“เห้ย! นี่ไปจีนมาหรอ เห็นรูปนึกว่าอยู่เกาหลี” นั่นแหละแก บางทีก็สับสนเหมือนกัน ว่าต้องร้องหา อปป้าๆ หรือจะ เก๊อเกอดี แต่หันซ้ายหันขวา ตบหน้าเพื่อนสามที ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วหละ ว่านี่อยู่จีนจริงจริ๊ง
และอย่างที่รู้กันว่า ประเทศจีนนั้นใหญ่มากกกก ลักษณะภูมิประเทศ ภาษา รวมถึงวัฒนธรรมก็หลากหลายตามไปด้วย ทำให้ไปเที่ยวทางเหนือก็จะได้อารมณ์นึง ไปทางใต้ก็เก๋อีกแบบ อย่างรอบนี้เราไปตะลุยเมืองท่าสุดแสนจะโรแมนติกที่ต้าเหลียน (Dalian) แล้วนั่งรถไฟเม้าท์มอยยาวๆไปสัมผัสธรรมชาติอลังการ สุดขอบชายแดนจีน-เกาหลีเหนือกันที่ ไป่เหอ (Baihe) และปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้งที่ เสิ่นหยาง (Shenyang) สามเมือง สามอารมณ์กันไปเลยค่ะคุณผู้ชม
เราออกเดินทางกับ NokScoot คนดีคนเดิมซึ่งนางเป็นสายการบินเดียวที่บินตรงสู่ต้าเหลียน ในเวลาสวยงาม คือ ออกดึก ไปถึงเช้าพร้อมเที่ยวได้เลย โดยมีบินทุกวัน อังคาร และอาทิตย์ ดังนั้นใครอยากเน้นชิวๆ พาที่บ้านมาเที่ยวแค่ตัวเมืองต้าเหลียน ก็กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันคืนวันเสาร์และมาบินต่อวันอาทิตย์ ลางานเพิ่มซัก 2 วันแค่นี้ก็แฮปปี้แล้วจ้า
ส่วนเรื่องแลกเงินหยวนให้ได้เรทดีที่สุดนั้น เราแนะนำให้แลกกับ Superrich Thailand ร้านสีเขียวที่มีสาขาทั่วกรุงเทพ ทั้งพารากอน BTSสนามกีฬาแห่งชาติ และ ใกล้เซ็นทรัลเวิร์ดอย่างราชดำริ ที่นี่มอบเรทที่ดีที่สุดและถูกกว่าทุกๆ ที่ แถมยังสามารถโทรเข้าไปจองเงินก่อนได้ด้วยพร้อมบอกจะรับที่สาขาไหน เผื่อช่วงไหนหยุดยาวแลกเงินกันเยอะๆ จะได้ไม่ต้องรอคิวนานหรือเสี่ยงเงินหมด เพื่อนๆ สามารถโหลด App Superrich สีเขียว หรือเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่ https://www.superrichthailand.com
TIPS : เมื่อไหร่ที่ต้องบินข้ามคืน การนอนหลับเอาแรงบนเครื่องเป็นสิ่งยิ่งกว่าสำคัญ อย่าลืมจ่ายเพิ่มนิดหน่อย เลือกที่นั่งใน ScootinSilence ซึ่งรับประกันว่าจะไม่มีการจ้ะเอ๋ เจอเด็กร้องไห้ให้กวนใจแน่นอน และไหนๆก็ต้องขนคอสตูมจัดเต็มไปอยู่แล้ว ซื้อตั๋วแบบที่รวมน้ำหนักกระเป๋า อาหารอุ่นร้อนมาให้เลย คุ้มกว่าเยอะ!
