ถ้าเป็นเมื่อก่อน นึกถึงที่เที่ยวในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์คงไม่พ้นในห้างที่เปิดเพลงบรรยากาศเดิมๆ
หรือเต็มที่ก็ประเทศเพื่อนบ้าน ไกลออกไปนิด อย่างสิงคโปร์หรือว่าฮ่องกง
ซึ่งแค่พูดชื่อ หน้าก็จะหลายเป็นบะหมี่เกี๊ยวกุ้งกับ ข้าวมันไก่กันอยู่แล้วจริงๆ 55555
แต่เดี๋ยวนี้ ใครๆก็ไปได้ไกลกว่าเดิม ล่าสุดนี่ก็พีคเหลือเกินชีวิต มีเวลาว่างประมาณ 3 วันก็ไปญี่ปุ่นเว้ยแก!!
ทำเป็นเล่นไป นั่งเครื่องเบาๆ 5 ชั่วโมงกว่าก็ไปเดินแรดอยู่โอซาก้าได้แล้ว หื้มมมมมม นึกว่าไปเชียงใหม่
เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาน้อยต้อง Set goal ให้ตัวเองดีๆ ว่าจะไปไหนบ้าง เดินทางยังไง
อย่างรอบนี้ เราจะไปเล่นเครื่องเล่นที่ Universal Studio Japan ออกไป Jump Summer
แล้วกระโดดขึ้น JRwest ออกไปเที่ยวนอกเมืองโอซาก้า
โอ้ยยยย! โปรแกรมแน่นขนาดนี้ แต่หมาไข่ ไก่เห่า เต่าบิน เชื่อพี่เถอะว่า แค่ 3 วันก็ทัน!!
รอบนี้เราออกเดินทางกับ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ บินตรงทุกวันแบบไม่ต้องต่อเครื่องที่ไหน จากดอนเมือง
ก็นอนตดๆ ไปยาวๆ ถึงโอซาก้าได้เลย และตอนนี้ก็ปรับเวลาใหม่ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม 1 ชั่วโมง ทำให้ถึงคันไซเร็วขึ้น
ต่อรถไฟ รถบัสเข้าเมืองง่ายขึ้น เราเลือกนั่งใน Quiet Zone
หรือโซนเงียบ ที่จะไม่มีน้องหนูเสียงดังเจี๊ยวจ้าวมายียวนให้กวนใจ หลับสบายเก็บแรงได้เต็มๆตลอด เกือบ 6 ชั่วโมงบนเครื่อง
ถ้าใครบินกับ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เราแนะนำว่าให้สั่งอาหารล่วงหน้าเป็น “กระเพราไก่ไข่เจียว”
โอ้โห.. อันนี้ไม่โม้ แต่มันโคตรอร่อย 555 ยิ่งกินบนฟ้าช่วงบ่ายๆ มันจะมีโมเม้นท์แบบ…อื้มมมมม ดีงามไปอีก
แถมบนเครื่องยังมีบริการ Sky Ticket คือ สามารถซื้อบัตรเข้า Universal Studios Japan ได้จากบนเครื่องเลยด้วย
ใครลืมซื้อออนไลน์มา แนะนำให้ซื้อบนเครื่องเลย เพราะราคาเท่ากับที่เคาท์เตอร์หน้าสวนสนุก เงินสด เงินไทย เงินเยน บัตรเครดิตร้อยล้านจ่ายได้ทั้งนั้น และไม่ต้องต่อคิวนึกคิวสวนสนุกออกปะหละ…ฝันร้ายที่แท้จริงเลยแหละ
Day 1 : Universal Studios Japan
อย่าไปเชื่อถ้าใครบอกว่า “วันธรรมดาคนน้อยแก ไม่เท่าไหร่หรอก” ตบปากแรงๆ ได้เลย
เพราะที่นี่ไม่ว่าวันไหนคนก็เยอะ เยอะแบบเยอะมาก หน้าร้อนคนก็ยังเยอะ
แล้วที่นี่ไม่เหมือนที่ไทยถ้าฝนตกก็จะแยกย้าย บ๊ายบายไม่เล่นซักอย่าง แต่ที่นี่ไม่ใช่
จะเด็กจะโตนางก็จะใส่เสื้อกันฝนไม่ก็ถือร่มแล้วเล่นทุกอย่างต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอ๊า! ไม่กลัวไม่สบายหรอก
