เรารู้ดีกันมาตลอดว่ามาเลเซียคือประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกัน แถมเมืองหลวงอย่าง กัวลาลัมเปอร์ ก็สุดแสนศิวิไลซ์ อีกหนึ่งศูนย์กลางการช้อปปิ้งของอาเซียน ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวมุสลิม ชาวจีนมาเลเซีย และอีกหลากหลายเชื้อชาติไว้อย่างกลมกล่อม กลายเป็นเมืองที่มีสีสัน เที่ยวง่าย เดินทางสะดวก แถมผู้หญิงสวยมากตัวเล็กๆ อย่างพวกเราก็สามารถเดินทางกันได้อย่างปลอดภัย 5555ทริปนี้เราออกเดินทางพร้อมๆ กับบัตรเดบิต ttb all free ที่มีส่วนลดปัง รับเทศกาลหยุดยาวที่พร้อมจะเดินทางไปด้วยกัน พร้อมสิทธิประโยชน์มากมายสุดคุ้มตั้งแต่ก่อนเริ่มเดินทาง ไปจนถึงช่วยเวลาแห่งความสนุกในทริปของเรา ที่ให้เราใช้จ่ายสะดวก สุด ๆ และคุ้มมากแบบครบถ้วนจริง ๆ นี่คือเรื่องราวดีๆ แบบ 3วัน 2คืน ในกัวลาลัมเปอร์ที่อยากเม้าท์ให้ทุกคนฟังและไปตามรอยกันเร็วๆ นี้
มาแวะพักโรงแรมดีไซน์ดีกลางไซน่าทาวน์ กิน Nasi Lemak ของดีมาเลเซีย แวะไปสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอดกันบน Genting Highlands แถมเดินกิน ช้อปปิ้งทั้งวันใจกลางเมืองที่กัวลาลัมเปอร์ 😊
Day 1 – Stay in Style and Explore Kuala Lumpur
ELSE Kuala Lumpur
เรื่องที่พักและการเลือกโรงแรมนั้นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรามากๆ เราเลือกพักกันที่ ELSE Kuala Lumpur เป็นโรงแรมที่อยู่ในเครือ Small Luxury Hotels of the World เพราะฉะนั้นเรื่องดีไซน์ไร้กังวลได้ไม่บ้งแน่นอน แถมตัวโรงแรมยังใหม่มากๆ เพราะพึ่งเปิดให้บริการเมื่อปีที่แล้วนี่เอง เราพักกันในห้องแบบ Mantra Room ขนาดกำลังดี ไม่อึดอัด เพดานสูงโปร่ง ไฟสวยนวลตา เตียงนุ่ม หมอนดี ผ้าห่มอุ่น ผ้าเช็ดตัวหนา ถือว่าครบสำหรับการพักผ่อนให้ 10 เต็มไปเลยค้า
ที่นี่อยู่บริเวณโซนไชน่าทาวน์ที่คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยตัวโรงแรมเอาตึกเก่ามาทำ ทำให้มันมีดีไซน์ที่ผสมผสานทั้งความเก่าและความใหม่ กลายเป็นโรงแรมที่เก๋มากๆ ด้านล่างเป็นบาร์ที่เปิดให้ทั้ง In-House Guest และ แขกจรมานั่งทานได้ ส่วนด้านบนมี Pool Bar ด้านบนก็ดีไซน์เท่ๆ อีกเหมือนกัน น่าเสียดายที่เราไปช่วงอากาศไม่ดี เลยอดเห็นคนชิคกัวลาลัมเปอร์มาว่ายน้ำ นั่งทอดอารมณ์กันที่บาร์ยามเย็น
แถมโรงแรมนี้สามารถจองผ่าน agoda ได้ด้วย และ เมื่อจองและจ่ายผ่านบัตรเดบิต ttb all free เหมือนเราก็สามารถรับส่วนลดได้ทันทีสูงสุด 7% จองผ่านลิงค์ www.agoda.com/ttb ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธ.ค. 66 สุดคุ้มกันไปเลย
