Salam Bali! ขอต้อนรับสู่เดือนสิงหาคม กับช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยว ‘บาหลี’ แม้จะเที่ยวติดๆ กันแทบจะทุกวีค แต่ด้วยจิตวิญญาณนักเดินทางที่สวยอยู่ในสายเลือดพลุ่งพล่านอยู่ในตัว ทำให้เรากดบาหลีบาใจต่อแบบไม่ต้องรอใครชวนทั้งนั้น เพราะนี่คืออีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางง่ายและใช้เวลาเดินทางไม่นานเกินอึดใจเราขอยกให้ ‘บาหลี’ เป็นอีกหนึ่ง Destination ถัดมาที่ควรค่าแก่การมาเยือน เพราะอาหารถูกปาก ค่าใช้จ่ายที่ถูกมาก และ Vibes ดีๆ ของบาหลีที่อบอวลไปด้วยความสุข ความอบอุ่น จนทำให้หลับตาพริ้มสะกิดเพื่อนทั้งวันว่า ‘ที่นี่มันดีจังเลยอะมึง!’
ทริปนี้เราขอพาไปเก็บ Bucket List ใน ‘บาหลี’ ให้ครบ มาสัมผัสความรุ่มรวยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติที่ติดอันดับโลก ความแซ่บของเซิร์ฟบอย ของอร่อยที่ควรไปกินทั้งคาวทั้งหวานที่ไม่ควรพลาดซักร้านเดียวกับบาหลีครั้งแรกหลังโควิด
นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือนบาหลี ออกมาสัมผัสกลิ่นไอทะเลหอมๆ ใช้ชีวิตแบบที่ตามหา และสัมผัสวิถีชีวิตกับผู้คนที่ยิ้มง่าย ใจดีและเป็นมิตรของบาหลี พร้อมออกเดินทางจากกรุงเทพได้ทุกวันกับการบินไทย บนเครื่องบินรุ่นใหม่อย่าง 787 Dreamliner กับบริการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเครื่องบินลำใหญ่ นั่งสบายต่างกัน ที่มาพร้อมเลือกที่นั่งฟรี น้ำหนักกระเป๋า และอาหารเครื่องดื่มแบบพรีเมี่ยม บาหลีเปิดแล้ว เที่ยวได้ทันทีไม่ต้องกักตัวให้วุ่นวายอีกต่อไป พร้อมแล้วก็แท๊กไปชวนเพื่อนแล้วมาชิลที่บาหลีด้วยกันเลยค่ะซิส
Fly THAI to Bali
เราออกเดินทางกับการบินไทย ที่ตอนนี้กลับมาบินตรงเส้นทางบาหลี จากกรุงเทพ(สุวรรณภูมิ) เป็นปกติแล้วทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน ข้อดีของไฟลท์ไปบาหลีของการบินไทยคือเครื่องออกสายๆ ไปถึงบาหลีช่วงบ่ายต้นๆ ทำให้เที่ยวต่อได้ทันที และขากลับก็ออกบ่ายกลับมาถึงกรุงเทพช่วงหัวค่ำ ด้วยเวลาบินตรงประมาณ 4.30 ชั่วโมง ทำให้ไม่เหนื่อยเกินไป ไม่ต้องรีบตื่นเช้ามาขึ้นเครื่อง แถมยังมีเวลาเที่ยวมากขึ้นทั้งขาไปและขากลับ
เส้นทางนี้การบินไทยบินด้วยเครื่องบินแบบ Boeing 787 Dreamliner แน่นอนว่าที่นั่งกว้างสบายไม่แออัด พร้อมหน้าต่างบานใหญ่จุใจที่ไม่ว่านั่งตรงไหนก็เหมือนได้ที่นั่งพิเศษแบบ Window Seat ทุกที่นั่ง แถมชั้นธุรกิจแบบที่เรานั่งรอบนี้สามารถปรับเอนราบได้ 180 องศาเหมือนมีเตียงนุ่มๆ ส่วนตัว นอนน้อยไม่กลัวเพราะการบินไทยหลับสบายยิ่งกว่า ส่วนอาหารก็ดูดีมากขึ้นเรื่อยๆ แถม Portion ใหญ่ ทานอิ่มแน่นอน