นี่คือข้อดีของคนที่นี่นะเราว่า สนุกกับมันให้เต็มที่ก่อนไหนๆ ก็มาแล้ว
ช่วงนี้ถ้าใครมาจะตรงกับ Universal Jump Summer Event ของที่นี่พอดี จะมีกิจกรรมที่จัดเฉพาะหน้าร้อน
โดยเฉพาะ กิจกรรม เครื่องเล่น หรือกิมมิคต่างๆ ของหน้าร้อนก็จะต่างจากหน้าหนาว เราว่ามันมีเสน่ห์เหมือนกัน
เช่นการเล่นน้ำในสวนสนุก มีจุดเติมน้ำแบบจริงจังกันมาก และเล่นกันแบบชุ่มทุกคน
โซน Minions Show นี่ตลกและสนุกที่สุดสำหรับเราเพราะมันตลกมาก เวลาพูด เดินหรือเล่นอะไรประหลาดๆ
มี Water RE-BOOOOOOORN PARTY ด้วยนะ ไม่ควรพลาดเพราะสนุกจริงๆ เหมือนย้อนวัย
และถ้ามาหน้าหนาวก็อย่าหวังว่าจะได้เจออะไรแบบนี้ 5555
อีกความน่ารักของคนญี่ปุ่น เวลาเที่ยวสวนสนุก ก็คือนางจะชอบแต่งตัวเป็นธีมเหมือนๆ กัน
ไม่ก็จะใส่เสื้อผ้าลายการ์ตูนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เรารู้สึกว่ามันทำให้บรรยากาศดีอะ
Vibes ของงานดูมีโทนเดียวกัน คือสนุก สดใสสมวัยและร่าเริงตลอดเวลา 5555
ดูซิๆ เล่นกันจนเปียกโชกไปหมดดด จริงจังยังกะสงกรานต์ 5555
จริงๆ Universal Studios Japan มีกิจกรรมที่โคตรหลากหลายและให้เราทำเยอะมาก ถ้าพูดกันตรงๆ เราว่าวันเดียวไม่พอที่จะเติมเต็มทุกความฝันวัยใสของพวกเรา
ถ้ามีเวลาก็เอาให้เต็มที่ซัก 2 วันจะดีกว่า แต่ถ้ามีแค่วันเดียวแบบเราจริงๆ เราเลยเลือกเล่นไม่กี่อย่าง เพราะต่อคิวค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรเลยแต่ละอัน
อย่างช่วงนี้โรงหนัง 4D เปลี่ยนเรื่องใหม่เป็น Dragon Ball Z ไม่มีบรรยายภาษาอังกฤษ แต่แฟนพันธุ์แท้อะนะ
แค่ได้ดูแล้วจินตนาการตามก็ฟินไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แถมยังเป็น 4D กล้ามโงกุนเป็นมัดๆ นี่แทบจะเอาลิ้นเลีย เอ๊ะ! นั่นหัวล้านลุงข้างหน้า
และแน่นอนว่า ความน่ารักของสวนสนุก ก็คือ ขนม/อาหาร ตาม Theme อย่างอันนี้เป็นขนมเหนียวราดซอส ที่โคตรหวานทำเป็นลูก Dragon Ball ทั้ง 7 ฮี่ๆ
อีกอันนึงที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด คือเสียเงินค่าบัตรมาถ้าได้เล่นแค่อันนี้อันเดียวก็คุ้มละอะ 5555
มันคือ The Flying Dinosaur เป็นรถไฟเหาะ แต่ไม่เหาะธรรมดานะเว้ย มันนอนเหาะ
ให้อารมณ์สมมติเหมือนนกนี่จับเราขึ้นไป แล้วมันก็บินสะเปะสะปะตามวิถีของมัน
ส่วนเราก็จะโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา อันนี้คือดี ถ้าตอนเช้าไม่ได้ขี้ นี่มีขี้แตกฉี่เล็ดกันบ้างแหละ คุ้มค่าแก่การเข้าแถวพูดเลย
ดูรางมันซะก่อนเถอะธรรมดาซะที่ไหนหละ เหวี่ยงซะขนาดนั้น โกรธอะไรใครมาคะลูก!
