ชีวิตที่เดินทางบ่อยๆ แบบพวกเราพยายามจะหาวันว่างมาเที่ยวไทยกันตามโอกาสต่างๆ ครั้งล่าสุดในการเที่ยวไทยของไปไง มาไง คือ เกาะยาวน้อย เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องของการใกล้ชิดธรรมชาติ และวิถีชีวิตของคนในเกาะมากที่สุด มีทั้งที่พักแบบโฮมสเตย์และโรงแรมชั้นดีดูคลุมโทนและห่วงใย๊ ห่วงใยสิ่งแวดล้อม นี่คือทริปเบาๆ 3 วัน 2 คืนของเราที่ Paradise Koh Yao Noi
จากกรุงเทพเรานั่งเครื่องมาลงที่ภูเก็ตก่อนต่อรถไปท่าเรือยอร์ช เฮฟเว่น ภูเก็ต เพื่อขึ้น Speed Boat ไปยังโรงแรม จริงๆ มันสามารถมาได้ 2 ทางทั้งจากฝั่งกระบี่และภูเก็ตเลยนะ
เราเลือกพักห้องแบบ plunge pool deluxe studio แช่น้ำดูวิว อ่าวพังงา ตีมของที่นี่จะเป็นสีฟ้าขาวใสๆ มองแล้วเพลินตาสบายใจ
คือจริงๆ การมาพักผ่อนแบบนี้ส่วนใหญ่ฝรั่งจะใช้เวลาเต็มวันในโรงแรม ทั้งเดินชมนก ชมไม้ชมท้องฟ้าและน้ำใสๆ สวีทกันมากค่ะ บางคู่นี่แทบจะป้อนข้าวป้อนน้ำกันจนอยากตะโกนเขาไปกลางวง “นี่! เกินไปละนะคะ!!”
ส่วนอาหารที่นี่ก็อร่อยมากเลย ทั้งเช้า กลางวัน เย็น ชอบสุดก็จะเป็น Seafood Terrace นี่แหละ เอาเท้าเขี่ยทรายเล่นสะกิดคนที่มาด้วยจนนางหันมาถามว่ามึงเป็นอะไรคะ 5555
ประมาณสี่โมงเย็นสิ่งที่เรารอคอยมากที่สุดก็มาถึงคือการนั่งเรือออกไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองที่นี่ คนที่นี่เป็นมุสลิมเกือบร้อยเปอร์เซนต์ ใจดี ยิ้มเก่งและต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น เราขอฝากไว้นิดนึงคือการแต่งตัว แม้ว่าจะไม่ได้เคร่งครัดมากนัก แต่ควรเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่าลืมแต่งกายให้เรียบร้อยก่อนไปเดินเล่นในชุมชนด้วยนะ
ความอบอุ่นของที่นี่เต็มเปี่ยมมากกกกกกกกกกก เดินไปซื้อของกินป้าคนนั้นก็แถมให้ คนนี้ก็แถมให้ กินจุ๊บจิ๊บเป็นเบนซ์ พรชิตา ในตลาดสดชุมชนบ้านท่าเขา แล้วไปพิพิธภัณฑ์เกาะยาว ดูเรื่องราวและประวัติความเป็นมาของที่นี่ กินน้ำมะพร้าวหอมๆ สดจากต้นและส้มตำทอดที่แซ่บเหลือเกิน!
ขากลับจากชุมชนเข้าโรงแรมจะเป็นเวลาโพล้เพล้พอดีช่วงพระอาทิตย์ตกดิน โรแมนติกมากนะค้าาา
เช้าวันต่อมาเราออกไปลัลล้ากันต่อที่ จุดสันหลังมังกร UNSEEN POINT ของเกาะยาวน้อย เค้าบอกว่าถ้าน้ำลงเยอะๆ สามารถเดินเป็นโมเสสข้ามน้ำทะเลได้ 2 กิโลเชียวนะ เธอก็จะได้รูปกลางน้ำแบบพีคๆ
ที่นี่ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกับไอไลท์ที่เป็นต้นตะเคียนยักษ์ 30 คนโอบ เสร็จแล้วเราไปต่อกันที่เกาะผักเบี้ย เรือไปเกาะผักเบี้ยนี่โรงแรมให้บริการฟรี แต่ต้องจองล่วงหน้า 1 วันพร้อมกับออกค่าเข้าอุทยานเอง ไปถึงก็นั่งปิกนิคปู่เสื่อจกปิ่นโตเบาๆ ที่เตรียมมาจากโรงแรม การกินข้าวจากปิ่นโตแบบนี้ทำให้บนเกาะไม่มีขยะสะสมซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก
เสร็จแล้วช่วงเย็นๆ ก็กลับมาที่พัก นั่งกิน welcome drink สวยๆ ริมหาด มีทั้ง cocktail หรือจะเบียร์ก็ชิวไม่แพ้กัน หรือสายน้ำหวาน Mocktail ก็มีให้เลือกเยอะแยะไปหมดเลยจ้า
เราชอบความอนุรักษ์ธรรมชาติของที่นี่มากกกก เซอร์วิสจากพนักงานก็ดีเยี่ยม ตอนเช้าก่อนกลับถ้าใครฟิตๆ ที่นี่มีคลาสโยคะตอน 7 โมงเช้าทุกวันด้วยนะ ใครสายสุขภาพก็เชิญ ส่วนเราขอนอนในผ้าห่มอุ่นๆ ก่อนกลับกรุงเทพไปลุยงานต่อดีกว่า :)