และใครที่ติดดื่มกาแฟน่าจะถูกใจมากขึ้นเพราะการบินไทยร่วมกับดอยตุงนำกาแฟดริปสูตรพิเศษที่ร่วมกันพัฒนาขึ้นเสิร์ฟให้บริการทุกๆ เที่ยวบินระหว่างประเทศด้วยนะ ลองสั่งจากพี่แอร์บนเครื่องได้เลย
การกลับมาเที่ยวบาหลีครั้งนี้บอกเลยว่าเดินทางง่ายกว่าเดิม เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะอาจจะเพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทำให้การสัญจรไปเที่ยวแต่ละจุดรถยังไม่ติดมาก ที่สำคัญทุกอย่างก็ถูกกว่าเดิมมากกกก กำเงินหมื่นมาเที่ยวก็อยู่บาหลีได้ยาวเป็นสัปดาห์ อาหารก็อร่อยถูกปากรับรองว่า Enjoy Eating กันตลอดทริป
สำหรับการเดินทางในบาหลีก็สะดวกกว่าที่คิด เพราะเราใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับจาก Yande Taxi Bali ได้ทีมคนขับรถอัธยาศัยดีและพูดไทยได้นิดหน่อย ลงจากรถมาพร้อมเสื้อทีมสกรีนปักภาษาไทยด้านหลังรอต้อนรับเราอย่างดีที่สนามบิน คือพร้อมรับทัวร์ไทยมาก ช่วยเหลือทุกอย่าง ที่สำคัญราคาโอเคมาก อันนี้ดีจริงแบบไม่อวย เพราะตอนแรกเราแพลนทริปวกไปวนมาก็ได้ทีมคนขับนี้แหละช่วยจัดแจงให้ใหม่ สามารถแอดไลน์ไปให้เค้าแพลนสถานที่ที่อยากไป แจ้งวันเดินทางแล้วขอราคาเค้าได้เลยที่ Line : yandetaxibali
Let’s Loose in Ubud
เค้าบอกว่ามาบาหลีต้องลองใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์ และเมืองแรกที่เรากำลังจะไปเยือนคือ ‘Ubud’ เมืองเล็ก ๆ อันเก่าแก่ของบาหลี ที่เหมาะแก่การมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์และอยู่กันแบบหลวมๆ ท่ามกลางทุ่งนาข้าวและหุบเขาสูงชัน เหมาะมากที่มาพักชิลๆ อ่านหนังสือซักเล่ม ตอนบ่ายดื่มน้ำมะพร้าว ค่ำมาจิบค็อกเทล ดื่มด่ำและหน้าแดงไปกับธรรมชาติและสถาปัตยกรรมสวย ๆ
เราว่าโซน Ubud เป็นโซนที่เที่ยวง่ายเพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีถนนสายหลักสองเส้นตัดกัน เรียกว่าใช้เวลาแป๊ปเดียวก็สามารถเที่ยวได้ครบทั้งเมืองแล้ว ครั้งนี้เรากับแก๊งเพื่อนมาพักเช็กอินกันที่ Element by Westin Bali Ubud โรงแรมในเครือ Marriott ที่อยู่ใกล้เมือง ราคาประมาณคืนละ 2,000 บาท อาหารเช้าก็เลิศ แถมห้องก็สะอาดได้มาตรฐาน
Pura TirtaEmpul
เราเลือกมาที่ ‘Pura Tirta Empul’ อ่านว่า ‘เทอร์ตา เอมปูล’ ที่หมายถึงบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สร้างตามความเชื่อของศาสนาฮินดู มีบ่อน้ำพุเป็นน้ำที่ผุดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มาวัดนี้เธอก็จะได้เห็นสถาปัตยกรรมแบบบาหลี๊บาหลี คือมีประติมากรรมตั้งอยู่โดยรอบทั้งรูปสลักหิน เจดีย์ พิธีกรรมแบบฮินดู รวมไปถึงความเชื่อของคนท้องถิ่นที่นี่