แต่ถ้าจะให้เราแนะนำ ลองนั่งรถไฟหัวกระสุน ที่สุดแสนจะสะอาด ตรงเวลา และไม่แพง ข้ามไปดูแสงสี และประวัติศาสตร์ ที่เมืองสำคัญเก่าแก่อย่าง เสิ่นหยาง แล้วค่อยบินตรงกลับไทยกับ NokScoot ดีกว่า ซึ่งเสิ่นหยาง ก็มีบินทุกวันจันทร์ พุธ พฤหัสและเสาร์ ได้เป็นทริปชิวๆ 6วัน แต่สวยจนมีรูปลงไปอีก 6 อาทิตย์เลย!
– PART 1 : Stay hips in Dalian –
แม้ชื่อจะฟังดูคุ้นหู แต่เมืองท่า สุดสำคัญอันดับหนึ่งของจีนอย่าง ต้าเหลียน กลับไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ที่คุ้นเคยให้หมู่คนไทยเท่าไหร่ เหมือนถ้าถามว่าไปทะเลใกล้กรุงที่ไหนดี ก็จะตอบว่าไปพัทยา แทนที่จะไปทะเลบางขุนเทียน ทั้งที่จริงๆ เมืองนี้ถือเป็นเมืองตากอากาศ สุดจะป๊อปปูล่าร์ในหมู่ชาวจีน และชาวญี่ปุ่นเขาเลยหละ เพราะนี่คือเมืองที่สะอาดและ อากาศดีที่สุดในจีนตอนเหนือ ถ้าเสิ่นหยางเป็นคนไปประกวดนางงาม นางก็เหมือนได้รางวัลฟันสวย ยิ้มใสอะไรอย่างนั้น เอ้า! ว่าแล้ว ก็โบกแท็กซี่ แล้วไปลุยกันเลยค่ะ
TIPS : ค่ารถไฟใต้ดิน หลายๆ เมืองเริ่มต้นเท่ากัน ที่ราคา 2 หยวน/คน และรถแท็กซี่ มิเตอร์ เริ่มที่ 10 หยวน ดังนั้นถ้าไปกันหลายๆคนเนี่ย ป้องการการหลง และซื้อความสะดวกให้ชีวิต ก็โดดขึ้นแท็กซี่โลดด เพราะเมืองงจีนมิเตอร์ขึ้นช้า และไม่ค่อยงี่เง่า ให้ไปไหนก็ไป ยกเว้นดึกๆ อาจจะงอแงเยอะกว่าปกติซักหน่อย
- Xinghai Square (星海广场)
ต้าเหลียนจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีจัตุรัสเยอะไปหมด รวมๆ ทั้งหมดน่าจะเกือบร้อยได้ แต่คงจะไม่มีที่ไหนครบเครื่องเท่า ซิงไห่ สแคว์รนี้อีกแล้ว! ด้วยราศีของการเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก! แถมยังเป็นจัตุรัสที่อยู่ติดชายทะเล ทำให้กิจกรรมในย่านนี้นั้นหลากหลายไปหมด เอาดีๆว่าสามารถอยู่กันได้ทั้งวัน
อย่างช่วงเดือน เมษา-พฤษภาคม ที่เราไปมาเนี่ย ก็จะมีคนมาวิ่งตรงสวนสาธารณะ แก๊งหนุ่มๆสาวๆก็จะพากันมาปิคนิค จิบเบียร์ นั่งจีบ นั่งเล่นชิวๆกันริมชายหาด และกรี้ดไปกับเครื่องเล่นสวนสนุกขนาดยักษ์
หรือครอบครัวพาลูกน้อยไปอควาเรียมดูปลาดูกุ้งดูปูเพลินๆ กันไป ส่วนใครไปช่วงหน้าหนาวที่หิมะตกหนักๆ ก็จะมีลานสกีเล็กๆไว้ให้เด็กมาปั้นหิมะกันด้วย โอ้ย นึกว่า นิวยอร์ค ไทม์สแควร์จ้า
- Zhongshan square (中山广场)