Luckbros Kopi
มื้อแรกของเราที่กัวลาลัมเปอร์ เราฝากท้องกันที่ Luckbros Kopi -China Town เพิ่งรู้ว่าร้านนี้มีหลายสาขาก็ตอนกินเสร็จแล้ว ที่นี่เป็นร้านอาหารมาเลเซียนที่กินง่ายๆ เหมาะกับเป็นร้านแรกสำหรับการเปิดท้องที่กัวลาลัมเปอร์ ร้านน่ารักดี มีเคาท์เตอร์เหมือนในโรงแรมเก่าๆ ตกแต่งด้วยไม้และที่เราชอบมากคือตรงกลางร้านเขาจะเจาะช่องแสงธรรมชาติลงมา
เราสั่งกันมาหลายอย่างมากๆ ทั้ง Ayam Goreng, Salted Egg Chick Rice, กาแฟเหมือนโอเลี้ยงบ้านเรา และชาก็มีให้เลือกหลากหลายเลย มื้อนี้เราจ่ายด้วยบัตรเดบิต ttb all free เพราะฟรี FX rate 2.5% รูดฟรี ไม่มีชาร์จเพิ่ม เรทถูก เทียบเท่าร้านแลกเงินเลย และหลายๆ ร้านในกัวลาลัมเปอร์สามารถจ่ายได้ด้วยบัตรเดบิต ทำให้หมดปัญหาต้องพกเงินสดมาเที่ยวได้เลย
REX KL
อย่างที่เราบอกว่าทริปนี้พักกันแถวไชน่าทาวน์ เพราะที่นี่ครึกครื้นมากทั้งกลางวัน กลางคืน อย่างที่ REX KL ที่นี่เป็นคอมมูนีตี้ที่น่ารักมากๆ ของคนที่นี่ถ้าบ้านเราก็น่าจะประมาณ The Commons ที่กรุงเทพฯ เพราะมีทั้งบาร์ คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านไอศกรีม มีพื้นที่ทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ปะปนกัน ความสูงกว่า 3 ชั้นของที่นี่ทำให้มันมีความหลากหลาย รวมถึมีร้านขายหนังสือขนาดใหญ่อย่าง BookXcess ที่ขายหนังสือภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ แถมที่นี่หนังสือถูกมากจริงๆ จนซื้อไปฝากลูกฝากหลานได้สบายๆ เอ้อออ.. และบรรยากาศของร้านก็สวยเก๋ เหมือนเดินในฉากของละครเวทีซักเรื่อง ถ้าใครผ่านไปก็อย่าลืมแวะถ่ายรูปชิคๆ ได้ แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือร้านหนังสือ โปรดอยู่ในความสงบด้วยเด้อ
KLCC/ Petronas Tower
ตกเย็นเราแวะมาดูตึกแฝดปิโตรนาสเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก มีทั้งหมด 88 ชั้น เห็นจากภาพเราก็รู้สึกเฉยๆ แต่ของจริงคือมันสว่างไสวกว่าตึกอื่นๆ ละแวกนั้นหมดเลย พอทั้งสูงและสว่างมันเลยเป็นจุดรวมสายตาของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยอมเมื่อยคอมองตาค้างให้กับความอลังการ
จุดถ่ายรูปกับตึกแฝดก็จะมีทั้ง KLCC Park กับจุดริมถนนอีกฝั่งของสวน ก็จะได้อารมณ์ไม่เหมือนกัน แต่ฝั่งสวน พอเงยหน้าดูตึกมากๆ เริ่มเมื่อย สักพักก็จะมีโชว์น้ำพุกลางสระน้ำ หลังห้าง Suria ตั้งแต่สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม และไม่อันตรายเหมือนบริเวณเกาะกลางถนน ใครไม่รีบลองหาจุดนั่งดูน้ำพุที่มีแบคกราวน์เป็นตึกแฝดปิโตรนาส เป็นคืนแรกในกัวลาลัมเปอร์ที่ดี
