อ แต่ตอบตกลงไปละ จนมันมาบอกเราอีกที ก่อนวันไปวันสองวัน “เอาถุงนอน กับชุดอุ่นๆไปด้วยนะ”
.
.
.
” จะพาไปเดินป่า… “
One good thing about us is that we don’t try to make excuses when people ask us to go on a trip. This is another time that we easily said YES even we didn’t know what lies ahead of us and didn’t even bother to ask. Until 2 days before the trip itself, our friend asked us, “Don’t forget to bring sleeping bags and warm clothes”…. “We’ll go forest trekking”
โอ้โห ตาเถร ภาพในฝันในการถ่ายรูปอัพไอจี นั่งกินกาแฟสวมหมวกปีกกว้าง มือถือไอโฟน แล้วใส่แว่นดำในที่ร่ม ดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะตก หายวั๊บบบบบ !! ไปกับตา 5555555 เอาอีกแล้ว กูไปลำบากอีกแล้ว แต่ถามว่าไปมั้ย .. ” ไปดิวะ !! “
That’s when my dream of relaxing in a nice resort with a cup of coffee among beautiful scenery disappeared from my imagination. Another trip with my back on a hard sleeping bag, (not a nice, soft, comfortable bed), just a thought of it already excites us!
มาเดินที่นี่อย่าลืมทาเเป้งด้วย เเป้งอย่างเดียวไม่ต้องมีอุทัยทิพย์ เพราะไม่ได้ให้แต่งไปโชว์ใครนะฮ้า ก็บอกแล้วไงว่าไปเดินป่า หน้าเทาๆ ก็ไม่ต้องทา เพราะ.. แป้งที่ว่าคือ ‘แป้งเห็บหมา’เป็นอุปกรณ์เดียวที่จะช่วยให้เราปลอดภัยจากสัตว์ตัวจิ๋วที่สู่รู้ ! มุดแม่งทุกที่ “ตัวทาก!!!” มันสามารถกระดึ๊บๆ ชอนไชไปทุกส่วนของร่างกาย รู้สึกได้ว่าอี่ตัวทากนี่ต้องเป็นโรคจิตหน่อยๆ เพราะถ้าตรงไหนยิ่งแน่นหนา ยิ่งป้องกัน ยิ่งเห็นว่าเรากลัวตรงไหนปกปิดตรงไหนมันจะอยู่ตรงนั้น ลงทุนดึงถุงเท้ามาทับกางเกงก็แล้ว พี่เจ้าหน้าที่ก็ตัดบท แบบไม่กลัวเสียน้ำใจตรงๆ ว่า ‘ช่วยไม่ได้หร๊อก’
The most important thing to bring here is POWDERS. Of course it is not a normal powder but it is DOG FLEA POWDERS. This will keep you safe from small creature like slugs. Covered clothes and shoes are not good enough. These little things are smart and they will try to get into your clothes no matter how protected you think you are (this is confirmed by the guide who are working there).
ฮึๆ โรคจิตมากใช่ปะ นังทาก เจอจิตกว่าแบบเรา โรยค่ะ โรยเลยแป้งเห็บหมา 555555 งานนี้ชั้นจะไม่ยอมเสียเลือดให้ใคร โรยหน้าโรยหัวได้นี่โรยไปแล้วเหมือนกัน โรยให้มันดูไม่ออกไปเลยว่ารองเท้า กูสีอะไร ! ถ้ามีชุดปลอมตัวเป็นทากกูก็คงใส่เหมือนแล้วไรงี้ โรยจนพี่เจ้าหน้าที่อดรนทนไม่ไหวต้องบอกเราว่า “น้องๆพอก่อน โรยขนาดนี้ ใช้ได้สองสามวันเลยเนี่ย”
So our last weapon to fight off the slugs is the DOG FLEA POWDERS. This is our real hero in preventing the ‘bloodshed’ in this war (from slugs sucking off our blood). We used it so much that the guide told us we might run out of it before we reach the destination (yes we used a lot of powder, as if we “dipped” ourselves in it).