ถัดไปหลังจากเต็มอิ่มกับวิวทะเลแล้ว ว้าบกลับเข้ามาในเมืองกันบ้าง เราตรงไปที่นี่ เพราะช่วงถนนรอบๆของ จัตุรัสซงชาน นอกจากจะละลานตาไปด้วยร้านค้า ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ตึกรามหน้าตาดีทรงทรงยุโรป และสถาปัตยกรรมสไตล์รัสเซีย ผสมญี่ปุ่น
ให้ถ่ายรูปได้เพลินๆแล้ว ยังเป็นอีกจุดที่รวบรวมเหล่าวัยรุ่น ที่ใครอยากลองส่องความแซ่บของ เก๊อเกอชาวต้าเหลียน เทียบระดับความงานดี ก็มาที่นี่ได้เลย เข็ดฟันดีเหลือเกิน ตานิด ปากนิด จมูกนิด ยิ้มทีนี่โอ้ยยย พี่ขา เอาใจไปเล๊ยยยย มาเลยค่ะมาได้ตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป แถมมีเด็กสเก็ตคูลๆหน่อยไรงี้ด้วยนะ
เสร็จแล้วก็นั่งใต้ดินไปลงสถานี Qingniwaqiao แล้วจะโผล่มาตรงห้าง Pavillion พอดี ที่ชั้นใต้ดินของห้างนี้เป็นร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร และขนมทั้งจีน และนานาชาติเยอะมากกก เติมพลังให้ท้องอิ่ม แล้วค่อยๆเดินย้อนกลับไป Zhongshan square
ระหว่างทางมันก็จะเพลินๆเป็น Shopping Street ยาวไปเลย ทั้งของฝาก เสื้อผ้าแบรนด์ มีหมด พอเดินซอกแซกซ้ายขวามั่วๆไป แล้วเกิดเหนื่อยจนหิว ก็แวะข้างทางสั่งอาหารทะเลสดๆ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ขนมาทั้งทะเลในราคามิตรภาพ เพราะเมืองนี้เขาติดทะเล เมนูเด็ดห้ามพลาด คือ ปลาหมึกย่างโรยหมาล่า (สารภาพว่าไม่รู้ชื่อเมนู 555) ซึ่งเป็น Signature ของที่นี่มาซักสองสามไม้ ปลาหมึกเนื้อเด้ง ย่างเกรียมๆ โรยพริกเผ็ดๆ แซ่บ!
- Labour Park
มีคนเคยพูดไว้ว่า “ไปที่ไหน ถ้าไม่ไปสวนสาธารณะของที่นั่น ก็เหมือนไปไม่ถึง!” เพราะมันคือจุดศูนย์รวมวิถีชีวิตของคนในประเทศเมืองนั้นๆ ซึ่งความน่ารักของสวนสาธารณะที่นี่ ไม่ใช่แค่ความร่มรื่นของต้นไม้ หรือสวนที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม แต่การที่มีคนออกมาใช้ชีวิตกันเยอะมากๆ ใครใคร่ทำอะไรทำ ดังนั้นกิจกรรมที่เราเจอจึงหลากหลาย และค่อนไปทางแปลกตามากซะด้วย
ตั้งแต่กิจกรรมคลาสสิคเช่น ออกกำลังกาย ปิคนิค ไปจนถึงวงไพ่ ที่เป็นวงไพ่จริงจัง มีเป็น สิบยี่สิบวง นั่งกันยาวเป็นแถบ หรืออยากจะเรียนร้องเพลง ก็มีสอนร้องประสานเสียง อะ! หรืออยากฝึกคัดลายมือ ก็มีนวัตกรรมพู่กันยักษ์จุ่มน้ำ ใช้เขียนไปเรื่อยๆ มันแห้งก็เขียนใหม่ เป็นกระดาษที่ไม่มีวันเต็ม น้องเนยรักโลกสุดไปเลย 555
- Upper Kitchen