Day 2 – More in Kuala Lumpur and Genting Highlands
Nu Sentral / Jalan Alor Street Art
เช้าวันนี้สองเราเริ่มเที่ยวกับแบบแมสๆ โดยตามรอย IG Spot มุมฮิตเวลามากัวลาลัมเปอร์ 555 ที่ห้าง Nu Sentral ถ่ายรูปบันไดเลื่อนหน้าห้างที่เป็นเหมือนช่องหน้าต่าง ดูเหมือนเป็นภาพสามมิติดี แนะนำต้องมาช่วงที่มีแดดจะสวยมาก เพราะแสงจะลอดมาตามช่องไม้ ใครผ่านก็แวะถ่ายรูปได้ แถมบนดาดฟ้าของห้างยังมีเหมือนเป็นสวน Outdoor และมีปีระมิดกระจกใสหลายๆอัน
อีกหนึ่ง Spot ที่หลายๆ คนแวะมาถ่ายรูปทำคอนเทนต์คือถนน Jalan Alor Street Art เป็นถนนที่เพนท์ทั้งผนังทั้งถนน และทั้งตึกให้กลายเป็น Street art สีสันสดใสสุดๆ ใครมาขอให้สดใสเข้าสู้เท่านั้นถึงจะชนะในแคมเปญนี้นะคะ เพราะถ้าเอาความอลังการของ Street Art ที่นี่นั้นให้ 5 เต็ม 10 แต่พอความสวยของพวกเราผสมเข้าไปก็ได้อยู่ให้ 8 เต็ม 10 ละกันค่ะ หักคะแนนสภาพอากาศกันไป
เอ้ออออ.. แล้วแถวนี้เนี่ยมีร้านนวดเท้าอยู่เยอะเลย ใครสายนวดแบบเราจะแวะนวดเท้าหลังจากเดินถ่ายรูปตลอดครึ่งวันก็ได้นะ ราคาพอๆ กันกับบ้านเรา
Thean Hou Temple
เป็นคนไทยไปไหนก็อย่าให้พ้นความมูนะคะ เราขอแวะไปไหว้เจ้าแม่ทับทิบที่วัดเทียนฮัว (Thean Hou Temple) วัดจีนเก่าแก่ที่อยู่กับชาวจีนในมาเลเซียมากว่า 100 ปี ทางมาวัดจะต้องขึ้นเนินเข้ามานิดนึง ถึงวัดจะเห็นว่ามีทั้งคนจีนที่มาไหว้เจ้าแม่ทับทิม นักท่องเที่ยว และกลุ่มทัวร์ แสดงว่าที่นี้คงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดังที่ทุกคนต้องแวะมา
จุดเด่นของวัดเทียวฮัวคือมีขนาดใหญ่ และมีถึง 6 ชั้น และความอลังการของมันทำให้เราเห็นว่ามีคู่แต่งงานมาถ่ายรูป Pre-wedding ที่นี้เยอะมาก เยอะขนาดเจอโต๊ะตั้งขายคอร์สถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกันเลย ว่าแล้วก็ยกมือไหว้ขอเจ้าแม่ทับทิมเผื่อจะได้เจอเนื้อคู่ที่นี้บ้าง อยากได้ไฮโซกัวลาลัมเปอร์บ้างจังเลย
วิธีการเดินทางในการเที่ยวกัวลาลัมเปอร์นั้นสะดวกสบายมาก ถ้าในวันอากาศดีๆ ที่นี่มีทั้งรถไฟฟ้า รถไฟรางเบา รถเมลที่ตรงเวลา รวมไปถึงแอปพลิเคชั่นเรียกรถชื่อดังสีเขียว จะเดินทางแบบไหนก็เอาที่สะดวก แต่จะบอกว่าค่ารถที่นี่ไม่แพงเลย เรียกรถมารับถึงที่คำนวณระยะทางแล้วก็ยังถูกกว่าบ้านเราเยอะ!