บอกเลยคะว่าการเดินทุกย่างก้าวต้องมีสติ จะมาลั้ล ลา กางเเขนกางขา ไม่ได้นะที่นี่ เพราะตลอดทางเดิน เพื่อไปให้ถึงยอด ลักษณะป่ารอบๆ เรียกว่า เป็นป่าหนาม ละกัน โอ้โหว นึกว่าอยู่ในป่าต้องคำสาป ทางเล็ก แคบ บีบคั้นให้สะดุด ให้ล้มตลอดเวลา ไม่พอ…ถ้าจะล้ม ต้องเล็งด้วยนะว่าจะทิ้งตัวตรงไหนเพราะถ้าทิ้งไปโดนกอหวาย หนามละก็… คิดเอาเองละกันนน
You can see that every step must be taken carefully here. The forest is full of thorns (as if it is under the curse) all the way till the top. Even when you are about to trip, you must have full consciousness to decide ‘where’ to land your body. If you decide wrongly and land on the thorns, ….. you’re just too unlucky.
แม้ว่าเราจะเคยผ่าน ‘พูนฮิล’ ที่เนปาลมาแล้ว ไม่ได้ช่วยให้เราคุยโม้ ได้เลยที่ผาหินกูบ ถ้าเปรียบเหมือนถนน เนปาลเหมือนการวิ่งบนถนนลาดยาง
ความเจริญเข้าถึงแล้ว เดินง่าย ใช้แค่ความถึกอย่างเดียว แต่ที่ผาหินกูบ.. เหมือนถนนลูกรังที่ยังไม่เจริญ เทศบาลไม่เข้าถึง ต้องใช้กำลัง และสมอง
เสาะหาเส้นทางป่ายปีนกันเอาเอง ถึงระยะเวลาจะเดินไม่นานเท่าเนปาลแต่การต้องใช้สมาธิในการเดินสุดๆจริงๆ เอาสิเดินเข้าไป ตัดทางให้หน่อยมั้ยหละ 5555 ปีนหินขาจะแหก เกาะต้นไทรเก๋มากกกกกกกก กลับบ้านมาแทบละเมอปีนต้นไม้ที่บ้าน จนแม่คิดว่าเป็น เมียทาร์ซานเลยทีเดียว !!
Our experiences from trekking at Poon Hill in Nepal can’t really help us here. Although the road was longer in Nepal but over here the level of toughness is much higher. We might have spent more time walking in Nepal but we surely spend more mental energy (on concentrating on the path here) walking in Pha Hin Goob.
“ถึงถ้ำเมื่อไหร่ก็ใกล้เมื่อนั้น”
ห๊ะ…..ต้องเดินผ่านถ้ำด้วยหรอ เอาจริงๆ นึกว่ามาถ่ายหนังของฉลอง ภักดีวิจิตร คิดซะว่าเดินตามล่าหาอังกอร์ พอเห็นถ้ำลิบๆน้ำตาจะไหล
เหยดดด…แล้วเราก็มาถึงจริงๆ เส้นทางผาหินกูบมีหลากหลายรสชาติดีเราชอบ ช่วงแรกจะเป็นป่าหนาม อุดมไปด้วยทาก ผ่านมาเรื่อยๆจะเป็นไหล่เขา อันตรายหน่อย ทางเล็กและลื่นม๊ากก จากนั้นก็จะเป็นป่าไผ่ ต้นไผ่เยอะ อย่างกับในหนังจีน และสุดท้ายก็จะเป็นหิน และถ้ำ คิดซะว่ามาเล่นไตรกีฬาก็สนุกดี ตอนเข้าถ้ำนี่ตื่นเต้นสุดๆ เพราะเราไม่ได้พกไฟฉายมา ต้องคอยรอให้คนข้างหน้าส่องไฟให้ เดินไม่ดี อาจตกร่องหิน มีวูบนึงนึกถึงเรื่อง 127hours เลย ถ้าตกลงไปแล้วแขนติด.. กูมั่นใจว่ากูอยู่ไม่ถึง127hours 1 Hours จะรอดมั้ยก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นบอกตัวเอง” เดินดีๆ นะ ตายไม่ได้ค่ะ !!”