ในโซน Jurassic Park ก็จะมีเครื่องเล่นตุ๋มติ๋มอย่างอื่นสำหรับเด็กด้วย แล้วก็จะมีโชว์ออกมาให้ดูเป็นระยะๆ
ทีมงานก็จะเล่นใหญ่กับการที่แร๊พเตอร์หลุดออกมา เด็กๆ ก็จะกรีดร้องเหมือนกำลังจะโดนฆ่าจริงๆ
ส่วนเราก็ต้องร้องตามเด็กๆ ให้เล่นใหญ่กันไว้ก่อนดีกว่าเนอะ 5555555
และอีกโซนฮิตของ Universal Studios Japan สำหรับสาวหน้าหมวย หนุ่มหน้าตี๋ที่อยากจะเป็นโชแชงแห่งบ้านเรเวนคลอ
ก็จะต้องชอบมุมนี้กันเป็นพิเศษ The Wizarding World of Harry Potter ทางเข้านางก็จะเหมือนเดินเข้าไปในป่าต้องห้าม
ที่อาราก็อกได้ตายจากไปแล้ว เหลือแต่รถของครอบครัววีสลีย์ที่ติดหล่มออกมาไม่ได้..
เดินเข้ามาก็จะเจอกับหมู่บ้าน Hogsmeade Village สาขาโอซาก้า 5555 ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเดียวที่ไม่มีมักเกิ้ลเลย
เดินเข้ามาก็จะเจอกับรถไฟขบวนที่ 9เศษ3ส่วน4 จอดเทียบชานชาลาอยู่ บริเวณร้านรอบๆ
คนเยอะมาก ร้านฮันนี่ดุกส์,ร้านซองโก้, ร้านมาดามพุดดิฟุต และร้านไม้กวาดสามอันของมาดามโรสเมอร์ทา
ร้านไม้กวาดสามอันที่อังกฤษจะมีบัตเตอร์เบียร์อร่อยๆ ใช่มะ ที่นี่ก็มี แต่เพิ่มเติมเข้ามาคือ ไอศกรีมบัตเตอร์เบียร์ด้วยนะเออ
นั่งกินเพลินๆ มองเข้าไปในฮอกวอตส์วันที่ไร้ดัมเบอร์ดอร์ ฟ้าที่มีผู้คุมวิญญาณมันช่างมืดมนแบบนี้นี่เอง…
เป็นงะ! บอกเลยนี่ก็เป็นติ่งใช้ได้เหมือนกันนะ ดูกรอไปกรอมาจนซีดีเสียไปแล้วหลายแผ่น 55555 เด็กๆนิชอบเล่นพากย์เสียงกับเพื่อนด้วย แกเป็นแฮรี่ ชั้นเป็นรอน งิอ่ะ ก็เป็นโซนปลอบประโลมโลกมากพอสมควร แล้วเราก็สามารถซื้อไม้กวาด เสื้อคลุมแล้วเดินเล่นร่ายคาถาตามจุดต่างๆ ที่เค้าเตรียมไว้ให้ได้ด้วยนะ
ส่วนเครื่องเล่นในปราสาทบอกเลยว่าต้องเล่น เพราะสนุกมาก Harry Potter and the forbidden Journey เป็นเครื่องเล่นที่มหัศจรรย์เหมือนได้ขี่ไม้กวาดไปกับแฮร์รี่ตะลุยไปในฮอกวอตส์จริงๆ พูดละน้ำตาจะไหล 55555 สนุกมาก ต้องลอง!