เมื่อเดินเข้าไปตรงทางเข้าของวัด ด้านในจะเป็นบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ที่ปล่อยน้ำออกมา เราจะเห็นผู้คนพากันมากราบไหว้ขอพร พร้อมวางบายศรีที่เหมือนถ้วย Acai พื่อความเป็นสิริมงคล และเอาน้ำมาชำระล้างร่างกาย ลูบหัวเพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากตัวเรา และไม่ต้องห่วงเพราะที่นี่น้ำสะอาดและใสมาก
ความดีงามของการมาเที่ยวบาหลีในช่วงนี้ก็คือคนน้อยมาก ปกติจะต้องต่อเรียงคิวกันลงไปอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ในบ่อ แต่ครั้งนี้ลงไปแบบชิลๆ ได้รูปสวยๆ ปังๆ แบบไม่ต้องเบียดใคร ทุกวัดในบาหลีส่วนใหญ่จะให้นักท่องเที่ยวนุ่งโสร่งเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าของทางฮินดู มารอบนี้เค้าแอบมี Collection ผ้าโสร่งแบบใหม่แบบสับมาเป็นผ้าลินินธีมสีเขียว คาดเอวด้วยเชือกสีแดงเพิ่มความเก๋
Satria Luwak Coffee
คนขับรถพาเรามาที่ร้านชื่อ ‘Satria Luwak Coffee’ ร้านกาแฟโลคอลฟีลแบบร้านทัวร์จีน มาบาหลีทั้งทีอย่าลืมแวะชิมกาแฟขี้มะชด ปกติอินโดนีเซียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ปลูกกาแฟมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เพราะที่ตั้งเหมาะสมกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า แต่ที่บาหลีเค้ามีลูกเล่นก็เพิ่มมูลค่ากับรสชาติกาแฟด้วยการให้ให้ชะมดกินผลกาแฟสดจากต้น แล้วย่อยออกมาเป็นเมล็ดกาแฟ ซึ่งจะทำให้รสชาติของกาแฟหอมอร่อยกว่าเดิม ฟังถึงตรงนี้เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งยี้ เพราะเมล็ดกาแฟที่นี่สดสะอาดและรสชาติดีขึ้นชื่อเลยหล่ะ โดยกาแฟชะมดในภาษาอินโดนีเซียจะเรียกว่า ‘Kopi Luwak’
ด้านในจะมีสาธิตวิธีการคั่วเมล็ดที่กลิ่นหอมลอยคลุ้งออกมาเลย แล้วทางร้านจะเสิร์ฟชา กาแฟ โกโก้รสชาติต่าง ๆ มาให้ Tasting ชิมพร้อมกันถึง 12-13 รสชาติเลย แต่ละรสชาติจะมีกลิ่นอโรม่าที่หอมและรสชาติแตกต่างกัน เราขอยกให้เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์จิบกาแฟในบาหลีที่ไม่ควรพลาด!
Monkey Forest
มาบาหลีก็ต้องเที่ยวให้ได้ฟีลธรรมชาติ ที่ ‘Monkey Forest ‘ เป็นป่าอนุรักษ์กลางเมือง Ubud ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดกว่า 15 สายพันธุ์ และมีลิงเยอะเหมือนเดิม ส่วนใหญ่เป็นลิงหางยาวเจ้าถิ่นที่อาศัยอยู่รวมกันประมาณ 700-800 ตัว บางตัวเล่นได้ บางตัวห้ามจับ แนะนำให้เล่นกับน้อง ๆ ตอนที่อยู่กับเจ้าหน้าที่เท่านั้น และจับกระเป๋าเราไว้ให้มั่น อย่าถืออาหารหรือกล้วยที่ล่อน้องลิงเข้ามาก็พอ ไม่งั้นจะค่อนข้างอันตราย น้องอาจจะมากระชากได้เพราะนึกว่าเราถือของกินได้
