บ้านเรากับเมืองจีนถ้าเรียกกันว่าเป็นพี่น้องนี่ก็เหมือนมุตากับมุนินที่คลานตามกันมา ไปมาหากันก็ง่ายเพราะเที่ยวบินก็ถี่ยิบเยอะกว่ากรุงเทพ – เชียงใหม่ หรือภูเก็ตซะอีก ทำให้เราไปเที่ยวเมืองจีนกันได้ง่ายขึ้น แถมที่เที่ยวในเมืองจีนก็เยอะจนบางทีก็ไม่แน่ใจว่าจะเที่ยวยังไงให้ครบ ในเมื่อเมืองใหม่ๆ ที่น่าเที่ยวก็แห่แหนเปิดใหม่บินตรงพร้อมกับราคาที่แบบ หื้มมม ไม่จองได้ด้วยหรอ? ถ้าจะถูกกว่าเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลขนาดนี้
เราเองก็ไปเมืองจีนมามากกว่า 10 เมือง แต่ไม่เคยถึงเมืองหลวงซักที ส่วนใหญ่จะทุลักทุเลแทบทุกครั้ง 5555 มีชิวๆ หน่อยก็ชิงเต่า นานกิง และเทียนจินนี่แหละ รอบนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองหลวง เมืองประวัติศาสตร์ ยิ่งใหญ่ ใหญ่โต เดินสวยๆ เยี่ยงซูสีไทเฮา มองฟ้ามองน้ำก็ดูความเวอร์วัง ผ่านทางเมืองท่าเล็กๆ แต่โคตรมีเสน่ห์อีกเมืองนึงด้วย เพราะเทียนจิน – ปักกิ่ง ใกล้กันจนเที่ยวครบที่อยากดูภายใน 4 คืน 5 วัน หยุดยาวปุ๊ปไปได้เลย!
ทริปนี้เราแพลนไว้ 4 คืน กับ 5 วันในปักกิ่งและเทียนจิน เราออกเดินทางกับ NokScoot ที่บินตรงจากดอนเมืองถึงเทียนจินถึง 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รอบนี้เรานั่ง ScootBiz ด้านหน้าสุด เบาะใหญ่ สเปซด้านหน้ากว้างและเอนนอนได้มากขึ้น แถมมาพร้อมกับมื้ออาหาร และน้ำหนักกระเป๋าที่เผื่อช๊อปปิ้งเพลินๆ มากถึง 30 กิโล และปลั๊กไฟสำหรับนอนดูซีรีส์สนุกๆ จากมือถือ แค่ 4 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว
ส่วนเรื่องแลกเงินหยวนให้ได้เรทดีที่สุดนั้น เราแนะนำให้แลกกับ Superrich Thailand ร้านสีเขียวที่มีสาขาทั่วกรุงเทพ ทั้งพารากอน BTSสนามกีฬาแห่งชาติ และ ใกล้เซ็นทรัลเวิร์ดอย่างราชดำริ ที่นี่มอบเรทที่ดีที่สุดและถูกกว่าทุกๆ ที่ แถมยังสามารถโทรเข้าไปจองเงินก่อนได้ด้วยพร้อมบอกจะรับที่สาขาไหน เผื่อช่วงไหนหยุดยาวแลกเงินกันเยอะๆ จะได้ไม่ต้องรอคิวนานหรือเสี่ยงเงินหมด เพื่อนๆ สามารถโหลด App Superrich สีเขียว หรือเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่ https://www.superrichthailand.com
ส่วนตัวเราชอบอาหารของนกสกู๊ตนะ โดยเฉพาะอาหารพรีเมี่ยมแบบไทยๆ อย่างปลากระพงทอดซอสมะขาม อันนี้อร่อยมาก และของหวานที่อื่นอาจจะเป็นเค้กเป็นช๊อคโกแลต แต่ของที่นี่เป็นเต้าทึงและวุ้นถั่วแดง ได้ฟีลลิ่งเดินเล่นแถวเยาวราชเพิ่มขึ้นไปอีก แต่อร่อยมากเลยเหอะ ฉ่ำๆ ดี
เริ่มกันที่ Tianjin โม้กันเยอะแยะว่าคือ ‘เพชรเม็ดงามแห่งอ่าวโป๋ไห่’ แต่สาบานได้ว่าไปอยู่มาสามวัน ไม่เคยได้ไปดูอ่าวโป๋ไห่เลย เพราะมันมีอะไรที่น่าสนใจกว่าเยอะแยะมาก ที่นี่เป็นเมืองจีนที่ไม่เหมือนจีน อะไรๆ ก็ดูชิลไปหมด แถมโรงแรมดีๆ ก็ถูกมากมาย บ้านเมืองสะอาดสะอ้านตกแต่งสไตล์ยุโรป จนหันไปถามเพื่อน “นี่เราอยู่เมืองอะไรนะมึง” และเพื่อให้ง่ายต่อการตามรอย ขอแนะนำ Checklist ซัก 5 ที่ในเทียนจิน แบบไม่ไหว้พระไหว้เจ้าเพราะไหว้ตีจู้เอี้ยก่อนออกบ้านมาเรียบร้อยแล้ว