ส่วนเวลาที่เหลือก็แนะนำให้เดินเล่นใน Hogmeade นั่นแหละมันมีกิจกรรมให้ทำเรื่อยๆ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้เหมือนกลับไปดูแฮร์รี่พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์อีกครั้ง
เราจบวันที่ Universal Studios Japan ที่นี่แหละ เราว่าเป็นสวนสนุกที่ควรมาเยือนซักครั้งนะ อาจจะไม่ได้หวือหวาหรือดูครบทุกโซนและรับรองว่าจะติดใจและอยากกลับมาอีกครั้งแน่นอน
Day 2 : Day Trip with JRwest
บอกแล้วไงว่าเวลาน้อย จริงๆ คืนนี้ก็ต้องกลับกรุงเทพกันแล้ว แต่เหลือเวลาเที่ยวอีก 1วันเต็มๆ
ถ้าไม่อยากเที่ยวในโอซาก้าเราแนะนำนั่งออกนอกเมืองเลยดีกว่า โดยเพื่อนๆ คนไหนถ้าเดินทางกลับไฟล์ทหลัง สองทุ่ม
สามารถใช้บริการฝากกระเป๋าให้เค้าส่งไปที่สนามบินได้เลย แต่มีข้อแม้ว่าเที่ยวบินที่จะเดินทางต้องออกเดินทางหลังสองทุ่มด้วยนะ
เราต้องนั่งจาก Osaka Station ไปลงที่ Shin Osaka ก่อนจะนั่ง Shinkansen ไปลง Okayama อีกที
เชื่อมั้ยว่าระยะทางเกือบ 200กิโลเมตร ใช้เวลาแค่ 50 นาทีเท่านั้นเองนะ ก็ถึง Okayama แล้ว
และที่สำคัญวิวข้างทางคือดีงามมาก ยิ่งถ้าหลังฝนตก หมอกจางๆ กับเขาสีเขียวๆ กับเราที่นั่งมองบนรถไฟความเร็วสูง มันเป็นโมเมนท์ที่โคตรดีเลย
พอถึง Okayama เรารีบบึ่งไปที่ สวน Okayama Korakuen เค้าบอกว่าที่นี่ติดอันดับ 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
เราถามว่าที่ไหนคือที่ 1 เค้าบอกว่าไม่มี มีแค่ 1 ใน 3 นี่แหละเพราะอยากให้คนเที่ยวทั่วๆ เลยจัดอันดับกลางๆ ให้ติด 1 ใน 3
โดยไม่มีที่ 1 2 หรือ 3 เออ…..ยังงี้ก็ได้ด้วย เท่ดี
สวนนี่สวยมากนะ เป็นสวนที่กว้าง แต่มีการจัดวางได้ดีงาม และสวยจริงๆ มีเนิน มีนา มีทุ่ง มีลำธาร คือถ้าอากาศเย็นๆ เดินได้ทั้งวันไม่มีเบื่อเลยแหละ จากสวนจะเห็นวิวปราสาท Okayama ด้วย
อ้อ อย่าลืม! แวะชิมไอศกรีมลูกพีชด้วย ที่นี่ฮิตมาก เพราะเป็นบ้านเกิดของ Momotaro ลูกพีชที่นี่สด ใหม่ อร่อย เอามาทำไอศกรีมยังมีเนื้อให้เคี้ยวหนึบๆ เล๊ยยยย!
นั่งรถออกไปอีกนิด จะถึงเมือง Kojima เมืองนี้ดังเรื่องการทำยีนส์ เค้าว่าเป็นที่แรกในญีปุ่นที่เริ่มทำยีนส์ Momotaro ที่วัยรุ่นบ้านเราที่ฮิตๆ กันก็ทำที่เมืองนี้แหละนะ
เราไปดู Jeans Museum & Village Guiding map ที่นี่จะเล่าประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของการเกงยีนส์
ที่เรานิยมกันตั้งแต่เริ่มมียีนส์ตัวแรก เริ่มฮิต เริ่มมีหลายแบบหลายยี่ห้อ และคนญี่ปุ่นตกใจมาก
เมื่อเราบอกว่าคนไทยหน้าร้อนก็ยังใส่ยีนส์ … นึกหน้าคนญี่ปุ่นและน้ำเสียงตามนะ “เหหหหหหหห YGE(&#Y(#*_#” 555555
เราเห็นกิมโมโนที่ทำจากยีนส์แล้วแปลกใจนิดหน่อย เข้าใจว่าทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาและยุคสมัย
และทุกอย่างน่าจะมีวิวัฒนาการของมัน พอลองนึกเอาผ้าไหมบ้านเราไปทำเสื้อยืดน่าจะแปลกดีเหมือนกัน
มีการสอนสร้างลายแบบใช้แม่พิมพ์ และพึ่งจะรู้ว่าลายสวยๆ ของยีนส์บางตัวเกิดจากการเอาไปปั่นกับหิน!