The ‘adventure trail’ at Pha Hin Goob comprises of several ‘stages’ for you to trek through. First stage is the thorny forest with slugs. Stage 2 is the bamboo forest (gives you a feel like you’re in ancient Chinese movie). The last stage is in the cave, full of rocks.
The most exciting part of this trip for me is when we walk through the cave because I forgot to bring flashlight. So I need to depend on my friend in front of me. This trail suddenly makes me think of the movie 127 hours and I thought to myself “if I miss my step and my arm or leg get stuck in-between the rocks, I might not live till 127 hours”. So the message is clear “walk carefully” hahaha.
หลังจากเริ่มเดิน ผ่านมาประมาณ 5-6 ชม. เราก็ได้พาก้นหนักๆ มาถึงที่พักสักที ที่พักที่ว่า ไม่ต้องนึกถึงเตียง ห้องน้ำ หรือ แม้กระทั่ง เต๊นท์ บอกเลยคืนนี้ ผาหินกูบจะพาเราย้อนกลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์ เราจะนอนริมผา ก่อไฟ และมีหินก้อน ใหญ่ๆ คุ้มกะลาหัว เท่านั้น!! เห็นในรูปมั้ยหละ ใต้หินก้อนใหญ่ๆ ก้อนนี้มีช่องว่างเล็กๆ ความสูงประมาณคลานเข่า พอมีที่ให้เราสอดตัวนอน ถึงที่ด้านในจะเล็กๆ แต่สุดปลายขา คือวิวกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
โอ้ยยยยย หายเหนื่อยเลย
After 5-6 hours of walking, we have brought ourselves to the place where we’ll stay for tonight No bed, no toilet, not even tent! We will try to live like cavemen, sleeping on the hill, by the campfire, under the shelter of the big rock.
Yep. Like what you see from the photo, there is a small space at the base of the rock, about 1.5 metre tall, where we can fit ourselves into. Although small, but at the edge of this ‘bed’ where you lay your feet, is the view from the top of the hill, extending out into the distance. This is really worth all the exhaustion!
พอได้วางกระเป๋านั่งพัก นั่งได้เเปปนึง ตดยังไม่ทันหายเหม็นพี่เจ้าหน้าที่ก็เดินมาถาม… “ปะ…ใครจะไปดูด้านบนบ้างครับ” มีด้านบนอีกหรอพี่?! พี่เค้าบอกว่ามีจุดชมวิวด้านบน รีบขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกดินกัน อะๆ ไปก็ไป ที่บอกว่าด้านบน คือด้านบนไอ่หินที่คุมกะลาหัวเราอยูเนี่ยแหละ พี่เจ้าหน้าที่พาเราเดินขึ้นไป เป็นการป่ายปีนแบบอิสระสุดๆ เพราะไม่มีอะไรให้เรายึดเหนี่ยวเลย ! เหมือนอยูบนหิน บางก้อนมีทางราบ บางก้อนไม่มีเลย ลาดลงเหมือนสไลด์เดอร์
A : “โอ้ยยยยยย นั่งก่อนๆๆๆ”
B : “เมื่อยหรอ?”
A : “ป่าว….กูเสียว เยี่ยวจะเล็ดละเนี่ย!!!”
After we rested for a while, the guide asked whether anyone wants to go further up. He said we could climb up the big rock (the one that will be our shelter for tonight) to watch the sunset (of course we won’t miss this). We decided to climb up and this is the real free climbing because there is nothing that we can hold on to! Some rocks are so steep like a slider (but I’m sure you don’t want to slide down this slider). Suddenly one of our friends called out and asked whether we can sit down a while. We thought that he is tired but turns out he is so scared that he almost pee his pants (LOL).