อันนี้เชียร์มากเป็นพิเศษ ยกให้เป็นร้านคาเฟ่ ที่ขายทั้งกาแฟ และอาหาร ที่ได้คะแนน สิบ! สิบ! สิบ! ไปเล้ยยยย ตั้งแต่การตกแต่ง รสชาติอาหาร และหน้าตาพนักงาน 5555 ความรู้สึกตอนก้าวเข้าร้าน เหมือนเดินผ่านประตูวิเศษของโดเรม่อน ที่ว้าบจากความโช้งเช้ง ไปโผล่ในร้านแสนเก๋ที่เกาหลีอะไรแบบนั้น
ที่ประทับใจสุด คือ ถึงแม้ทั้งร้านจะไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลย แต่นางก็มีเมนูภาษาอังกฤษพร้อมนะจ้ะ เวลาสั่งก็จิ้มเอา เดี๋ยวนางก็นับลำดับ เทียบกับเมนูภาษาจีนเอาเอง 555
– PART 2 : Let’s do the train journey to see Mt.Chanbaishan –
ไฮไลท์อีกอย่างนึงของการเดินทางรอบนี้ ก็คือ การเดินทางเลาะชายแดนเกาหลีเหนือ! เพื่อมาเยี่ยมภูเขา ที่ครั้งนึงเคยเป็นข้อพิพาท คาบเกี่ยวเขตแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งสุดท้ายแล้วพี่ใหญ่อย่างจีนก็ได้มาครอบครอง
การเดินทางมาที่สะดวกที่สุด คือ นั่งรถไฟตู้นอนยิงยาว 19 ชั่วโมงมาจากต้าเหลียนเลย ใช่แล้ว! 19 ชั่วโมงจริงๆ ไม่ได้พิมพ์ผิด นั่งจนกันจะได้ผัวบนรถไฟ 5555 ตอนแรกก็คิดแหละว่ามันนานมากๆ ต้องทรมานแน่ๆ แต่ที่ไหนได้ กินๆ นอนๆ เม้าท์มอยกันเพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็ถึงแล้วอ่ะ
TIPS : รถไฟตู้นอนที่นี่ มี 3 คลาสหลักๆ อย่างเราเลือก ชั้นหนึ่ง (Soft Sleep) คือแบบดีสุด ราคาประมาณ คนละ 1,500 บาท จะเป็นเตียงสองชั้น ห้องนึงนอนได้ 4 คน ปิดประตู ล็อคกลอนได้ มีกาน้ำร้อน และผ้าปูลายหลุยส์ ถ้าชั้นสอง (Hard Sleep) ถูกลงมานิดหน่อย จะเป็นแบบ 3 ชั้น ฝั่งละ 6 เตียง และจะไม่มีม่าน ไม่มีผ้าปู และล็อคห้องไม่ได้ ส่วนชั้นสาม คือเป็นเก้าอี้ปรับเบาะเอนเฉยๆ โดยสามารถจองได้สะดวกสบาย ผ่าน CTrip และเอาอีเมล์คอนเฟิร์ม ไปออกตั๋วที่สถานีรถไฟก่อนเดินทาง ซึ่งห้าม! สะกดชื่อ และเลข Passport ผิดเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจโดนค่าปรับแบบเราได้ 555
- Baihe / ErdaoBaihe
ตัวรถไฟจากต้าเหลียน จะมาถึงประมาณ 9 โมงเช้า ซึ่งสายไปนิดนึงสำหรับเดินทางขึ้นเขาในวันเดียวกัน เราก็เลยแวะพัก และเที่ยวเล่นในตัวเมืองกันก่อน ซึ่งในเมืองเล็กๆ ที่ดูไม่มีอะไรนั้น จริงๆสามารถเดินเพลินๆดูสวนสน ถ่ายรูปเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกทีก็ท้องร้องว่าถึงเวลาอาหารเย็นซะแล้ว
