ก่อนจะเข้าสู่ Joshua National Park เราขับผ่านทางหลวงอันโด่งดันอย่าง Route 66 กันด้วยแหละ ไม่อยากจะบอกว่าโคตรคูลเลยจ้าพี่จ๋า
- Joshua national park
เป็นอุทยานขนาดเล็ก ที่น่ารักมากๆ อุดมไปด้วยต้น Joshua (ต้นขนปุยๆบนหน้าปกนั่นแหละ)สมชื่อเลย ภายในอุทยานจะทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเข้าไปในทะเลทราย ที่มีต้นกระบองเพชรเยอะๆแบบในหนังคาวบอยนั่นแหละ!
โดยมีจุดชมวิวบริเวณหนึ่งที่น่าแวะมากๆเลย คือ Cactus Garden เพราะว่ามีต้นกระบองเพชรหนามเรียงรายกันเป็นไร่ๆ สุดลูกหู ลูกตา พวกเราวิ่งเข้าไปด้วยความตื่นเต้นและตอนแรกที่มองว่าน่าร้ากกก แต่เอาจริงแล้วอันตรายใช่ย่อยเลยนะ คือขณะที่กำลังเดินๆอยู่ ตาก็มัวแต่ส่องกล้อง เล็งมุม ตั้งท่าจะถ่ายรูปใช่ปะ… สักพักโอ้ยยยย โอโห เต็มๆตีนเลยจ้าาา เวลาจะเดินเหินไปตรงไหนก็ต้องระวังที่พื้นกันด้วยนะ เพราะกระบองเพชรพันธุ์นี้ มีหนามร่วงออกมาเป็นลูกกลมๆ เหมือนเม่นได้ด้วยแหละ!!! เหยียบไปทีต้องมานั่งแกะกันเป็นครึ่งชั่วโมง นั่งแกะๆไปก็เห็นฝรั่งเดินกระเผลกๆ ออกมาเราก็หันไปส่งยิ้มให้ ส่งสายตาไปบอกว่า แหนะ…ไม่ต้องห่วงมีเพื่อนละเหวยยยย555
Joshua Tree National Park เป็นอุทยานเล็กๆที่ถ่ายรูปสนุกเพราะมีความธรรมชาติรูปร่างแปลกตา อย่างเช่นจุดหนึ่งก่อนถึงทางออก เรียกว่า Skull Rock เพราะ เป็นกองหินขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มหินกลุ่มหนึ่งวางตัวเกาะกลุ่มเป็นรูปหัวกระโหลด เด็กๆฝรั่งหลายคนมาปีนป่ายเล่นกันเพียบ แต่พวกเราเฝ้ามองและเก็บภาพกันอยู่ห่างๆเพราะว่าลักษณะของหินที่เป็นหินหยาบกลัวว่าล้มไปที สังขารแบบป้าๆจะไม่อำนวย
จนกระทั่งได้ไปสะดุดตากับรถจี้ปสีขาว จอดได้จุดเหมือนหลุดออกมาจาก Indiana Jones ที่จอดได้องศาการถ่ายรูปพอดิบพอดี พวกเราเลยย่องเข้าไปใกล้ๆ กะแอ๊ปแอ๊…ถ่ายรูปคู่ ทำเหมือนว่าขับจี๊ปคูลๆมาเที่ยวทะเลทราย ไปอวดเพื่อนๆในเฟสสักหน่อย พวกเราเลยต้องป้อมกองโจรถ่ายรูปทำโปรไฟล์กันอย่างจริงจัง 555 ระหว่างที่รีบสลับกันถ่าย มโนว่าตัวเองเป็น Indiana Jones มั่ง LaLa Croft Tomb roder มั่ง ก็สังเกตว่ามีฝรั่งผู้ชาย มายืนรอพร้อมเด็กอีก 2 คน แต่เขาก็ยืนรอไกลๆนะ อีกฝั่งถนนอะ แล้วก็มองมาที่เรา พร้อมยิ้มขำๆเบาๆ แล้วตะโกนมาว่า “Take your time” ตึงงงง! เจ้าของรถมา 5555
โอโห….555 เชินทำตัวไม่ถูกนอกจากหัวเราะแหะๆ แล้วหันไปบอกว่า “รถพี่เก๋มากเข้ากับสถานที่ดีนะคะ 555” พร้อมหัวเราะกลบเกลือนค่อยๆขยับปลึกตัวห่างเหมือนจะจากลา แต่คุณพ่อวัยหนุ่มคนนี้ ก็ใจดีเหลือเกิน ถามว่า “Do you wanna climb up?” อยากปีนไปถ่ายด้านบนไหม เหยดดดด! ทำไมรู้ใจอะ เท่านั้นแหละแห่กันขึ้นไปหลังคาแทบถล่ม คุณพ่อนับ วัน ทู ทรี แล้วเก็บภาพมาให้เรา
ก่อนกลับเราก็หันหลังไปขอถ่ายรูปทั้งคุณพ่อและลูกสาวเจ้าของรถจี๊ปที่ให้เราไปเล่นด้วย บันทึกส่งท้ายมิตรภาพจากชาวอเมริกันที่เราได้รับใกล้ๆวันกลับ
อุทยาทแห่งชาติเล็กๆแห่งนี้ สามารถขับรถวนรอบได้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั้วโมง สำหรับการมาเราแนะนำให้มาเป็นช่วงเย็นๆจะดีที่สุด เพราะแสงอาทิตย์กำลังสวย ไม่จ่อกลางหัวจนเกินไป และข้อสำคัญคือไม่ร้อนด้วย! อย่าลืมเตรียมหมวกคาวบอย กับเสื้อสีสดใสๆ มาประกอบฉากด้วยหละ เป็นไปได้ถ้าไม่ได้โชคดีแบบเราให้พกรถจี๊ปมาด้วย เป็นพร๊อปที่เข้ากันสุดๆ5555
ที่นี่ถ้าไปช่วงหน้าร้อน (กลางๆกรกฏา) จะมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกสูงมาก ก็ถ้าใครอยากสัมผัสอารมณ์ Camper แบบเบาๆ ไม่ต้องขับรถไกลจาก L.A ที่นี่น่าสนใจที่สุดแล้ว และถ้าเวลาเหลือหรือแวะค้างซักคืนอย่าลืมไปดู Salvation mountain กันด้วยนะ อ่านต่อที่ :
https://www.wheredowego.in.th/2016/07/28/salvation-mountain/