ถ้าเปรียบประเทศ เป็นคนๆ นึง “ฮ่องกง” คงเหมือนเพื่อนข้างบ้าน ที่แต่ก่อนเจอกันนานๆ ครั้ง ตามงานบุญ ปอยหลวง ชิงเปรต แห่นางแมว ที่ตามพ่อแม่มาไหว้พระทำบุญ หรือตามห้างช่วงเซลล์หนักๆ แล้วบังเอิญโป๊ะ ‘ว้ายยย มาซื้อของถูกเหมือนกันหรอยะ!” แต่ตอนนี้เพื่อนโตขึ้นเยอะแล้ว มีกิจกรรมสนุกๆ ที่อยากชวนไปทำด้วยกันเพียบ! ทั้งปีนเขา ทั้งคาเฟ่ ทั้งสวนสนุก ทั้งล่องเรือดูปลาโลมา เอาเป็นว่าเพื่อนข้างบ้านที่ดูมีสไตล์และเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อยากรวดเร็วเหมือนไปโมหน้าใหม่ที่เกาหลี ก็คงไม่พ้นฮ่องกงนี่แหละ ว่าแล้วก็ไปเที่ยวฮ่องกงกันเถอะ!
ไม่ว่าจะไปรอบที่เท่าไหร่ ฮ่องกงก็ไม่เคยปล่อยให้เราเหงา หรือเที่ยวซ้ำที่แล้วเบื่อเลยซักครั้งจริงๆ
Hong Kong Disneyland
ดินแดนแห่งความฝันที่แอบน้อยใจตัวเองว่าตอนเด็กๆ เวลาแม่พามาแล้วจับกูแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทำไมกูทำตัวงี่เง่าไม่ยอมแต่งวะ นึกตอนนี้ละอยากกลับไปแต่งเหลือเกินค่ะคุณขา หน้าตาเด็กจิ้มลิ้มๆ เต็มไปหมด ถ้าตอนเด็กๆ เราแต่งบ้างก็คงน่ารักเหมือนคุณหนูๆ นั่นแหละจ้ะ
ไม่ว่าจะเด็ก หรือจะโตแค่ไหน ถ้าได้ก้าวขาเข้ามาแล้ว ปิ๊ง! เป็นอันต้องเคลิ้มไปกับความน่ารักของเหล่าตัวการ์ตูน นึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงคุยกับนก หอยทอก ปลาตะเพียน หรือเป็ดอย่างโดนัลด์ ดั๊กส์ ได้ทุกครั้ง พร้อมกับร้องกรี้ดไปพร้อมเครื่องเล่นมันส์ๆ (ที่เริ่มจะมีบ้างแล้วอะนะสำหรับดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง) และอดกดชัตเตอร์รัวๆ ไม่ได้ในทุกย่างก้าวที่เดิน น่ารักไปหมดเลยขนาดเรามาตรงกับช่วงเทศกาล อย่างช่วง Halloween! ผีบ้าอะไรน่ารักขนาดนี้!