นอกจากมาดูลิง ที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรมสวยๆ ฟีลโบราณด้วยตะไคร่น้ำสีเขียวๆ เกาะอยู่ตามจุดต่างๆ ดูร่มรื่นและเพิ่มความขลังเหมือนมาเดินเที่ยวในวังของลิง 5555 ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่กันไม่ขาดสาย เพราะอากาศดีสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
Tis Cafe
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อสุด ๆ ของเกาะบาหลีคือ ‘นาขั้นบันได’ แต่ถ้าให้พูดถึงนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดในบาหลีล่ะก็ ต้องยกให้ ‘Tegallalang Rice Terrace’ และ ‘Jatiluwih Rice Terrace’ เท่านั้น ใครที่จินตนาการถึงนาขั้นบันไดสีเขียวขจีตั้งเรียงรายลงมาจากเนินเขา พร้อมชิงช้าให้เราขึ้นไปนั่งถ่ายรูปเก๋ ๆ ละก็ควรมาให้ถูกช่วงถูกฤดูไม่งั้นจะได้เจอกับนาร้างกลับไปแทน แต่ในปีที่ผ่านมาโควิดก็ทำพิษทำให้ Tegallalang Rice Terrace ที่เคยสวย ๆ ปัง ๆ ทรุดโทรมลงไปเยอะมาก เราเลยขอแนะนำให้มาคาเฟ่ ‘Tis Café’ ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ที่เราแนะนำให้มาตรงนี้ก็จะเอนจอยกับวิวสวย ๆ ของธรรมชาติสุดฟิน ทานอาหาร ได้ครบจนวันแบบสวย ๆ ที่นี่ได้เลย
ความเก๋ของที่นี่ก็คือร่มรื่นไปด้วยต้นไม้รายรอบคาเฟ่ แล้วดีไซน์ร้านออกมาเป็นเหมือนวิลล่ากลางป่า มีโซนสระว่ายน้ำพร้อมวิวนาขั้นบันได ชิงช้ายักษ์แล้วก็ Birdnest ให้ขึ้นไปนั่งให้โพสท่าสวยๆ และถ่ายรูปกันอย่างรัว ๆ ส่วนสไตล์อาหารจะเป็นแนวอาหารฟิวชั่นสไตล์ตะวันตกซะส่วนใหญ่ แล้วก็เปิดยาวถึง 3 ทุ่มใครจะนั่งชิลล์ยาว ๆ กินลมชมวิวดูพระอาทิตย์ตกดินแล้วจิบค็อกเทลฟังเพลงเพลิน ๆ ก่อนกลับก็ได้เช่นกัน
Bibek Bengil
มาถึง Ubud ก็ต้องลองชิม ‘Dirty Duck’ อาหารท้องถิ่นแบบ Traditional Bali ที่ร้าน ‘Bebek Bengil’ ร้านดังขึ้นชื่อในบรรยากาศร้านที่ตกแต่งสไตล์วิลล่าไม้ ๆ กลางธรรมชาติ เหมือนมาไทยก็ต้องกินส้มตำ แต่มาบาหลีต้องมากินเป็ดค่ะ! ที่นี่เค้าจะเอาเนื้อสะโพกเป็ดหรือที่เรียกว่า Dirty Duck ไปทอดกรอบจนได้รสชาติที่กรอบนอก กัดเข้าไปดังกร้วมมม ส่วนเนื้อด้านในนุ่มชุ่มฉ่ำแบบกำลังดี เสิร์ฟใส่จานเคียงมาด้วยข้าวหรือมันฝรั่ง แนมกับผักและน้ำพริกแซ่บ ๆ ของบาหลี พร้อมผลไม้ไว้ตัดเลี่ยนอร่อยอย่าบอกใคร