ถ้าไม่ได้พี่เจ้าหน้าที่ คงไม่ได้เห็นอะไรมากมายบนผาหินกูบ เชือกหนึ่งเส้น กับ นันยาง ของพี่ พาเราไปได้ทุกที่จริงๆ พี่แกเดินฉับๆ เหมือนเดินอยู่พารากอน แต่ยังดีที่ลักษณะหินที่ผา เป็นหินหยาบมากๆ สามารถเดินได้เหนียวหนึบ บางจังหวะที่ต้องคลาน ทำเอาเจ็บมือเลยทีเดียว ทำให้รู้ว่า ถ้าจะต้องแนะนำใครมาไอเทม ที่ควรมีไว้ติดตัว คือ”ถุงมือ” ถ้ามืfดนะเดินเฉิดฉายเหมือนอยู่บน แคทวอล์ค เลย…แต่คราวนี้ไม่ได้เอาไป คลานเข่าเป็น
ด็อกวอล์ค ไปก่อนละกัน ไม่ไหวแล้ว เสียวววว
We’re very lucky to have the guide from Pha Hin Goob with us or else we won’t get to see so much on this hill. He could bring us everywhere with just 1 rope.
The guide walks so quickly as if he is walking in a shopping mall. The rocks here are pretty coarse so our feet can get quite a good grip on the ground. Sometimes, though, we have to use our hands to climb, making us realize that next time we should bring gloves here so that we can climb up like a professional.
‘ฟิ้วววว ฟิ้ววววววววววววววววววววว’
คือเสียงที่เราได้ยินตลอดทั้งคืน มันคือเสียงลมที่เล็ดลอดออกมาจากช่องเล็กๆของหน้าผา เครื่องนอน และ เสื้อผ้ากันลม จึงสำคัญ เป็นอย่างยิ่ง
ประมาณตี 5 ไม่ถึงก็จวน แสงอาทิตย์ค่อยๆสะกิดเปลือกตา “ตื่นได้แล้วจ้ะแม่หนู” (ภาษานิทานมาก555) จริงๆแล้วมันอาจจะบอกว่า “เฮ้ย ลุกๆ พระอาทิตย์ที่นี่ไม่เหมือนที่ๆ เคยไปนะ” ตอนแรกก็ไม่อยากตื่นหรอก แต่พอตื่นเท่านั้นแหละ รีบสะกิดเพื่อนเลย
ฟิน..ที่สุดของผานี้คือ เราหันหน้าออกทางทิศตะวันออกพอดี ไม่ต้องออกแรงเดิน เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนที่อื่นๆ แค่ยกคอ กระดิกตีน ดื่มด่ำ ทักทายพระอาทิตย์ตอนเช้า ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสี จากชมพู เป็นส้ม ต่อหน้าต่อตา เป็นการตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ประทับใจไม่รู้ลืมเลย….
The sound of the wind blowing through the channel in between the mountains is whispering to us the whole night. It is quite windy up here so make sure you are coated with enough clothes.
Nearing 5 am, I was woken up by the first light of the day. The moment when I see what is in front of my eyes, I quickly shake my friends to get up to witness this beauty together with me. The best thing about this mountain that we’re on is that it is facing the east so we will be greeted by the sun the moment we open our eyes (don’t have to drag ourselves to watch sunrise like other places we went). The pink sky is slowly turning into orange… such a memorable experience of watching sunrise.
หลายคนที่สงสัยว่าการกิน การอยู่ ที่ผาหินกูบเป็นอย่างไร… บอกเลย ว่าหายห่วงเพราะว่าพี่ลูกหาบ สุดสารพัดประโยชน์ของเราเป็นทั้งลูกหาบ
ทั้งแบกวัตถุดิบใส่หลังมาให้ทั้งไก่ 1 ตัว เนื้อหมู พริก .ข้าวสาร…บลาๆพี่ๆจะมาถึงก่อนเราสัก 1 ชม.ได้หลังจากมาถึงภาพแรกที่เห็นก็เป็นอย่างงี้แหละสลัดร่างเป็นครูกุ๊ก…เตรียมก่อไฟ ทำกับข้าวแล้วจ้า จะแกงเผ็ด แกงป่า ข่าไก่พี่แกจัดให้ได้สุดแล้วแต่จะเตรียมวัตถุดิบมาเลยจ้า
Many of you might wonder about what food can we bring or eat on the mountain. This is not to worry when we have ‘the porter’, a strong, muscular guy who help us carry our bags (or anything we’d like him to carry) up the mountain. With his help, we could afford to bring the any ingredients (chicken, pork, chilli, rice, etc.) for any menu here. The porter reached here 1 hour before us so once we arrive, we start the fire and get ready to cook. After a long day of walking, recharging yourself with a nice home-cooked meal is just so great that 1 is never enough.