อ้อ! อีกอย่างนึง ไป่เหอ เป็นจุดที่ใกล้เกาหลีเหนือมากๆ กระทั่งบางช่วง ก็ยังไม่สามารถแบ่งชัดเจนได้ว่าของใครเป็นของใคร ในตัวเมืองเอง ก็มีแต่ร้านอาหารเกาหลี และภาษาเกาหลีเต็มไปหมด แต่ที่เล่ามาแบบนี้ ไม่ได้เพื่อขู่แต่อย่างใด เพราะที่นี่สงบ และน่ารักมากๆ เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของทั้งชาวจีน และต่างชาติ ถ้าอย่างหน้าร้อน เขาจะมาเดิน Trekking ชมดอกไม้ หรือถ้าหน้าหนาว ก็จะกลายเป็นลานสกี แปลงร่างเป็นเอลซ่ากันไป
- Chanbaishan Mountain National Park
แล้วก็มาถึงการเดินทางเข้าไป ในส่วนของตัวอุทยาน ซึ่งห่างจากตัวเมืองไป 30 นาที ดังนั้นขอสรุปเป็นเสต็ปสั้นๆ เข้าใจง่าย ได้ดังนี้
– เริ่มจากเหมารถแท็กซี่ไปส่งที่ปากทางเข้า คนละ 15-20 หยวน/เที่ยว โบกเอาตามทางได้เลย และควรออกไม่เกิน 8 โมงเช้า
– จากนั้นซื้อตั๋วเข้าอุทยาน 125 หยวน ซึ่งอันนี้ไม่รู้เป็นความโชคดี หรือโชคร้ายกันแน่ ที่วันที่เราตั้งใจจะไปขึ้นเขาเนี่ย ดันตรงกับวันท่องเที่ยวแห่งชาติของจีนพอดี! ทางอุทยานเลยเปิดให้เข้าฟรี ซึ่งแน่นอนว่าใครๆก็ชอบของฟรี… ดังนั้น หลีกเลี่ยงนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน 555
– อ่ะ แต่ยังไม่จบง่ายๆ ซื้อตั๋วรถบัส แบบวนรอบๆอุทยาน 80 หยวน ซึ่งจะจอดด้วยกัน 2 จุด ได้แก่
หนึ่ง : จุดเพื่อต่อรถ ขึ้นไปยัง Tianchi Heaven Lake อันนี้ก็ต้องซื้อตั๋วรถอีกประเภท ราคา 85หยวน
ซึ่งเป็น Highlight ของอุทยาน และเป็นสิ่งที่เราตั้งใจมาดูด้วยตามาก ของจริงคือกว้างมาก ใหญ่มาก ไม่รู้จะถ่ายแบบไหนให้มันได้อารมณ์ที่สุด โดยจริงๆช่วงที่สวยที่สุด คือ ตอนเข้าหน้าหนาว ที่หิมะพึ่งเริ่มตกเยอะๆ เขาทั้งลูกเป็นสีขาว แต่ทะเลสาปยังไม่แข็งตัว ประมาณ เดือน ตุลาคม-ธันวาคม และอีกทีคือ ช่วงหน้าร้อนไปเลย ที่หญ้า และดอกไม้โต จะมีสีสันไปอีกแบบ ในช่วงเดือน กรกฏาคม-สิงหาคมแหละ
สอง : จุดชมวิว Hot water spring และ Waterfall
หลังจากลงจาก Lake ด้านบนแล้ว ให้กลับมาเปลี่ยนขึ้นรถบัสคันใหญ่เหมือนเดิม เพื่อไปต่อยังจุดมุ่งหมายถัดไป ที่สวยจนหยุดกดชัตเตอร์ไม่ได้เลย เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ทั้งวัน ซึ่งภายในอุทยานก็จะมีซุ้มขายอาหารตามจุดพัก แต่ก็เป็นพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ต้มสมุนไพร และไส้กรอกปลอม แค่นั้นเอง ทางที่ดีติดขนมปัง หรือช็อคโกแลตเล็กๆน้อยๆมาด้วย จะทำให้การเดินนั้นเพลิดเพลินมากขึ้น ค่อยๆแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เพราะวิวมันสวย และแปลกตามากจริงๆ ไม่บอก ก็ไม่นึกว่ามาเที่ยวจีน!