Tukies
‘Tukies’ เป็นร้านไอศกรีมมะพร้าวโลคอล ที่ชั้นขออนุญาติเคลมเองอะไรเองว่าอร่อยที่สุดในโลก มาบาหลีเมื่อไหร่ก็ต้องแวะมาที่นี่ เพราะเค้าเป็นร้านที่ทำไอศกรีมจากมะพร้าวแบบ 100% มาเผากันสด ๆ แล้วเอาเนื้อมะพร้าวมาทำไอศกรีมแบบเข้มข้น แล้วโรยทับอีกรอบด้วยผงมะพร้าวและเกล็ดน้ำตาลอ้อยก่อนเสิร์ฟ ซึ่งรสชาติหวานอร่อยมาก มีกลิ่นมะพร้าวคั่วไหม้ ๆ หอมติดจมูกรสชาติติดอยู่ในปากแบบว่าดีมากจริง ๆ อยากให้ไปลอง
Pison Coffee
ก่อนออกจาก Ubud ไปโซนอื่น ๆ ต่อ เราขอแนะนำร้านที่เรารักและแวะไปกินตลอดซักหน่อย ร้านนั้นคือ ‘Pison Coffee’ ร้านกาแฟและบรันช์ดี ๆ ที่อยากแนะนำเพราะร้านนี้คนเยอะทั้งวันและมีหลายสาขา แต่ที่ Ubud ยกให้เป็นสาขาที่สวยที่สุดเลย เพราะตั้งอยู่กลางทุ่งนาเขียวขจีสบายตาคือเข้ามาก็เหมือนได้ผ่อนคลายแล้ว ในร้านจะมีทั้งที่นั่งโซนกระจกและโซนเอาต์ดอร์ แต่ไม่ต้องกลัวร้อนเพราะลมเย็น ๆ พัดเข้ามาตลอด
สำหรับกาแฟเรื่องรสชาติเราว่าอร่อยและโอเคเลย เพราะเห็นเครื่องชขงกาแฟที่เคาน์เตอร์บาร์ก็จัดมาอย่างยิ่งใหญ่อยู่ กลิ่นกาแฟหอมมาปะทะจมูกตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา ส่วนบรันช์ก็อร่อยเลิศอยู่สรุปว่าควรมาค่ะ แต่อาหารจะหมดเยอะมากถ้ามาช่วงสายๆ เตือนไว้
North Bali – Go North to see mores!
ถัดจาก Ubud เราแนะนำให้มาเที่ยวต่อกันที่โซน North Bali ขึ้นเหนือมาอีกหน่อย โดยเราจะแวะเที่ยวกัน 3 จุดซึ่งเป็น Photogenic Spot ที่ห้ามพลาดได้รูปสวยแบบไม่ต้องขับรถวนไปวนมาให้เสียเวลา เพราะสถานที่ท่องเที่ยวบางจุดในบาหลีก็มีจุดที่รถติดอยู่เหมือนกัน (ซึ่งถือว่าน้อยในช่วงนี้)
Bali Handara Gate
โซน North Bali จะมีอะไรฮอตไปกว่า ‘Bali Handara Gate’ คะ มาบาหลีก็ต้องเช็กอินถ่ายรูปคู่กับประตูเมืองเก๋ ๆ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าไม่ถึง ซึ่งจุดนี้จะเป็นประตูทางเข้า Handara Golf & Resort Bali ที่อยู่ดี ๆ ก็ฮิตขึ้นมาเพราะชาวเน็ตต่างพากันไปถ่ายรูป ซึ่งเราก็โดนชาวเน็ตตกมาอีกทีนึง สานฝันการเป็นนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปด้วยการจ่ายค่าถ่ายรูปคนละ 50,000IDR หรือหนึ่งร้อยบาท แถมค่าบินโดรนอีกหนึ่งกรุบ โดยที่ด้านหลังประตูจะเป็นภูเขาสุดปังอลังการ ซึ่งหากใครที่มาช่วงเช้า ๆ ก็จะได้สัมผัสหมอกจาง ๆ ฟุ้ง ๆ เป็นเอฟเฟ็คเพิ่มความอลังการให้ภาพของเราได้อีก 3 เท่า
Ulan Danu Beratan Temple
