ในทุกๆ ปีประเทศเราจะมีจังหวัดที่เป็นเมืองรองยอดฮิตผุดขึ้นมาเสมอสลับกันไปเรื่อยๆ นี่ยังไม่นับพวกเชียงใหม่ ภูเก็ตที่ร้อนที่ไรก็แห่กันไปดำน้ำ หนาวเมื่อไหร่ก็แห่กันขึ้นดูไปทะเลหมอก “น่าน” เป็นอีกเมืองรองต้องห้ามพลาดพลัส ที่เราอยากแนะนำในปีนี้ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนฝัน หมอกหนา ละอองฝน นาข้าวและอาหารเมืองอร่อยผสมกับความน่ารักต้นตำรับของเมืองเล็กที่กำลังพัฒนา น่านเลยเหมือนลูกสาวที่กำลังสวยให้พวกเราได้เที่ยวกัน ?
Let’s Fly to NAN only 50 mins!
น่านมีสนามบินเปิดใหม่ชื่อเก๋ๆ ว่า “สนามบินน่านนคร” เพราะฉะนั้นจากกรุงเทพก็มาน่านได้ง่ายกว่าเดิมมากๆ เพราะไทยแอร์เอเชียมีบินตรงจากกรุงเทพสู่น่านมากถึงวันละ 3 ไฟลท์ต่อวัน ทั้ง เช้า สาย และบ่าย เหมาะทั้งสำหรับคนทำงานแลคนไปเที่ยวศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ไม่อยากกลับถึงกรุงเทพดึกเกินไปก็เลือกไฟลท์สายๆ กลับมาถึงกรุงเทพช่วงบ่ายได้เช่นกัน
DAY 1 : ความเขียวที่เมืองปัว!
ถึงน่านปุ๊ปเราเริ่มเที่ยวจากนอกเมืองเข้ามาในเมืองเลยออกไปเที่ยวเมืองปัวกันก่อน ขับรถออกจากสนามบินไปแค่ชั่วโมงนิดๆ เราก็จะถึงเขตอำเภอเมืองปัว เที่ยวหน้าฝนแบบนี้ทุกคนควรเผื่อเวลาในการเดินทางให้ดี เผื่อฝนตกจะได้ไม่ต้องรีบค่อยๆ ขับรถชื่นชมธรรมชาติกันไป สวยๆ ปลอดภัยกว่าเยอะ เราแวะที่แรกกิน Brunch สวยๆ ที่ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ
ที่นี่เป็นทั้งฟาร์มเห็ดที่เพาะกันแบบออร์แกนิค แถมยังเป็นร้านอาหารที่อร่อยมากๆ ทุกเมนูจะมีส่วนประกอบจากเห็ดเสมอ อย่างอาหารเมืองต่างๆ ก็จะมีเห็ดประกอบด้วย เช่นน้ำพริกข่าเห็ด ไข่ป่ามเห็ด โอ้ยยยย อร่อยแต๊อร่อยว่าเน้อเจ้า 555555 ทีเด็ดของร้านนี้ไม่ใช่อาหารเมือง แต่เป็นพิซซ่า! อร่อยแบบอร่อยมาก หน้าเห็ดหลายชนิด ซอสเยิ้มๆ โคตรเด็ดเด้อ
บรรยากาศที่เมืองปัวให้ฟีลลิ่งแบบอูบุดบาหลีตอนฝนตก แถมมีน่านสวิงให้เล่นด้วยนะคะว่าไม่ได้ วิวข้างหน้าคือนาขั้นบันไดที่กำลังสวยเลยจ้ะ รอวันเติบโตเป็นข้าวเม็ดเป้งสีเขียวๆ กันไป จริงๆ ใกล้กันยังมีที่เที่ยวอีกทื่คือ วังศิลาแลง เป็นแกรนด์แคนยอนของเมืองปัว แต่เราไม่ได้เข้าไปเพราะวันที่ไปถึงฝนตกหนักมาก เจ้าหน้าที่เลยไม่แนะนำให้ขึ้นไป
จากนั้นเราก็ไปเที่ยวกันแบบราชนิกูลกันต่อ ทริปนี้เน้นเดินสวยๆ กินกาแฟ ช่วยป้าทอผ้ามากๆ 5555 ไม่ต้องลุยหรือลงแรงเยอะเท่าไหร่ก็แฮปปี้ไปอีกแบบเนอะ หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อยเราแวะไปเติมคาเฟอีนเข้ากันที่ ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ บอกกันตามตรงว่ารสชาติกาแฟก็พื้นๆ ธรรมดา แต่ทีเด็ดคือวิว วิวต่างหากที่ชวนฝันของที่นี่มันดีงามมากเลยจ้า
ชวนกันไปเดินอ้อร้อ ทักทายป้าๆ น้าๆ ที่กำลังทำนา พร้อมกับนั่งจิบกาแฟ ชมวิวเพลินๆ บอกแล้วว่าชีวิตชวนฝันชัดๆ!