ระหว่างเดือนตุลาคมวันที่ 9 ถึง 31 ตุลาคม พวกร้านค้า ตัวการ์ตูน พาเหรด ทุกสิ่งอย่างจะถูกเปลี่ยนให้เข้ากับธีมงาน แม้กระทั้งเมนูอาหาร! อย่างในห้องอาหารจีน Crystal Lotus ที่ Disneyland Resort ที่จะเสิร์ฟเป็น set โดยมีเมนูพิเศษเฉพาะช่วงนี้
อย่างติ่มซำกุ้งรูป Jack น่ารักไม่พอ อร่อยมากด้วย ซึ่งถึงจะไม่ได้นอนพักที่นี่ ก็แวะมาทานได้ เขามี Shuttle Bus วนรับ-ส่งฟรีๆเลย หรือในตัว Disneyland เองก็มีร้านน่ากินมากๆอย่าง Corner Cafe เน้นอาหารฝรั่ง ขอบอกว่าเมนูของหวานดีงามสุดไรสุด ตอนเค้ายกมาเสิร์ฟนี่ก็สงสารอาหาร ทำไมของน่ารักๆ แบบนี้ต้องมาโดนกูกินด้วยนะ 5555
เนื่องจาก Disneyland ค่อนข้างใหญ่ แบ่งเป็นหลายโซน เลยขอเน้นเป็นช่วงๆ แทน โดยไฮไลท์แรกที่ยังไงต้องห้ามพลาด ก็คือ “Mickey’s Halloween Time Cavalcade” หรือพาเหรดช่วงกลางวันนั่นเอง คือมันน่ารักมากกกกก แก่แค่ไหนก็ยังกรี้ด เข้าใจแล้วที่ว่า ติ่งก็ยังเป็นติ่งอยู่วันยังค่ำ และไม่มีใครแก่เกินดิสนีย์จริงๆ นั่นแหละ
**เวลาของโชว์การแสดง จะเปลี่ยนเกือบทุกเดือน ดังนั้น อย่าลืมแวะหยิบBrochure แล้วเผื่อเวลาให้ดีๆนะ เพราะเครื่องเล่นมันเปิดทั้งวัน แต่โชว์เนี่ยมีรอบจำกัดนะจ้ะ**
” ก็นายมีฉันเป็นเพื่อน จะเป็นเสมือนคู่ใจ แม้เส้นทางที่นายเดินไป มันไม่สวยดังหวัง ถ้าหมด
ถ่ายรูปเล่นซักพัก ก็ถึงเวลาของ “Magic Book Show” อันนี้ดีมาก ห้ามพลาด! วันนึงจะมีประมาณ 4 รอบด้วยกัน เป็นละครเวที ความยาวประมาณ 30นาที อลังการตามฉบับดิสนีย์ ไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว Effectมาแบบ 360องศารอบตัว แม้จะพากย์เสียงเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง แต่ก็มี Subtitle ให้อ่าน
แบ๊วๆใสๆ กันมาทั้งวัน ก็ถึงของสายบู๊ ไปตะลุย “Tomorrow Land” กันซะที ซึ่งของฮ่องกง เขาพึ่งปรับปรุงใหม่เลย เป็น Theme Star Wars ที่ดีงามน้ำตาไหล ชอบที่สุด ก็คือ การเข้าพบฮีโร่ทั้งหลายในเรื่องนี่แหละ ซึ่งมันเหมือนจริงมาก
ทั้ง “Chewbecca” ที่ตัวสูงสองเมตร ทั้งขนปุย และใจดี และ “R2D2” หุ่นยนต์คู่ใจพระเอก ที่ร้องงื้ดๆ วิ่งไปมา
ส่วนใครไม่ใช่ทีมเจได ก็ไม่ต้องเสียใจไป “Stormtroopers และ Captain Phasma” ก็เดินวนไปวนมา ตามจับตัวผู้รอดไปร่วมทีมอยู่ อันนี้ขอบอกว่า ดุมาก สมจริงสุดๆ จะถ่ายรูปได้ ต้องรอกัปตันชี้เลือกก่อน จะแอบเซลฟี้นิโดนดุนะ 555
ถ้าติ่งคนไหนยังไม่หนำใจ แนะนำให้ไป ทำดาบเจได ด้วยตัวเองได้ หรือจะแวะกินเบอร์เกอร์รูปกัปตัน เพิ่มพลังก็ดี