เมืองนี้ยังมี Jeans Street คือรวมร้านของยีนส์ทุกร้านของเมืองให้มาอยู่ในละแวกเดียวกันแล้วก็ขายของกันซะเลย
เมืองสุดท้ายที่เราแวะก่อนกลับคือ เมืองเก่า ชื่อ Kurashiki ที่นี่เป็นเมืองคลองโบราณ บริเวณที่เราไปเดิน เคยใช้เป็นโกดังเก็บข้าวของพวกพ่อค้าคนรวยๆ ทั้งหลายแหล่
ซึ่งในเขตอนุรักษ์นี้สามารถเดินได้ทั่วๆ ชื่นชมบรรยากาศไปเรื่อยๆ ได้เลย หรือถ้าใครขี้เกียจจะใช้บริการรถลากก็ได้เช่นกัน
ร้านที่นี่จะขายของฝาก ขนมอร่อยๆเต็มไปหมด ถ้ามาหน้าหนาวสองข้างคลองใบไม้จะเปลี่ยนสีและโรแมนติกมาก
หรือถ้าใครอยากล่องเรือก็คนละ 300 เยน เองนะ ไม่แพงมากแถมบรรยากาศดีด้วย
การออกมาเที่ยวนอกเมืองแบบนี้นะ ค่า Shinkansen นี่แพงยับ หมดเนื้อหมดตัวได้เลยทีเดียว
เอาง่ายๆ ค่ารถไปกลับจากOsaka มา Okayama ก็ตั้ง 20000 เยนแล้ว! เผลอๆ แพงกว่าตั๋วไปกลับญี่ปุ่นของ Thai AirAsia X อีกนะเว้ย
ทางที่ดีที่สุดคือซื้อ Pass มาญี่ปุ่นไม่ซื้อ Pass ก็เหมือนนั่ง BTS ทุกวันแต่ไม่มีบัตรแรบบิทนั่นแหละ
เราแนะนำว่าซื้อ Kansai Wide Area Pass เป็นบัตรแบบใช้ได้ 5 วัน ราคา 8500 เยน
ถูกกว่าเกินครึ่ง แถมใช้เที่ยวได้ตั้ง 5วัน มาวันเดียวอย่างเรายังคุ้มเลยเถอะ 555
จริงๆ JRwest เค้ามีอีกหลาย Pass มากที่ครอบคลุมความต้องการของเรา Pass ที่ไปโตเกียวได้ก็มี
ไปถึงฟุกุโอกะได้ก็มี เลือกเอาให้เหมาะกับการเดินทางของเราที่สุดก็แล้วกัน
นี่คือคันไซแบบรีบๆ แต่ไม่เร่งมากของเรา 3 วัน 2 คืนก็พอได้เที่ยวให้ชุ่มชื้นหัวใจกันขึ้นมาบ้าง
แนะนำว่าลางานวันศุกร์วันนึง กลับมาถึงกรุงเทพเช้าวันจันทร์ก็ทำงานได้เลยทันที (อาศัยนอนบนเครื่องเอา) ถือว่าประหยัดวันลา เวลาเพื่อนถามว่าเสาร์-อาทิตย์ไปไหนมา ก็ตอบไปแบบเชิดๆ
“อ๋อออ ไปเดินเล่นคันไซมาหนะ พอดีอยากไปเล่น Universal และเดินเล่น Okayama.”
อู้ยยยยยยยยยยยยยยยยย สวย!!!