จากร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ใกล้ๆ กันมีกลุ่มทอผ้าไทลื้อบ้านเก็ต ซึ่งเราสามารถแวะซื้อผ้าทอมือแบบไทลื้อต้นตำรับได้ที่นี่ในราคาที่ไม่แพง แถมถ้าโชคดีเจอกันป้าหลอม เจ้าของที่นี่ ป้ายังใจดีมาสอนเราทอผ้าแบบพื้นฐานรวมไปถึงสอนวิธีการต่างๆ กว่าจะมาเป็นผ้าทอคุณภาพดีซักผืนนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ จ้า!
จากนั้นเรามุ่งหน้าสู่สะปันที่นอนสุดฮิตท่ามกลางธรรมชาติของเราอยู่ที่นั่น เราใช้ถนนสาย 1081 ถนนลอยฟ้าสู่อำเภอบ่อเกลือ เป็นเส้นทางลอยฟ้าสมชื่อจริงๆ เพราะระหว่างทางเราจะเห็นหมอกลอยต่ำผ่านหน้าไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งทางเหมือนขับอยู่บนเมฆเลยค่ะ ชีวิตราชนิกูลขี่เมฆก็มา 5555
ที่พักคืนแรกของคืออุ่นไอมาง รีสอร์ท โฮมสเตย์เล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่ทุกคนควรมาสัมผัสซักครั้งจริงๆ ราคาที่นี่เป็นราคาเหมาต่อหัวประมาณ 1,200-1,500 บาทแล้วแต่ช่วงเทศกาลด้วย เป็นราคาที่รวมอาหารเย็นที่อร่อยมากๆ และอาหารเช้าที่ครบครันแบบเมืองๆ และขนมเล็กขนมน้อยให้อิ่มท้องไปจนถึงเที่ยงกันเลย
ที่นี่เป็นโฮมสเตย์ที่มีอุปกรณ์ครบครันมากๆ ขนาดบางอย่างที่บางโรงแรมไม่มีอย่างไดร์เป่าผม ที่นี่ก็มีให้ เราว่าเป็นอีกที่พักนึงที่มีให้ทุกอย่างแบบครบครันมากๆ ถ้าเทียบกับความห่างไกลตัวเมือง และอยู่ในป่าในดอยแบบนี้ รักที่นี่มากเลย
เรามาถึงช่วงบ่ายๆ ทำให้มีเวลาเห็นแสงโพล้เพล้ยามเย็นและมีเวลาเดินถ่ายรูปเล่นกันก่อนกินข้าวเย็นพร้อมกัน สำหรับเราตอนแรกก็กลัวจะอยู่ไม่ได้ ทั้งไม่มีแอร์ ไม่มีทีวี แถมอยู่กลางป่ากลางดอยที่สัญญาณไวไฟและมือถือขาดๆ หายๆ ตลอด แต่กลับกลายเป็นว่าที่นี่ทำให้เรามีเวลาอยู่กับตัวเอง อย่างน้อยก็มีเวลานั่งหยิบหนังสือที่พกไปด้วยตลอดแต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน ก็ได้เอากลับมาอ่านในทริปนี้นี่แหละ คนเรามันก็ต้องปรับตัวอยู่กันสิ่งที่มีกันนั่นแหละเธอเอ้ยย
DAY 2 : Enjoy your life outside NAN.
เช้าวันที่ 2 ของการเที่ยวน่านยังเริ่มที่อุ่นไอมาง รู้สึกสวยมาตื่นมาเช้านี้ ไม่ใช่วิว แต่เป็นหน้าพวกชั้นนี่แหละ 555 เพราะสดชื่นได้อยู่กับธรรมชาติ ที่ตื่นเนี่ยเพราะเสียงนกไนติงเกลร้องข้างหูว่า “ตื่นนะ ตื่นนะ” … ล้อเล่นจ้า ตื่นเพราะเสียงมอไซค์ที่เค้าเริ่มออกไปทำมาหากินกันแล้วต่างหาก อาหารเช้าที่นี่ยังคงดีงาม ไม่ใช่ ABF แต่เป็นทุกอย่างที่ที่นี่พอจะหาให้ได้ ทั้งอาหารเมือง ข้าวเมือง ขนมเมือง ผลไม้อร่อยๆ แค่นี้ก็อบอุ่นและดีใจมากๆ แล้ว
ใกล้ๆ กันนั้นมีร้านกาแฟที่กำลังจะเปิดในช่วงหน้าหนาวนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับอุ่นไอมางนั่นแหละ พี่เค้าเลยพาเราขึ้นไปชมวิวของที่นี่มุมสูงซะหน่อย นี่ก็ยังไม่วายหอบข้าวหอบของไปนั่งจิบกาแฟสวยๆ บนเนินอีกต่างหาก เท่ปะหละ จริงๆ ถ้าใครอยากทำแบบนี้ติดต่อที่อุ่นไอมางได้เลยนะ มีเป็นแพ็คเกจด้วยแหละ วิวฟินๆ จิบหน้าและหน้าขั้นบันไดมุมสูง สวยสุด!