และแน่นอนว่าจะยังกลับไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ชมพลุ ไฮไลท์ประจำของ Disney Land ถือเป็นการจบวันได้อย่างอิ่มเอมใจ ซึ่งวันนี้ไม่ต้องรีบวิ่งหน้าตั้ง กลับไปให้ทันรถไฟเข้าเมือง เพราะเราจะนอนกันที่ “Disney’s Hollywood Hotel” ตัวห้องถือว่าใหญ่ และกว้างผิดหูผิดตาจากโรงแรมปกติในฮ่องกง หลับสบายหายเหนื่อยเลย
และความฟินอย่างสุดท้าย ที่จะได้สัมผัสต่อเมื่อเป็นแขกของโรงแรมเท่านั้น ก็คือ การทานอาหารเช้าที่ “Enchanted Garden”
ไม่ใช่เพราะอาหารนานาชาติ แสนอร่อยอย่างเดียวที่ทำให้มันเป็นมื้อพิเศษ แต่ตัวการ์ตูน อย่าง Mickey, Minnie และผองเพื่อน จะออกมาทักทาย ถ่ายรูปคู่ เล่นกับคุณถึงโต๊ะ! เป็นการทานนอาหารเช้าที่สนุก และหุบยิ้มไม่ได้เลย เติมเต็มความติ่งที่โตมากับ Disney ตั้งแต่ยุควีดีโอที่ให้แม่เปิดวนไปจนเทปยาน 5555
Nong Ping 360 Cable Car
กระเช้านองปิง อาจไม่ใช่ของใหม่ แต่ต้องยอมรับว่า การได้นั่งกระเช้าพื้นแก้ว แล้วมองเห็นพื้นทะเล พื้นดินอันกว้างใหญ่นั้น ยังน่าตื่นเต้นเสมอ ยิ่งอากาศเย็นๆ แบบนี้กับวิว 360 รอบตัวนี่มันโคตรฟิน เรามาถึงตอนบ่ายๆ คนโล่ง ไม่ต้องต่อคิวเลย
และแน่นอนว่ามาถึงแล้ว ต้องไม่พลาดการไหว้องค์พระใหญ่ ซึ่งจริงๆไม่จำเป็นต้องเดินขึ้นบันไดให้เหนื่อยไป เพราะจุดที่ซินแซบอกว่าดีที่สุดสำหรับขอพร คือ ลานตรงข้ามองค์พระ ส่วนถ้าใครอยากจุดรูปไหว้ให้ครบกระบวนการ ต้องเดินเลยเข้าไปทางวัดโป่วหลิน ศาลาสีส้มๆใหญ่ๆทางซ้ายมือ และนอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังมีร้านค้า โชว์ทางวัฒนธรรมอีกเพียบ เดินเล่นช้าๆ พักเหนื่อยกันซักนิดก็ไม่เสียหายนะ
Tai-O Village
ถ้าใครไม่อยากนั่งกระเช้าวนกลับ เราแนะนำให้แวะที่หมู่บ้านโบราณแห่งนี้ต่อ นั่งบัสสาย 21 มาอีกประมาณ 20 นาทีก็จะพบหมู่บ้านชาวประมงที่ยังมีชีวิต มีคนอาศัยอยู่จริงๆ มาแล้วเหมือนย้อนเวลากลับไปสู่ฮ่องกงสมัยก่อน
ยังมีคุณลุงขายขนมที่ทำด้วยเตาถ่าน ยังเจอร้านขายลูกชิ้นปลาต้ม แบบขนมโบราณ บ้านเรือนยังเป็นบานพับเขียนลายจีนดูวินเทจ แต่ก็แทรกไปด้านร้านกาแฟดิปเก๋ๆ ร้านขายของที่ระลึก Hand-made เป็นส่วนผสมใหม่ๆที่ลงตัว ถ้าเดินลึกเข้าไปอีกนิด จะเห็นว่าสภาพบ้านยังเป็นแบบไม้ค้ำถ่อขึ้นมาจากน้ำ ผู้คนยังสัญจรไปมาด้วยเรืออยู่เลย
ถ้าเดินเล่นจนจุใจแล้ว จะนั่งบัสเบอร์ 11 หรือขึ้นเรือแบบเราก็ได้ วิวสวยดี แต่รอบจะน้อยกว่า ไปถึง Tung Chung เหมือนกันจ้ะ
รอบนี้เราพักที่ “KowLoon Hotel” ตั้งอยู่ใจกลาง Tsim Sha Shui เลย สะดวกเว่อร์ๆตรงที่ตัวโรงแรม เชื่อมกับใต้ดินเลย จะฝนตก พายุเข้า อะไรก็ตาม ก็สามารถลากกระเป๋าสวยๆเข้าโรงแรมได้ทันทีและขาช้อปต้องกรี้ดแน่ๆ เพราะเขามีส่วนลด 10% เมื่อช้อปในห้างของโรงแรมด้วย SASAยอดฮิตก็มี นอนที่นี่เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