‘Ulan Danu Beratan Temple’ อีกหนึ่งวัดสวย ๆ ในบาหลีที่มีอีกชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า ‘Pura Bratan’ เป็นวัดประจำศาสนาฮินดูที่ก่อสร้างขึ้นกลางทะเลสาบ Bratan เพื่อบูชาเทพเจ้าฮินดูผู้ดูแลทะเลสาบ หลายคนอาจจะคุ้น ๆ ว่าเอ๊ะเคยเห็นวิวนี้ที่ไหนมาก่อน เปิดกระเป๋าตังค์ขึ้นมาค่ะ แล้วหยิบแบงค์ 50,000 รูเปียห์ขึ้นมาเทียบ เหมือนเป๊ะ! นอกจากนี้วัดนี้ยังถูกเอาไปโปรโมทการท่องเที่ยวของบาหลีอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย
ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่เจดีย์ 11 ชั้นกลางทะเลสาบพร้อมฉากหลังสวย ๆ เป็นภูเขาและทะเลหมอก เหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในโปสการ์ดย้อนยุค สำหรับเราวัดนี้สะอาดและดีงามมากๆ แห่งนึงในบาหลีเลย โดยเฉพาะช่วงตอนเช้า บรรยากาศดีมาก ๆ แสงส่องลงมาสวยกำลังดีเลย ส่วนใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาชิลล์ ๆ จะถีบเรือเป็ดวนรอบดูเจดีย์แบบใกล้ชิดฟีลเหมือนอยู่สวนจตุจักรเอยก็ไปค่ะ จัดเลย
Leke Leke Waterfalls
เราจะพาไปอัพเดตน้ำตกใหม่ในบาหลีที่คนไม่ค่อยรู้จักกันที่ ‘Leke Leke Waterfalls ’ที่เราเรียกกับเพื่อนขำ ๆ ว่าเป็นน้ำตก Influencer เพราะที่นี่สวยจริงอะไรจริง อลังการตั้งแต่ทางเดินเข้าเพราะสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ให้ชมเพลิน ๆ ระหว่างเดินเข้าไป แต่พื้นจะแฉะ ๆ ตลอดเวลา ควรใส่รองเท้าที่ทะมัดทะแมงนิดนึงระวังลื่น ใช้เวลาเดินเข้าไปประมาณ 15 นาทีได้ อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่นานก็จะเจอกับเสียงน้ำตกไหลลงมากระทบกันสดชื่นสุด ๆ
เราว่าเสน่ห์ของที่นี่คือเป็นน้ำตกที่ค่อนข้างสูง ถ่ายรูปสวยเพราะมีหินขนาบสองข้างเป็นแอ่งลึกเข้าไปด้านใน และมีหินก้อนใหญ่ตามธรรมชาติตั้งอยู่หน้าน้ำตกเหมือนรู้ว่านี่คือจุดที่สวยที่สุดเวลาไปยืนถ่ายรูป! แต่ก็ต้องระมัดระวังหัวทิ่มจุ่มลงไปในน้ำก่อนที่จะได้รูปสวยกัน ซึ่งเราขอแนะนำให้มาที่นี่ในช่วงเช้าเช่นกัน เพราะคนจะน้อยแล้วใช้เวลาถ่ายรูปสวย ๆ ได้นานกว่า และบอกเลยว่าขาลงชิลๆ แต่ขาขึ้นเหนื่อยเอาเรื่องมากๆ อยู่นะคะ!
Canggu/ Semiyak – Best places to going out!
เดินทางไปเก็บ Bucket Lists ให้ครบกันต่อที่โซน Canggu – Semiyak เราว่าแถบนี้เป็นโซนที่เน้นเที่ยวชิลล์แบบสบาย ๆ ใครที่อยากหาวิลล่ามานอนเล่น ถ่ายรูปปัง ๆ ค้างคืนเป็นอาทิตย์ แล้วแวะชิมอาหารออร์แกนิกหรือวีแกนอร่อย ๆ ตามคาเฟ่เป็นการปิดทริปแบบสวย ๆ ก็ขอแนะนำที่โซนนี้เลย
VILLA CANTIK
