รู้มั้ยว่าอีกเหตุผลนึงที่เราเลือกเดินทางมาเที่ยวดูไบครั้งนี้ คือการได้สัมผัสประสบการณ์แบบ Fly Better กับ Emirates สายการบิน 5 ดาวระดับโลกที่มีจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจทั่วโลกกว่า 158 จุดหมายปลายทางในกว่า 84 ประเทศ แถม Hub ของ Emirates อย่างดูไบ ยังน่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้งเวลาได้แหงนหน้ามองตึกสูงระฟ้า รถไฟฟ้าวิ่งผ่านและความทันสมัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้เมืองนี้ดีขึ้นและน่าเที่ยวมากขึ้นทุกวัน
ทริปนี้เราเดินทางกันด้วย Business Class ของสายการบิน Emirates ที่มีบินตรงออกจากกรุงเทพ/ภูเก็ต สู่ดูไบทุกวัน แถมวันละหลายไฟลท์เพื่อให้เพื่อนๆ สะดวกในการเดินทางไม่ว่าจะไปเที่ยวดูไบก็ดี หรือต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นทั่วโลก Emirates ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมากเมื่อต้องเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ทั่วโลกที่ไม่สามารถบินตรงได้จากประเทศไทย อัลบั้มนี้เราเลยขอรีวิว Business Class ของ Emirates แบบรวบรัดแต่ครบถ้วนเพื่อให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และมาลอง Fly Better กับ Emirates เหมือนที่พวกเราพึ่งสัมผัสมา!
อย่างแรกเลยที่ Emirates ทำให้เรา Fly Better กว่าใครๆ คือบริการ Chauffeur-drive เมื่อไหร่ที่เดินทางด้วย First Class หรือ Business Class จะส่งรถหรูพร้อมคนขับมารับส่งที่บ้านทุกครั้งทั้งแต่เริ่มต้นออกจากบ้านจนถึงสนามบินปลายทางก็มีคนขับคอยรอรับเรา ช่วยยกกระเป๋าและส่งถึงบ้านหรือโรงแรมโดยสวัสดิภาพ
จากบ้านถึงสนามบินก็มีช่องเช็คอินแยกเฉพาะสำหรับผู้โดยสาร First Class หรือ Business Class โดยเฉพาะพร้อมช่องผ่าน Security แบบ Fast Track ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ผู้โดยสารของ Emirates ก็เหมือนบินผ่านความวุ่นวายของสนามบินไปนั่งเอ็นจอยในเลาจน์ได้ทันที และเลาจน์ของ Emirates ที่สุวรรณภูมินั้น ใหญ่โตโอห์อ่าสมกับเป็นเจ้าแห้งตะวันออกกลาง 555 ที่สำคัญคือมีให้เฉพาะลูกค้าของ Emirates เท่านั้นที่ใช้ได้ ดังนั้นที่เลยจะเงียบ สงบ เป็นส่วนตัว แถมมีอาหารไทย อาหารตะวันตก และเมนูขนมอร่อยๆ พร้อม Bar ให้บริการด้วย
The business of living
มาพูดถึง Inflight experience กันบ้างว่า Emirates จัดเตรียมอะไรให้เราและดีงามขนาดนี้ ไฟลท์ที่บินเข้าออกจากกรุงเทพ มีทั้งเครื่องบินแบบ Boeing 777 และ Airbus A380 ไฟลท์นี้เราบินด้วย A380 ที่จัดที่นั่งแบบ 1-2-1 ทำให้ทุกที่นั่งมีทางเดินส่วนตัวและสำคัญที่สุดคือ.. ความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสารทุกคนหรือ Privacy ที่ Emirates ให้ความสำคัญมากกกกกกก!