Genting Highlands
สองจิตสองใจในตอนแรกว่าจะไปดีมั้ย แต่มาแล้วก็ไม่ผิดหวัง! ช่วงบ่ายของวันที่ 2 เราไปต่อกันที่ Genting Highlands เมืองตากอากาศบนภูเขาใกล้กัวลาลัมเปอร์ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ปกติจะมีรถบัสขึ้นมาเป็นรอบๆ ในช่วงเช้า แต่ถ้าใครแพลนกระชั้นหรือเดินทางกันหลายคน สามารถเหมารถหรือเรียกรถจากแอปพลิเคชั่นต่างๆ มาได้เลย ราคาจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาแต่อยู่ที่ประมาณ 150-200 MYR ต่อเที่ยว
เรามาลงกันที่ Awana Station เพื่อขึ้น Cable Car อีกต่อหนึ่งไปยังด้านบน เส้นทางที่กระเช้าลอยผ่านไป เราจะมองเห็นป่าฝนขนาดใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่บอกว่ามีอายุมากกว่า 130 ล้านปี! มองลงไปด้านล่างกระเช้าจะเห็นต้นเฟิร์นต้นใหญ่ที่ปกคลุมทั่วภูเขา พร้อมกับดอกไม้ป่าและต้นไม้หน้าตาแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นอยู่กระจายเป็นหย่อม ถ้าใครมาช่วงฝนกำลังจะตกหรือหลังฝนตกไปแล้วแบบเราก็จะเห็นหมอกลอยเป็นหย่อมๆ บนภูเขา เอาจริง สวยเกินต้านอยู่นะ
Genting Highlands นั้นเป็นเมืองความบันเทิงครบวงจรสำหรบการพักผ่อนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีทั้งสวนสนุกกลางแจ้ง และสวนสนุกในร่ม ใครคิดว่าที่นี่จะบ้ง บอกเลยว่าไม่นะจ้ะ เพราะเจ้าของเดียวกันกับที่เกาะ Sentosa ในสิงคโปร์ นั่นก็คือ Resort World ที่นี่มีการจัดการที่นี่ มีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โรงแรม คาสิโน และโชว์ต่างๆ ที่สลับสับเปลี่ยนกันมาเป็นซีซั่น
รวมถึงร้านอาหารอร่อยๆ อีกเพียบ บอกก่อนว่าตอนแรกที่ตั้งใจมาเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ เราคิดไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องไม่มีหมูให้ทานแน่เลย แต่ผิดถนัดเพราะประเทศนี้มีคนหลากหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน เพราะฉะนั้นร้านอาหารประเภทแบบ Non- Halal ที่เป็นการบอกกลายๆ ว่าร้านนี้อาจมีส่วนผสมของเนื้อหมูอยู่เยอะเลย เราไม่ลืมที่จะจ่ายด้วยบัตรเดบิต ttb all free อีกแล้ว เพราะว่าสะดวกมาก เรทถูกจริง เราแทบไม่ได้ใช้เงินสดเลย
ถ้ามีเวลาเราแนะนำให้เดินเล่นสวนสนุกในร่ม ถ้ามองเผินๆ จะรู้สึกว่ามันสำหรับเด็กน้อย แต่พอเดินดูไปเรื่อยๆ ผ่านเครื่องเล่นซ้าย ผ่านเครื่องเล่นขวา ก็เอาซักหน่อยวะ 5555 ซื้อบัตรเครื่องเล่นผ่านตู้อัตโนมัติโดยใช้บัตรเดบิต ttb all free แตะปุ๊บ จ่ายได้ทันที ไม่มีชาร์จ 2.5% แล้วไปดูวิวมุมสูงบนชิงช้าสวรรค์ในร่มซะหน่อย หรือจะวัดดวงหาภาระใหม่เป็นตุ๊กตากลับบ้านก็เกมส์ละประมาณ 70บาท
Pintasan Saloma Link
เรากลับเข้ามากัวลาลัมเปอร์ถึงตอนค่ำ ก็ขอแวะ spot ถ่ายรูปใหม่ตอนกลางคืนที่ Pintasan Saloma Link เป็นสะพานคนเดินข้ามถนนไฮเวย์และแม่น้ำ Klang จุดเด่นของสะพานนี้คืออุโมงค์ที่มีรูปร่างคล้ายกับใบพลูที่พับเป็นทรงสามเหลี่ยมซ้อนกันที่ใช้สำหรับพิธีแต่งงานของชาวมาเลเซีย เรามาตอนสามทุ่มกว่าๆแล้ว แต่คนยังยืนถ่ายรูปอยู่เต็มสะพาน
มุมจากที่เรายืนมองจะเห็นสะพาน Pintasan Saloma Link ด้านหน้าและมีตึกแฝดปิโตรนาสอยู่ด้านหลัง ถ้ากล้องใครมีความสามารถในการเก็บภาพให้เห็นหมดคือจะสวยมากก เรายืนถ่ายรูปกันจนเขาปิดไฟตอน 4 ทุ่มกว่าๆ พลังงานชีวิตใช้ไปเกือบหมด ตัดสินใจกลับโรงแรมพักร่าง
Day 3 – Before Back Home!