และแอร์เอเชียก็ยังตามเราไปด้วยทุกที่ด้วยสิทธิพิเศษเมื่อเดินทางกับแอร์เอเชีย เพราะเพียงโชว์บอร์ดดิ้งพาสที่อุ่นไอมางก็รับส่วนลดไปเลย 20% สำหรับที่พักพร้อมอาหารเช้า – เย็นและไกด์นำเที่ยว นี่เผลอๆ ถ้าซื้อตั๋วถูกได้ส่วนลดอีกเหมือนบินฟรีกันไปเลยนะฮ้า
เราออกจากอุ่นไอมางช่วงสายๆ เดินทางไปต่อกันที่อำเภอบ่อเกลือที่นั่นมีบ่อเกลือสินเธาว์ที่อยู่บนภูเขาที่ใหญ่และแปลกที่สุดในโลกด้วยนะ น่าเสียดายวันที่เราไปฝนตก ชาวบ้านเลยไม่ต้มเกลือกัน และช่วงเข้าพรรษาก็จะไม่ต้มเช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนไปก็แพลนเวลากันดีๆ แต่ยังไงก็แล้วแต่ก็สามารถไปเที่ยวได้เพราะมีบ่อเกลือเปิดให้เข้าชมกันฟรีๆ และมีเกลือคุณภาพดีราคาถูกจำหน่ายด้วยจ้า
ช่วงบ่ายเรากลับเข้าไปที่อำเภอปัวอีกครั้ง เพราะมีนัดกับ Cacao Valley ที่นี่มีทั้งรีสอร์ท ฟาร์มช็อคโกแลต และร้านขนม เราสามารถให้ที่นี่จัดทัวร์ไปชมสวนช็อคโกแลตได้ด้วยนะ คนละประมาณ 350 บาทเท่านั้นเอง ไปดูวิธีการดูแล และการผลิตจากต้นโกโก้ ก่อนจะมาเป็นช็อคโกแลตอร่อยๆ ให้ได้ทานกัน รวมไปถึงการทำช็อคโกแลต Handmade ด้วยตัวเอง จะบอกว่าเป็นกิจกรรมโลกสวยอีกแล้วก็คงไม่ผิด เพราะยิ้มตลอดเวลาเลย มันสนุก แปลกใหม่ และมีอะไรให้ทำตลอดเวลาที่สำคัญไม่ต้องกลัวแดด กลัวฝน เพราะมันอยู่ในที่ร่มเย็นสบายมาก
เรากลับเข้าไปนอนในเมืองน่านในคืนที่ 2 เราเลือกพักที่น่านตรึงใจเพราะบอร์ดดิ้งพาส แอร์เอเชียใช้เป็นส่วนลดได้อีกแล้ว จากค่าห้อง 1,800 บาทเหลือเพียง 1,200 บาก แล้วคือห้องใหญ่มากกกกกก ใหญ่แบบเลือกไม่ถูกว่าจะนอนเตียงหรือพื้น
DAY 3 : NAN
พูดกันตามตรงว่าตัวเมืองน่านนั้นใช้เวลาครึ่งวันก็เที่ยวหมดแล้ว ความเป็นเมืองเล็กๆ เที่ยวง่ายไม่ซับซ้อนก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ทำให้เราไม่ต้องคิดมากหรือว่าแผนอะไรให้วุ่นวาย ไม่ต้องกำหนดเวลาที่ตายตัว และปล่อยชิวๆ just go with the flow เราเริ่มจากแวะไปหาปู่ม่าน – ย่าม่านที่วันภูมินทร์ไหว้พระไหว้เจ้าให้ท่านคุ้มครองซะหน่อย และแวะทักทายกับปู่ย่า ที่กำลังทำท่ากระซิบรักเมืองน่านยอดฮิตให้ดูกัน
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับมาที่นี่เราคิดว่าคือการแต่งตัว บางคนมาเที่ยวก็อาจเผลอลืมไปว่าที่นี่คือวัด เพราะฉะนั้นอย่าลืมหาเสื้อผ้าที่มิดชิดสุดภาพและมารยาทก่อนมาเที่ยวกันด้วย อย่างเราก็แวะซื้อซิ่นไว้ใส่กันซะเลย