ใครที่ชอบบอกว่า เดินเขา ลำบาก หาอะไร กินย๊ากยากอะ…ไงหละ เจอฝีมือครูกุ๊กเข้าไปหม้อเดียวเกือบไม่พอแหนะ…
แต่บอกไว้ก่อนนะ มีอยู่เรื่องนึง สำหรับ ผาหินกูบ ไม่ว่าจะกินอะไร ก็ตาม “ห้ามเหลือเศษอาหาร”ไม่ได้ดราม่า จะสำนึกบุญคุณข้าวอะไร หรอกนะ
แต่ว่าถ้าเหลือ เศษอาหาร ไว้เนี่ยระวังจะมีเพื่อนมากินด้วยเพราะที่นี่ “มีหนู!!!!!” ต่อหน้าต่อตาเลย แค่วางจานไว้เฉยๆนางมาเลย ไล่ไม่ไปด้วยนะ เพราะหนูป่าไม่กลัวคน…พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า ออออ…อย่างงี้แหละมาประจำ คนก่อนหน้า ก่อนนอนไม่ได้แปรงฟันตื่นเช้ามา เล่าว่าเหมือนมีอะไร แตะๆ ปากเมื่อคืน…พี่แกก็ตอบไปแบบใสๆ ว่า “ออ…สงสัยหนูมันได้กลิ่นอาหาร หนะ” เท่านั้นแหละ ผมนี่หยิบแปรงฟันเลย
One important thing to take note here is that “you have to finish whatever you cook”. This is not because of some superstitious reasons or we’re training you a good social manner or anything. It is simply because the rats will come and help you finish your food if you didn’t do so. Even when you leave your plate unattended just for a while, this little helper will quickly come without having to invite. And you can’t really chase them away because forest rats are not afraid of human.
The guide said that this is not surprising. He even told us that there was once that the tourist who came here didn’t brush his teeth before going to bed. When he woke up he told the guide that he felt something was touching his mouth last night. So the guide said “perhaps the rats could smell the food from inside your mouth” (eewwww!). Moral of the story – brush your teeth well before going to bed.
ทริปประเทศไทย มีข้อดีตรงนี้แหละราคาจุ๋มจิ๋ม และ ใช้เวลาไม่มาก ทริปนี้ อาศัย วันหยุด ศ-ส-อ ก็ไปพิชิต ผาหินกูบได้แล้ว รถจากกทม.ก็ขึ้นง่ายๆได้ที่ เซนจูรี่ นั่ง 2-3 ชม.ก็ถึงจันท์ งานนี้โชคดีมีเพื่อนอยู่จึงหมดห่วงเรื่องที่พัก ราคาอาหารก็หารกัน ซื้อวัตถุดิบ 500 รวม 4 มื้อ ราคาลูกหาบ และ เจ้าหน้าที่ คนละ 1,000 บาท ยิ่งไปเยอะตัวหารก็เยอะ
กายพร้อมใจพร้อม หนาวนี้เพิ่งเริ่มต้น ถ้าต้องการไป ต้องโทรไปจองก่อนนะ 084-8649357 แล้วปีนเขาให้สนุกนะ!!!
ลุยยยยยยย
Overall, traveling in Thailand is cheap. This trip to Pha Hin Goob only requires a few days (like Friday, Saturday and Sunday) and small budget.
You can take a van service from Bangkok (the station is at Century shopping mall near victory monument) to Chanthaburi, about 2-3 hours drive. Luckily we have friends in Chanthaburi, so the accommodation was pretty much covered.
As for the food, we share the cost among ourselves (500 baht for 4 meals). The fees for the porter and the guide is 1000 baht for each of them. So if you come in big groups, it’ll be even cheaper.
Feeling excited after reading this? If you are planning to go, please call 084-8649357 to book in advance. Hope you’ll enjoy it!