Merdeka Square
เช้าวันสุดท้ายในกัวลาลัมเปอร์ เราแพลนเก็บ Landmark เพิ่มอีกหนึ่งจุดที่ Merdeka Square สถานที่รำลึกการประกาศอิสรภาพของมาเลเซียจากการถูกปกครองจากชาวโปรตุเกส ชาวดัชท์ และสหราชอาณาจักร ทั้งหมด 446 ปีก่อนจะกลับมามีอิสรภาพและปกครองด้วยตัวเอง จตุรัสนี้เป็นสถานที่เดินสวนสนาม เฉลิมฉลองและชักธงชาติมาเลเซียขึ้นเสาธง เป็นวันที่สำคัญของคนมาเลเซียมากๆ
บริเวณจตุรัสมีจุดถ่ายรูปหลายมุมเลย ถ้าเดินอ้อมไปทางด้านหลังจะเจอเป็นสระน้ำยาวไปจนถึงตรงจตุรัส แค่คิดว่าจะเดินไปถ่ายรูปข้างหลัง เราชอบ Vibes บริเวณสนามหญ้าด้านหน้านะ มันดู Happening ดี มีคนออกมาทำกิจกรรมหลากหลาย รวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างเราด้วย
เอาหละก่อนกลับเรากลับมาชิค แถวไชน่าทาวน์กันซักหน่อย เพราะมีร้านน่ารักๆ และขนมชื่อดังแถวนี้เพียบ
Bunn Choon Restaurant
เริ่มกันที่ Bunn Choon Restaurant ร้านดังเรื่องทาร์ตไข่ และขนมเปี๊ยะไส้ต่างๆ แถมยังมีติ่มซำรสชาติแบบเหลาๆด้วยแต่ต้องรอโต๊ะเกือบ 40 นาที เราเลยตัดสินใจซื้อแล้วก็มายืนกินหน้าร้านแทน เราสั่งทาร์ตไข่มาทุกแบบที่ร้านเขามีเลย มันจะต่างกันตรงตัวพายข้างนอกคือมีแบบธรรมดา งาดำ และ ชาโคลล์
แนะนำว่าควรกินตอนมันอุ่นๆอยู่ จะอร่อยมาก รสชาติเป็นหวานน้อย อร่อยเลย แต่ตัวพายจะออกแนวกรอบร่วน ถ้าใครชอบแป้งคล้ายๆพาย อาจจะชอบ ส่วนตัวเราชอบแนะนำว่าลองซื้อชิมดู ราคาต่ออันละ 2.70 ริงกิต ราคากำลังน่ารัก!
Kwai Chai Hong
เดินถัดมาอีกประมาณ 20 เมตร จะเจอกับ Street Art ที่ Kwai Chai Hong และในเวิ้งหลังร้านทาร์ตไข่ จะมีมุมถ่ายรูปกับผนังตึกชั้น 2 เป็น Street Art ที่เหมือนเอาวิถีชีวิตของคนในย่านนี้มาเพ้นท์ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป มุมนี้มุมยอดนิยมใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูป
DayOne DayOne Concept
มูฟออนต่อไปอีกร้านแบบไม่ต้องพัก ร้านนี้กินกันแบบจริงจังเพราะอร่อยจริงๆ DayOne DayOne Concept เป็นแนวอาหาร Taiwan สไตล์ Homie หน่อยๆ เขาจะดังพวกเส้นบะหมี่ทำเอง เรียกว่า Chew Chew Noodles แนะนำว่าควรสั่งเมนูบะหมี่เขามาชิมเพราะว่าอร่อยแล้วก็รสชาติกินง่ายๆ ไม่จี๊ดจ๊าด เหมาะสำหรับเป็นอาหารเช้า
Da Bao
ส่วนใครที่เบื่ออาหารเส้นหรือยังไม่อิ่ม อีกร้านใกล้ๆ กันอย่าง Da Bao ก็น่ากินไม่แพ้กัน ที่นี่ขาย Bao ตามชื่อแต่สอดไส้ต่างๆ ให้เลือกได้ตามใจชอบ เราสั่งเป็นไส้ไก่ทอด ตอนเปิดกล่องมาคือแอบช๊อค เพราะชิ้นใหญ่เว่อร์ และรสชาติดีเลย ไม่แปลกใจที่คนเต็มร้าน!