ที่น่านมีรถรางชมเมืองด้วยนะ! เรานั่งรถรางชมเมืองสวยๆ แวะวัดนู้นผ่านวัดนี้ สามารถขึ้นได้เลยคนละ 30 บาทที่ศูนย์ท่องเที่ยวหน้าวันภูมินทร์เลยแหละ และเราก็แวะไปเยือนเฮือนเจ้าฟองคำ ที่อนุรักษ์และเก็บของเก่ามีค่าไว้ที่บ้าน บรรยากาศเป็นบ้านยกใต้ถุนขึ้นสูง ทำให้โปร่ง โล่งและเย็นสบายมากๆ
ใกล้ๆ กันก็มี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เก็บเรื่องราวและประวัติของเมืองเอาไว้ให้เราศึกษา แถมยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ด้านหน้าคือซุ้มลีลาวดียอดฮิตนั่นเอง บอกเลยนะคะว่าที่มีเหมาะมากกับการแต่งตัวเป็นสาวเหนือนุ่มซิ่น ถ้ามาเป็นชาวกรุงขาสั้น บอกก่อนว่าไม่มีใครด่า แต่ไม่เข้าสุดๆ 5555
ช่วงบ่ายของวันเรานึกครึ้มอกครึ้มใจอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเลยออกไปนอกเมืองซะเลย ขับรถประมาณชั่วโมงครึ่งออกไปเที่ยวเสาดินนาน้อย ที่เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำ ทำให้ที่นี่กลายเป็นแอ่งและมีเสาดินขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาให้เราเดินลงไปถ่ายรูปเท่ๆ ได้ แต่ต้องระวังไม่เหยียบดินที่เป็นเนินเพราะนี่เป็นสมบัติของชาติ อาจทำให้มันเสียหายได้ง่ายๆ ใกล้ๆ กันประมาณ 15 นาที ก็คือดอยเสมอดาวที่เราไปถึงปุ๊ปฝนตกหนักทำให้เดินลงไปเที่ยวถ่ายรูปเล่นไม่ได้เลย
DAY 4 : Preparing to Back Home!
ปกติเวลาไปเที่ยวเราจะแพลนวันสุดท้ายให้ตื่นสายๆ แล้วกลับไปขึ้นเครื่องบินเลย แต่สำหรับน่านมันเป็นเมืองที่ทำให้เราอยากตื่นเช้าไปกินของอร่อยๆ ไปเดินเที่ยวให้ครบไม่อยากพลาดซักที่ เหมือนเช้าวันสุดท้ายที่นี่ เราออกไปเที่ยว หอศิลป์ริมน่าน เดินดูงานศิลปะร่วมสมัยและนั่งกินกาแฟยามเช้าพร้อมเล่นกับเจ้าแมว แค่นี้ก้แฮปปี้แล้วอะ
เสร็จแล้วก็ไปกินอาหารเมืองแบบขันโตกเป็นการส่งท้ายที่ ร้านเฮือนฮอม อาหารเหนืออร่อยๆ โดยเฉพาะแกงยำจิ้นไก่และไส้อั่วอร่อยจนต้องสั่งเพิ่ม และน้ำพริกหนุ่มที่ตำกันสดๆ หอมมากกกกก
ยังไม่หมด! ปิดท้ายทริปด้วยขนมหวานอร่อยอันเลื่องชื่ออย่างขนมหวานป้านิ่มซะหน่อย โอ้โห! หวาน อร่อยจนลืมอ้วน เด็ดสุดของที่นี่คือบัวลอยไข่หวานนะ อย่าลืมลองชิมกัน
นี่คือเสน่ห์เมืองน่านแบบเที่ยวง่ายๆ เก็บครบหลายอำเภอนี่เราอยากให้ทุกคนมาพักผ่อนแบบที่เราสัมผัสได้จากที่นี่ ความอบอุ่นของคนน่านที่พร้อมแบ่งปันให้กับผู้มาเยือน ความอร่อยที่ไม่สิ้นสุด และธรรมชาติที่พร้อมกอดเราแบบไม่จำกัด เที่ยวน่านเที่ยวง่ายกว่าที่คิดเยอะมากกกกก หน้าฝนก็ยังเที่ยวได้สนุกเหมือนเดิม มาเถอะ! แล้วจะหลงรักเมืองนี้