มาบาหลีทั้งทีต้องได้นอนวิลล่า! เพราะวิลล่าที่นี่ราคาถูกกว่าที่อื่น ๆ ทั่วโลกหลายเท่านัก ด้วยความที่ Expat เยอะ บางคนอยู่วิลล่ากันเป็น Long Stay นาน ๆ เป็นเดือนก็มี ถ้าอยากจองไปพักที่สวย ๆ เป็นกระแสดัง ๆ ก็ต้องดูไว้เนิ่น ๆ แต่ไม่ต้องกลัวเพราะวิลล่าสไตล์บาหลีมีเยอะมากกกกจนเลือกไม่ถูก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากแนะนำให้เลือกดี ๆ ดูทั้งย่านที่พัก ดูโลเคชันประกอบรูปภาพ เพราะบางที่อาจจะตั้งห่างจากตัวมือง อยู่นู่นกลางป่ากลางดอยอาจจะเดินทางลำบากเอาได้
รอบนี้เรากดเสิร์ชหาที่พักใน Airbnb ก็เจอวิลล่าใจกลางเมือง Semiyak เลยชื่อว่า ‘VILLA CANTIK’ ที่อยากบอกต่อความดีงาม เพราะเป็นวิลล่าขนาด 3 ห้องนอน พร้อมห้องน้ำส่วนตัวทุกห้องพร้อมสระว่ายน้ ตกแต่งสไตล์บาหลีเเบบจัดเต็ม ความไม้เอย หวายเอย ฟีลบ้านในพินเทอเรสเว่อร์ สาย Instagram สายลง Story มีคอนเทนต์ให้ลงไม่หยุดไม่หย่อนแน่นอน และมีห้องครัวไว้ให้ทำอาหารเช้าอร่อย ๆ ง่าย ๆ กินเองก่อนออกไปเที่ยวต่อ
The Lawn Beach Club
ต่อจากวินาทีนี้คือการรีวิวร้านอาหารอร่อยดีงามที่ควรค่าแก่การตามไปกินค่ะ เพราะโซนนี้มีคาเฟ่และ Beach Club เยอะพอสมควรด้วยความที่อยู่ติดทะเล เราเลยอยากขอแนะนำซัก 3-4 ที่ ที่ไปมาแล้วหลงรักเลยที่แรกคือ ‘The Lawn Beach Club’ บีชคลับริมทะเลที่มีชื่อเสียงเรื่องจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่ราคาแรงพอตัวเพราะมีขั้นต่ำสำหรับการสั่งอาหาร ถ้าต้องการนั่ง Day Bed ทั้งวัน จะอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 บาท เราจำราคาที่แน่นอนไม่ได้ แต่ตรงนี้ดีต่อใจมาก ๆ เพราะได้นั่งติดหาดและวิวสวย ๆ แถม Playlist ของเค้าคือจึ้งจริง ๆ ส่วนผู้ชายก็แซ่บทุกจุดเลยจ้าแม่จ๋า
RUKO
ร้านอาหารวีแกนเล็ก ๆ ใกล้หาด แต่อร่อยจับใจจิตมาก ๆ ถ้าไปกันเยอะ ๆ อาจต้องรอโต๊ะนิดนึง ด้วยความที่ย่านนี้เองนักท่องเที่ยวที่มาบาหลีก็แอบมีความฮิปเตอร์เบา ๆ ร้านวีแกนอาหารออร์แกนิดก็เลยผุดขึ้นมาเยอะพอสมควรเพื่อเอาใจ Expat เมนูส่วนใหญ่จะเป็นการเอาผักออาร์แกนิกในท้องถิ่นมาครีเอตเป็นเมนูต่าง ๆ เช่น เอกซ์เบเนดิกส์ สลัดบูราต้าชีส แฮมเบอร์เกอร์ อาซาอิโบวล์ สมูทตี้ ที่นี่เสิร์ฟกาแฟสไตล์อินโดด้วยใครที่หาร้านอาหารทานในช่วงเช้าหรือสาย ๆ เราขอแนะนำร้านนี้เลย
Bokashi
ร้านนี้แนะนำมาก ๆ เพราะเป็นร้านที่ Vibes ดีที่สุดจากที่ไปมา ‘Bokashi’ จะเป็นร้านที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นเข้าไปนิดนึง แล้วมีคอนเซ็ปต์เก๋ ๆ แบบรักษ์โลกด้วยการเอาวัตถุดิบมาใช้ประโยชน์สูงสุด และเน้นความยั่งยืนจาก Farm to Table แถมราคาไม่แพงมาก แต่ Presentation ต้องให้นะคือชนะเลิศ!