ร้านค้าในไชน่าทาวน์บางร้านอาจจะยังไม่รับบัตรเครดิตหรือเดบิต ด้วยความที่ขายกันมาดั้งเดิมแบบยาวนาน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาถ้าเรามีบัตรเดบิต ttb all free มาด้วย เพราะเธอสามารถกดเงินสดได้จากที่ไหนก็ได้ทั่วโลก โดยมีค่าธรรมเนียมเพียง 75 บาทซึ่งปกติแล้วบางธนาคารอาจชาร์จตรงนี้มากถึง 100 – 150 บาทกันเลย ประหยัดไปเกือบเท่าตัว! บางทีถูกกว่าเราเสียค่ารถไปลกเงินตามร้านแลกเงินอีก
Pavilion Kuala Lumpur
ที่สุดท้ายก่อนกลับไทย เราขอไปเดินเล่นสบายๆ ตากแอร์เย็นๆ ในห้าง Pavilion Kuala Lumpur อยู่ในย่าน Bukit Bintang เป็นย่านที่มีห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหารสองฝั่งถนนยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ย่านนี้จะคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีทั้งนักท่องเที่ยว คนทำงาน และ คนมาเลเซียเองที่มาเดินจับจ่ายซื้อของกันอยู่แล้ว
Pavilion Kuala Lumpur ห้างขนาดใหญ่และเป็นห้างที่รวมช้อปแบรนด์เนมไว้แทบจะทุกแบรนด์ ใครสายช้อปปิ้งแนะนำว่ามาที่นี้ที่เดียว ครบทุกแบรนด์ ส่วนข้างล่างจะเป็น Supermarket และ Food court เดินช้อปปิ้งเหนื่อยๆ ในห้างก็มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ให้นั่งพักสวยๆ ก่อนจะถึงเวลาไปสนามบิน
ทริปนี้เป็นเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดที่อยากกลับมาเที่ยวมาเลเซียอีกรอบ เพราะความทรงจำเก่าๆ ของมาเลเซียของเรา แทบจะเป็นศูนย์ และแอบคิดว่าจะมีอะไรให้เที่ยวหรอ กลายเป็นว่าแค่ในกัวลาลัมเปอร์ เราสามารถไปเที่ยวทั้งเชิงประวัติศาสตร์ หรือจะเดินดูงานอาร์ต คาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์อะไรก็คือมีครบ ไม่ว่าจะเป็นคนสายไหนเราก็คิดว่าน่าจะชอบที่นี้ หรือถ้าเป็นสายธรรมชาติก็แนะนำให้เที่ยวเมืองใกล้ๆ อย่าง เก็นติ้ง หรือ มะละกา (ที่เราอยากไปเหมือนกัน)
อีกอย่างคือเดินทางใกล้ๆ แค่ 2 ชั่วโมง ไม่ต้องขอวีซ่า เตรียมตัวแปบเดียว ทริปนี้เราแทบไม่ได้ใช้เงินสดเลย ใช้แค่บัตรเดบิต ttb all free จ่ายเกือบทุกร้าน ข้อดีของบัตรเดบิต ttb all free คือฟรี FX2.5% จะที่ร้านอาหารหรือร้านค้าก็คือฟรีเหมือนกัน หรือถ้าใครอยากกดเงินสดก็แค่หาตู้ ATM กดเงินตามปกติได้เลยค่าธรรมเนียมแค่ 75 บาท เรทค่าเงินที่รูดใช้ผ่านบัตรแทบจะเท่ากับเรทแลกเงินสดเลย ปัญหาหลังทริปที่จะต้องหาเวลาไปแลกเงินคืน หรือ ได้เหรียญมาเต็มกระเป๋าแลกกลับไม่ได้ก็ไม่มีเลย ใช้เท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้นจริงๆ ที่ชอบอีกอย่างเลยคือเค้ามีประกันอุบัติเหตุให้ด้วยนะ แค่มีเงินฝากติดบัญชีไว้ 5,000 บาททั้งเดือน แค่นี้ก็ไปเที่ยวได้แบบอุ่นใจแล้ว