รูปของเราอาจจะมืดซักหน่อยเพราะผู้โดยสารวันนี้เต็มลำและแน่นเอี๊ยด จนไม่กล้ารบกวนคนอื่นเลย แต่ในความมืดความหรูหราก็ยังครบและเพียบพร้อมมาก ตรงด้านข้างของที่นั่งก็ยังมี Minibar ที่วางเครื่องดื่มหลากหลายชนิดให้เราเลือกบริการตัวเองได้เต็มที่ Flowing กันไปตลอดทั้งไฟลท์
สิ่งนึงที่เราจะเลือกบิน Emirates ทุกครั้งเมื่อมีโอกาสคือ Inflight Entertainment หรือที่นี่จะเรียกสั้นๆ กันว่า I C E คือหนังมันเยอะเกินไปอะ! เราดีใจทุกครั้งเวลาเปิดหน้าจอทีวีส่วนตัวแล้วพบว่ามีหนังที่ชอบ แต่ของที่นี่ไม่ใช่แค่ชอบแต่เลือกดูไม่ถูกเพราะมันเยอะมากจริงๆ หนังใหม่ หรือหนังอมตะ รวมถึงการ์ตูนฮิตๆ ลากยาวไปจน Live TV ก็มีหมดทุกอย่าง แถมบางเรื่องก็มี Subtitle ภาษาไทยด้วยนะ และเพลงไทยนั้น… มีให้เธอฟังกันแน่นอน หายเหงาระหว่างเดินทางกันเลยหละ
และผู้โดยสารชั้น Business Class ยังจะได้รับ Bulgari Amenity Kits ทุกคน ด้านในประกอบไปด้วยของใช้จำเป็นระหว่างเดินทางโดยมีให้ทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง ความพรีเมี่ยมของ Emirates นี้มีทั้งน้ำหอมขวดเล็ก เครื่องประทินผิวต่างๆ ของผู้หญิงกระจกยังมีเลยอะ ชอบความใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แม้กระทั่ง Amenity Kits
ส่วนอาหารบนเครื่องนั้นจะมีให้เราเลือก 3 เมนูด้วยกัน! โดยจะเป็นอาหารไทย อาหารอาหรับและอาหารตะวันตก เราได้ลองทั้งอาหารไทยแลอาหารตะวันตก บอกเลยว่ารสชาติดีทั้งคู่โดยเฉพาะอาหารไทย เพราะทำออกจากครัวที่กรุงเทพ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่า เอ๊ะ! นั่งสายการบินอาหรับจะทานอาหารได้รึป่าว? เธอจ๋า อร่อยอย่าบอกใครเชียว ?
ทีเด็ดอีกอย่างนึงคือไวน์! บนเครื่องจะมีไวน์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลหลากชนิดมากๆ ให้เลือกทานกันแบบจุใจ และในทุกๆ ปีผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ของ Emirates จะเดินทางไปฟาร์มทั่วโลก เพื่อค้นหาสุดยอดไวน์ชั้นดีไว้ล่วงหน้าและเหมาทั้งฟาร์ม ทำให้จะมีไวน์บางชนิดที่มีให้บริการเฉพาะบนไฟลท์ของ Emirates เท่านั้น หาดื่มกันที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ให้เธอสอบถามจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องดื่มได้เลยว่า ไวน์ตัวไหนที่ Exclusive เฉพาะที่ Emirates เท่านั้น! ไวน์ดีๆ ทานคู่กับอาหารอร่อย และขนมอย่างดีปิดท้ายก็ทำให้การเดินทางนั้นมีโมเม้นท์ดีๆ ที่น่าจดจำเช่นกันนะ
และ The Coolest Part ที่สุดของ Emirates เราขอยกให้ที่นี่เลย Onboard Lounge บนเครื่อง A380 ทุกลำของ Emirates จะมี Lounge อยู่ด้านหลังของชั้น 2 ที่นี่คือที่ที่ผู้โดยสารชั้น First Class หรือ Business Class จะมาสังสรรค์ Socialize กันระหว่างเดินทาง ถ้าเธอเมื่อยๆ ก็มาเดินยืดเส้นยืดสายตรงนี้ พนักงานต้อนรับหนึ่งคนจะเปลี่ยนเป็น บาเทนเดอร์ คอยอำนวยความสะดวกและชงเครื่องดื่มอร่อยๆ ตามสูตรพิเศษของ Emirates ให้เธอสดชื่นตลอดทั้งไฟลท์
และใน A380 รุ่นใหม่บางรุ่นที่นั่งก็จะเป็นโซฟาให้เธอได้เอกเขนกเหยียดหลังได้สบายกว่าเดิม สมมติเผื่อเครื่อง Take Off เสร็จแล้ว ไม่อยากนั่งอยู่กับที่หรือช่วงระหว่างรอพนักงานต้อนรับฯ Transform ที่นั่งของเธอเป็นเตียงนุ่มๆ ก็มานั่งเล่นที่ Lounge นี้ได้ทันที แถมยังสามารถ Take Order เมนูมื้อไหนๆ ก็ได้ล่วงหน้า หรือซื้อสินค้าปลอดภาษีที่ Lounge เลยก็ได้