ก่อนจะแยกย้ายกันไปช้อป เราแวะไปทานอาหารทะเลสดๆ กันที่ หมู่บ้าน Lei Yue Mun (เล่ยหยู่มุน) ทั้งหอยงวงช้างลวกจิ้ม กั้งทอดกระเทียม เป๋าฮื้อราดซอส ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว และอื่นๆอีกมากมาย อร่อยท้องแตก แต่หยุดกินไม่ได้จริงๆ ใครอยากกินบ้างนั่ง MRT มาลงที่ Yau Tong Station แล้วใช้ Exit A2. เพื่อขึ้น Minibus สาย 24 มาที่ท่าเรือเฟอรี่ Sam Ka Tsuen และเดินตามป้ายมาประมาณ 15 นาทีจะถึงแหล่งที่มีร้านอาหารทะเลเต็มไปหม้ดดด หรือจะนั่งมินิบัส จากมองก๊อก ข้างๆตึก Sincere ค่ารถคนละ $10 ส่งตรงถึงร้าน ไม่ต้องเดินให้เมื่อย
Che Kung Temple
หรือวัดกังหัน ยอดฮิตติดลมบนขนาดที่คนขายธูปเจรจาต่อรองราคาเป็นภาษาไทยได้ โดยการไหว้พระฉบับคนฮ่องกงนั้นจะไม่มีการบน แต่จะเป็นแนวขอพร ทำความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่า อย่าลืมไปหมุนกังหัน แบบตามเข็มนาฬิกา เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีด้วยหละ
Ocean World & Ocean Park
แล้วก็มาแจกความสดใสต่อ เพราะเราจะไปทานอาหารกลางวัน ข้างๆเหล่านกเพนกวินกัน! ที่ห้องอาหาร “Tuxedos” กินข้าวไป ดูเพนกวินว่ายน้ำไปก็เพลินแบบงงๆดีเหมือนกัน 5555
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆอย่าง ให้อาหารปลาฉลาม ที่ตอนแรกก็กลัว แต่เป็นฉลามพันธุ์เล็ก ไม่ดุร้าย และมีที่กั้นอย่างปลอดภัยทีเดียว หรือคิดว่ายากไป เปลี่ยนไปแวะดูแพนด้า หมีโคอะล่า และจิงโจ้แทนได้ เพราะที่นี่ สัตว์จะไม่ถูกขังอยู่ในตู้กระจก แบบตัดขาดจากเรา คือเขาจัดแต่งห้องแบบเปิดโล่ง ได้ความใกล้ชิดต่างจากสวนสัตว์อื่นๆที่เคยไปมากโข แต่ถ้าใครนิยมพวกเครื่องเล่นโหดๆก็มี หรือเดินจนเมื่อยแล้วมานั่งแวะดูโชว์ปลาโลมาคิ้วท์ๆก็ได้
และกิจกรรมแน่นเอี้ยดทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นภายใน 3 วัน 2 คืนเท่านั้น! เยอะไปอีก ไหนใครบอก ฮ่องกงน่าเบื่อ ไม่รู้จะไปไหน ขอเถียงสุดตัวว่าไม่จริง! ทุกสถานที่ ยังมีอีกหลายมุมมองให้เราค้นหาเสมอแหละ เคยมากับพ่อแม่ก็อารมณ์นึง ได้มากับแฟนก็สนุกอีกแบบ หรือใครนก ก็ขนเพื่อนกันมาเที่ยวให้มันส์ไปเลย!
Thai AirAsia มีบินตรงสู่ฮ่องกงทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน เลือกเวลาได้ตามสะดวก จะเช้า สาย หรือค่ำ บินแป๊ปๆ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว เดี๋ยวนี้ยิ่งสะดวกไปใหญ่ เพราะมีบินตรงทุกวัน จากเชียงใหม่ และภูเก็ตถึงฮ่องกงทันทีอีกด้วย ไม่ต้องมาต่อเครื่องที่กรุงเทพให้เสียเวลา เอ้า! แล้วจะรออะไร กดจองก่อนแล้วค่อยลางานก็ยังได้เนี่ย อย่าลืมสั่งอาหารอร่อยๆ เมนูใหม่ๆ บนเครื่องกินรองท้องพอหอมปากหอมคอก่อนไปกินติ่มซำกันต่อด้วยนะ
เจอกันที่ฮ่องกง!