ที่ชอบมาก ๆ คือการตกแต่งของร้าน เป็นเหมือนบ้านสองชั้นสไตล์ไม้ ๆ โล่ง ๆ วางต้นไม้ให้ร่มรื่นสบายตาเวลานั่งทานอาหาร แล้ววางโชว์พวกวัตถุดิบตามจุดต่าง ๆ ของร้านเพิ่มความเก๋ ก็โชว์ไปเลยสิคะว่าร้านเราออร์แกนิกจริงไม่ติงนัง
ที่นี่ยังเป็นครัวเปิดให้ดูเชฟทำอาหารโชว์ได้เลยจานต่อจาน ส่วนอีกมุมของชั้นล่างจะเป็นเหมือนช็อปเล็ก ๆ ที่ขายชีสนำเข้า เนื้อสัตว์ และอาหารทะเลสดใหม่ในท้องถิ่น รวมถึงของหวาน อย่างบราวนี่ เค้กช็อกโกแลตคีโตให้ซื้อกลับ ใครที่มาทานบรันช์ที่นี่ก็เลือกซื้อพวก Ingredient ไว้สำหรับทำอาหารได้ด้วยนะ
Love Anchor
เอาใจสายช้อปกันบ้าง ไปบาหลีก็ต้องมีของติดไม้ตืดมือ ช้อปของเก๋ ๆ ไปเป็นพร้อพเวลาถ่ายรูปถูกมะ ที่ ‘Love Anchor’ เป็นคอมมูนิตี้เล็ก ๆ ที่รวมร้านขายของฝากในบาหลี เหมือนตลาดเปิดท้ายขายของที่มีความเก๋ เปิดทุกวันตั้งแต่ช่วงบ่ายสามเป็นต้นไป มีของขายหลากหลายเต็มสองข้างทางให้เลือกทั้งเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน ของแฮนด์เมดพื้นเมือง และของกิน ส่วนราคาโอเคน่ารักเลย ถูกใจชิ้นไหนก็สามารถต่อรองได้ อย่าให้เสียชื่อสุดยอดนักต่อราคาที่อยู่ในสายเลือด สู้เค้าค่ะ
Tanah Lot Temple
และอีกหนึ่งจุดกินชมชมวิวสุดท้ายที่นั่งรถออกไป 30 นาทีก็เที่ยวที่นี่ได้ มองจากอีกฝั่งไกล ๆ ‘Tanah Lot Temple’ เป็นวัดฮินดูที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และตั้งอยู่บนหินขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยทะเล ซึ่งมองออกไปจะเห็นช่องน้ำที่ไหลผ่านเกาะสวยงามแปลกตาดี แต่เราขอแนะนำให้ไปช่วงคล้อยบ่ายหน่อยจะได้ถ่ายรูปสวย ๆ เพราะช่วงเย็น ๆ ตอนที่พระอาทิตย์ตกดินจะส่องแสงเล่นความวิบวับ ๆ กับวัด มีคลื่นสาดกระทบหินสวยงามอลังการมาก ที่นี่เลยเป็นหนึ่งในสามวัดใหญ่ในบาหลีที่มีชื่อเสียงในการมาชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก ๆ อีกแห่งหนึ่งของบาหลีเลยก็ว่าได้
สำหรับเราตอนนี้ ‘บาหลี’ เป็นเมืองที่เที่ยวง่ายสบายมาก อากาศดีงามนักท่องเที่ยวก็ยังไม่เยอะมากในช่วงนี้ ทริปเดียวก็แพลนเที่ยวได้ครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ จุดถ่ายรูป Photogenic Spot สวย ๆ สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของบาหลีก็หาดูได้ง่าย อาหารอร่อยแทบทุกร้านที่เราไปมา
แค่ฉีดวัคซีนให้ครบโดส ไม่ต้องตรวจ PCR ให้วุ่นวาย ไม่ต้องทำวีซ่า แค่ถือพาสปอร์ตเล่มเดียวก็เที่ยวได้เลย ที่สำคัญคือการเดินทางยังง่ายทั้งในประเทศที่เช่ารถพร้อมคนขับก็สามารถไปได้ทุกที่ในบาหลี และการเดินทางจากกรุงเทพก็เป็นเรื่องที่ง่ายและแสนสบาย เพราะการบินไทย บินตรงสู่เดนปาซาร์-บาหลี ทุกวันวันละ 1 เที่ยวบิน สามารถจองตั๋วในราคาพิเศษก่อนใครได้ที่ www.thaiairways.com ใครที่กำลังหาแพลนเที่ยวอยู่ในช่วงนี้ เราขอยกให้ ‘บาหลี’ เป็นอีกหนึ่ง Destination ที่ต้องรีบไปเยือน!