หลังจากชื่นชมความอลังการของธรรมชาติจนช่ำปอด เราก็ลาตัวกลับไปตามหาแสงสีกันต่อที่ เสิ่นหยาง ด้วยรถไฟตู้นอนชั้นหนึ่งเจ้าเดิม แต่คราวนี้ ลดเหลือแค่ 14 ชั่วโมง 5555 โดยขึ้นจากสถานีไป่เหอเหมือนเดิม เที่ยวที่เวลาดีที่สุด คือ 18.15 น. ถ้าพลาด หรืออยากกลับเร็วกว่านี้ ต้องนั่งรถบัสออกไปขึ้นที่เมืองข้างๆ ซึ่งสุดท้ายรวมเวลาต่อรถอะไรแล้ว ก็เท่าๆกันอยู่ดีเด้อ
– PART 3 : Shop until you drop at Shenyang –
ตอนแรกสุด ถ้าพูดถึง เสิ่นหยาง หลายคนคงรู้จักในแง่ที่เป็น เมืองหลวงเก่า แห่งประวัติศาสตร์ ต้นกำเนิดของราชวงศ์ชิง เต็มไปด้วยพระราชวัง และโบราณวัตถุ ฟังดูน่าจะต้องอินประวัติศาสตร์ถึงจะเอ็นจอยที่นี่ แต่! ช้าก่อน อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจ เพราะ เสิ่นหยางในมุมของเรานั้น นอกจากร่องรอยของวัฒนธรรมที่สวยงามแล้ว ยังคึกคัก และเต็มไปด้วยแสงสี นี่เป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่ตอนเช้าก็ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ แล้วตกบ่ายก็ไปช๊อปปิ้ง ส่วนมืดปุ๊ปก็จิบเบียร์ราคาถูกกว่าน้ำเปล่าได้อีกต่อ! อะไรมันจะครบเครื่องขนาดน้านน
- Shenyang Imperial Palace Museum (沈阳故宫)
เริ่มจาก Landmark ของเมืองอย่างพระราชวังต้องห้ามแห่งแรกของราชวงศ์ชิง ก่อนจะย้ายไปสร้างอีกอันที่ปักกิ่ง ตอนที่ย้ายเมืองหลวงไปนั่นแหละ ซึ่งแม้ว่าขนาด และความอลังการจะต่างกันลิบลับ แต่ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
ภายนอก ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมแบบผสม ทั้งจีน มองโกเลียและแมนจู ภายใน ก็จัดแสดงห้องนอน ห้องทำงาน รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ และเสื้อผ้าในสมัยนั้นๆ ดีงามจนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยนะเออ
TIPS : ในเรื่องการเดินทาง เสิ่นหยางจะภาษีดีกว่าหน่อย ตรงที่สายรถใต้ดินครอบคลุม และมีภาษาอังกฤษกำกับ แต่กระนั้นแล้ว ถ้าเดินทางกันหลายคน ขอยืนยันคำเดิมว่า โบกแท็กซี่โลดดดด
- Zhong Jie (中街)
จงเจีย หรือ Central Road เนี่ยอยู่ขนานกับพระราชวังเลย แต่ทันทีที่ข้ามมาเหมือนภาพโดนตัดฉับ จากฉากหนังจีนย้อนยุค สงบ เงียบ ขลังเบอร์ที่ว่าได้ยินเสียงตามสายว่า ฮ่องเต้เสด็จแล้ววว มาเป็นฉากความคึกคัก เปิดเพลงป๊อปมันส์ๆ อารมณ์ฮาราจูกุที่ญี่ปุ่นเลย 5555