และความน่ารักเล็กๆ น้อยๆ ของการเดินทางช่วงเทศกาลต่างๆ บางครั้งพนักงานต้อนรับฯ จะเอากล้องโพลาลอยด์ที่มีประจำอยู่บนทุกเครื่องของ Emirates อยู่แล้ว ออกมาถ่ายภาพให้เก็บไว้เป็นความประทับใจพร้อม Festive Frame น่ารักๆ พร้อมคำอวยพรของพนักงานต้อนรับฯ ในไฟลท์ให้เดินทางราบรื่นโดยสวัสดิภาพ
ไฟลท์บินจากกรุงเทพถึงดูไบจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าๆ ทำให้เธอมีเวลาเอ็นจอยกับ Lounge / อาหารเลิศรสบนเครื่อง และที่สำคัญคือการพักผ่อนระหว่างเดินทาง มีคนบอกว่าการนอนของเราจะนับเป็นรอบๆ รอบละ 3 ชั่วโมงตื่นมาจะรู้สึกสดชื่นและไม่เพลีย ไฟลท์นี้หลังทานอาหารเสร็จ เธอก็สามารถเอนหลังพักผ่อนก่อนถึงดูไบได้ชิวๆ แต่.. แค่ 3 ชั่วโมง Emirates ก็จัดเต็มเพราะเค้าเตรียมทั้ง ปอกหมอน / Mattress สำหรับเปลี่ยนที่นั่งเป็นเตียงนอนนุ่มๆ และผ้าห่มอุ่นๆ ให้เราหลับสบายตลอดทั้งไฟลท์ เห็นแบบนี้แล้วอยากให้ไฟลท์นี้นานซัก 18 ชั่วโมงเลย
หลังจากถึงดูไบเรียบร้อยแล้ว แต่นอนว่า Emirates ไม่ปล่อยให้เธอนั่งเหงาๆ หรือเปิด Map ดูว่าต้องนั่งรถไฟฟ้าสายไหน หรือเรียกแท็กซี่ไปต่อยังไง เพราะเค้าก็ยังมีบริการ Chauffeur-drive รับ-ส่งเธอถึงที่พักอย่างแน่นอน สบายใจได้เลยจ้า
3 คืน 4 วันในดูไบเป็นอะไรที่ Amazing และยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับเรา ที่นี่กลายเป็นอีกเมืองนึงที่เราหลงรักในความทันสมัย ความไม่ยึดติดกับอะไรเดิมๆ และพร้อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและกระแสของโลกเพื่อให้ที่นี่คงอยู่และก้าวต่อไปได้อย่างงดงาม ติดตามอ่านรีวิวดูไบของเราต่อได้ ที่นี่
ตัดภาพมีที่ขากลับกรุงเทพกันบ้าง ที่สนามบินนานาชาติดูไบ การเช็คอินของผู้โดยสาร Bussiness Class ก็แยกเป็นสัดเป็นส่วนอย่างชัดเจน กระเป๋าทุกใบจะถูกติด Tag Priority เพื่อให้เมื่อถึงจุดหมายเธอจะได้ไม่ต้องรอคิวรอรับกระเป๋านานๆ
ที่สนามบินนานาชาติดูไบ ที่นี่มี Lounge ของ Emirates เยอะมากๆ กว่า 7 Lounges และแต่ละจุดก็เรียกได้ว่าอลังการ เพราะที่นี่ถือเป็น Hub ของสายการบินเอง Lounge ในบาง Terminal ยังสามารถเชื่อมต่อกับสะพานเทียบเครื่องบินได้ แปลว่าหลังจากอาบน้ำ ทานอาหารหรือทำธุระส่วนตัวเสร็จหมดแล้ว ก็เดินขึ้นเครื่องบินกลับบ้านได้อย่างสบายใจเลย
ที่ชอบที่สุดในเลาจน์ก็คงจะหนีไม่พ้นแชมเปญและอาหารนี่แหละ บอกตรงๆ ว่าเราทานอาหารอาหรับไม่ได้เลย เพราะไม่ชอบกลิ่น ก็เลยไม่คาดหวังกับอาหารใน Lounge เท่าไหร่ แต่ที่ไหนได้ โคตรดี! เพราะเค้าเตรียมอาหารตะวันตกไว้เยอะมาก รวมไปถึงขนมและแชมเปญต่างๆ ไว้อย่างดีทำให้เราไม่เบื่อและมีอะไรให้เลือกทานได้เยอะไปหมด ส่วนใครที่อยากรีเฟรชก่อนขึ้นเครื่องหรือขึ้นไปนอนหลับสบายๆ ใน Lounge ก็ยังมี Shower Room คอยให้บริการด้วยนะ
สุดท้ายเราก็เดินไปขึ้นเครื่องบินอย่างชิลๆ รอรับการบริการที่มีระดับและ Fly Better กลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ นี่คือรีวิวการบริการของ Emirates นี่น่าประทับใจและใครๆ สามารถรับบริการแบบนี้ได้ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล หากจะเดินทางไปไหนที่ต้องเปลี่ยนเครื่อง เราว่าดูไบก็เป็นอีก Destinations ที่จะ Fullfill ทริปของเธอให้ราบรื่นและน่าจดจำขึ้นไปอีกแน่นอน
#wheredowegoTH #EmiratesAirline #FlyEmiratesFlyBetter #FullfillYourWanderlust @Emirates