คงเพราะว่า ถนนทั้งเส้น ทอดยาวหลายกิโล ไปจนถึงสถานี Dong Zhong Jie ถูกปิดให้เป็น Walking Street ขนาบด้วยห้างร้านเรียงรายตลอดทาง มีทั้งแบรนด์ต่างชาติดังๆ และร้านค้า Local Brand แต่จะเน้นไปที่เสื้อผ้า ของใช้ ของกินมากกว่า ถ้าเปรียบให้เห็นภาพ ก็คงอารมณ์ประมาณสยาม ที่คนหมุนเวียนกันมา เที่ยว ช้อป ชิมกันไม่ขาดสายทั้งวัน
- Tai Yuan Jie (太原街)
ส่วนใครที่มองหาสถานที่ซื้อของฝากด้วย อาจจะต้องเขยิบมาที่ ไท่หยวนเจีย ซึ่งก็เป็น Shopping Street อีกอันที่มีพลังทำลายล้าง สามารถผลาญเงินในกระเป๋าได้รวดเร็วอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน 555
หลักๆก็คือ ด้านบนจะเป็นห้าง ที่มีร้านอาหาร ร้านอิเล็คทรอนิคส์ อย่าง Mi Shop และใต้ดินก็จะเป็นแหล่งขายเสื้อผ้าราคาย่อมเยา แบบยูเนี่ยนมอลล์ หรือประตูน้ำ ซึ่งกว้างกินพื้นที่ถนนใหญ่ถึง 2 เส้นเลย ขาช้อปทั้งหลาย ก็กำกระเป๋าเงินแน่นๆ แล้วมองหาป้ายทางลง ที่เหมือนทางลงรถใต้ดินแบบนั้นเลย
ส่วนใครที่เบ้ปากบอก อี๋ ชั้นไม่ใช้หรอกของเมืองจีน ฮึ! มึงมาดูนี่ก่อนเลยค่ะอิผี หมดตัวแน่ๆ เพราะของจีนนั้นคุณภาพไม่ได้ แถมราคาต่างกันเยอะมากกับแบรนด์ดังๆ อื่นๆ มันใช้ได้ดีจริงๆ นะ
- Beiling Park (北陵公园)
สวนสาธารณะกลางเมือง ที่ถูกสร้างอย่างถูกต้องตามฮวงซุ้ยของชาวจีน ก็คือมีเนินเขา มีป่าสน และมีทะเลสาบรายล้อม ถือเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ไว้ออกมานั่งเล่นชิวๆกันในวันหยุด
มีตั้งแต่ครอบครัวพาลูกมาปั่นเป็ด หรือจะคู่แฟน ที่พึ่งจีบกันใหม่ๆมาปั่นจักรยานคู่ อ้ะ! ละถ้าลานหน้ามาบุญครองจะมีคนมาเต้น coverได้ฉันใด ที่เป่ยหลิง ก็มีได้ฉันนั้น เพียงแต่เป็นแก็งค์คุณป้าๆ ที่ขนชุดเต็มยศ ลากกระเป๋าเดินทางมาถ่ายทำ MV ในเพลงและท่าเต้นพื้นเมืองเท่านั้นเอ๊ง คูลๆอะ
รวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ที่แวะมาดู Zhaoling Tomb หรือ สุสานจ้าวหลิง ของกษัตริย์รุ่นที่สอง ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 8 ปี และภายในประกอบด้วย ตำหนักโบราณหลายหลังเลยหละ
** Special Foodie Guide **
จริงๆแล้ว เสิ่นหยางนั้นอุดมไปด้วยร้านอาหารมากมาย มีให้เลือกกันทุกซอย นอกเหนือจาก อาหารคลาสสิค พวกเนื้อเสียบไม้ เอามาปิ้ง/ทอด ที่มีหลายร้าน ละลานตาจนจะมึนพริกหมาล่าไปหมดแล้วนั้น เราก็มีลิสต์ร้านอาหารนิดๆหน่อยมาฝากเด้อ
- Dumpling House
ร้านนี้ตั้งอยู่บนชั้น 3 ห้าง Wanda Plaza ย่าน Tai Yuan Jie นั่นแหละ ขอยกความดีความชอบให้กับ ฮะเก๋าหลากรส มีให้เลือกเป็นสิบๆอย่าง ใครหลายใจเลือกไม่ถูก ก็สั่งแบบหน้ารวมแบบเราได้ 555 และนอกจากฮะเก๋าแล้ว ก็จะมีซาลาเปาทอด บะหมี่น้ำ และข้าวต้ม ที่รสชาติดีงาม ราคาสบายกระเป๋านะจ้ะ
- O tea
ถ้าสิบปีก่อน ทุกคนเอะอะ ก็ร้องหา ‘ชานมไข่มุก’ เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตติดลมบนของทุกร้าน มาตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น ‘ชาหน้าครีมชีส’ นี่แหละ ซึ่งเราชอบของร้านนี้ เพราะเขาชงชาให้สดๆ แก้วต่อแก้ว และมีชาให้เลือกเยอะมากกกกก พอกินคู่กับครีมชีสมันส์ๆเค็มๆ ใครมาด่าว่าอ้วนนะ ก็จะตะโกนกลับไปว่า เรื่องของชั้น!
สรุปว่า จีนรอบนี้ของเรา อุดมไปด้วยแต่คาเฟ่ชิคเก๋ อาหารอร่อยๆแซ่บถูกปาก แถมจุดชมวิวสุดชิว ให้ได้ถ่ายรูปสะบัดแจ็คเก็ตสวยๆ ธรรมชาติอลังการ ที่เหนื่อยหน่อยแต่คุ้มค่า บ้านเมืองที่ปรับตัวไปกับความเจริญ แต่ยังคงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เป็น 6 วันที่ได้ครบทุกรสชาติด้วยงบเบาๆ ไม่ทำร้ายกระเป๋า
แถมสะดวกสบายด้วยเครื่องบินตรง ลำใหญ่อย่าง Boeing 777-200 นั่งสบายของ Nokscoot ที่สามารถเลือก Option ที่นั่งได้ตามรูปแบบการเดินทาง อย่างใครมากันเป็นคู่ กำลังข้าวใหม่ปลามัน ไม่อยากถูกจับแยกที่นั่ง ก็มี Loveseats เพื่อเราสองให้เลือก แต่อาจจะถูกคนโสดนกๆ ที่นั่งบริเวณใกล้เคียงอิจฉาได้นะ 555 แต่อย่างว่าคนมันมีทำอะไรก็ไม่ผิด เชิญนัวกันต่อไปตลอดการเดินทางค่ะ
เสิ่นหยางและต้าเหลียนยังเป็นเมืองจีนใหม่ๆ สำหรับคนไทย เราว่ามันแปลกตรงที่เรากลัวจีนมากเกินไป จนมองไม่เห็นว่าบ้านเมืองเค้าพัฒนาและสวยงามมากขนาดไหนแล้ว ลองเปิดใจและมาเที่ยวเมืองจีนแบบมีสไตล์ แล้วจะหลงรักที่นี่แบบเรา :)
พิเศษมากกกกก! สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าแบบ “เฮ้ยยย ทริปหน้าของชั้นต้องเมืองจีนละหวะ!” ซื้อเลยจ้ะ จองตั๋วเครื่องบินไปกลับ
ต้าเหลียน – เสิ่นหยาง กับ NokScoot ลดทันที 2,000 บาท เอ้ออออออ ลดเยอะแบบไม่ธรรมดานะ เหลือเงิน 2,000 มาซื้ออาหาร ซื้อที่นั่งและน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม แถมยังเหลือไปกินขนมกรุบกริบอีกเยอะ สามารถจองได้โดยกรอกรหัส WDWGCN คลิกที่รูปภาพด้านล่างนี้หรือเข้าไปที่ https://goo.gl/3MZjZc แล้วมาเที่ยวจีนแบบคูลๆ กว่าเดิม