Good to know
เทียนจินมีรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่เป็นเหมือนเมืองพิศวงคือหาทางเข้าทางออกรถไฟฟ้าไม่ค่อยเจอไม่ ไม่รู้มันไม่ซ่อนอยู่ตรงไหนกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะแท๊กซี่ที่เทียนจิน มิเตอร์เริ่มต้นแค่ 5 หยวนหรือประมาณ 25 บาท ให้ไปไหนก็ไป เศษของหยวนส่วนใหญ่จะปัดขึ้น และบวกเพิ่มอีก 1 หยวนจากมิเตอร์ น่าจะเป็นค่าภาษี อย่าโวยวายว่าโดนโกงเด้อ เพราะเก็บทุกคันจริงๆ
Nan Shi Street Food
กุ้ง กั้ง ปลาหมึก ขนมจีบ ซาลาเปา ยันอะไรประหลาดๆ ที่นี่มีหมด! เพราะเค้าเคลมกันไว้ว่าเด็ดมากเรื่องอาหารและขนมท้องถิ่นที่ถูกปากบ้าง ไม่ถูกปากบ้าง ถ้าใครตามรอยเราจะถึงเทียนจินช่วงเย็นๆ เอากระเป๋าโยนเข้าห้องและโบกแท๊กซี่มากินข้าวเย็นที่นี่ก็ไม่เลว เพราะร้านอาหารแบบจีนๆ ค่อนข้างเยอะ พูดไม่ได้ก็มีรูปให้จิ้มๆ สั่งได้เลย อาหารชื่อดังของที่นี่คือ Goubuli เราไม่แน่ใจว่ามันคืออันเดียวกันกับเสี่ยวหลงเปารึป่าว แต่มันเหมือน และอร่อยมากกกกก เข่งนึงมีประมาณ 10 ลูกได้ แบ่งกันกิน 3 คนยังเหลือ!
แถมขนมขึ้นชื่อมากมาก อร่อยของเค้า แต่ของเราไม่แน่ใจ 5555 เพราฉะนั้นซื้อมาแบ่งกันชิมก็พอ อย่างละ 10 -20 บาทกัดคนละคำสองคำก็สบายใจ “อ๋าส์ ถึงเทียนจินละโว้ย”ขนมอีกอย่างที่คนต่อคิวซื้อกันเยอะแยะ คือ ต้าหมี หมี่ฟ่าน คล้ายๆ ขนมขี้หนูบ้านเราแต่เอาไปนึ่งใส่ถ้วยและให้ไอน้ำดัน สุกไม่สุกไม่รู้ แล้วก็ราดซอสราดแยม ใครๆ ก็บอกอร่อยอะ งงมากเลย 5555
Tianjin Eye & Haihe Cultural Square
อย่าดูถูกว่ามันก็คือชิงช้าสวรรค์ธรรมดา บ้านเราริมเจ้าพระยาก็มี! ตีปากแรงๆ เลยนะคะ เพราะนางสร้างยิ่งใหญ่มาก เทียบเท่า London Eye ได้เลย เล่นสร้างคร่อมถนน กลางแม่น้ำพร้อมวิวและไฟแบบอลังการ เป็นอีกที่ ที่ควรไปแวะโฉบๆ ถ่ายรูปว่ามาถึงเทียนจินแล้วนะ และเดินหันหลังให้มันเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ เพราะใกล้ๆ กับ Tianjin Eye คือ Haihe Cultural Square วิวสองฝั่งแม่น้ำนี้คนจีนบอกว่า “ไอ้หยา! นี่มันเหมือน The Bund ของเซี่ยงไฮ้ชัดๆ” เค้าก็เลยอนุมานกันว่านี่คือ The Bund of Tianjin เพราะวิวสะพานและสองข้างทางมีความทันสมัย ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกมาค่อนข้างเยอะ ผสมกับวิถีชีวิตแบบจีนๆ เช่นขับจักรยานกันมาเปิดคาราโอเกะริมน้ำ
Good to know
เทียนจินเป็นเมืองที่รณรงค์ให้ขี่จักรยานกันเยอะมากๆ และเค้าก็ขี่กันจริงจังทั่วทั้งเมือง แต่นักท่องเที่ยวอย่างเราอาจจะลำบากหน่อยเพราะต้องลงทะเบียนผ่าน App และจ่ายเงินเป็นรายชั่วโมง มันจะง่ายมากถ้า App มีภาษาอังกฤษ… แท๊กซี่วนไปค่ะ
Italian Style Street
ด้วยความที่มันเป็นเมืองท่าทำให้รับวัฒนธรรมตะวันตกมาค่อนข้างเยอะ วัฒนธรรมย่อยๆ อย่างอาหารก็รับมาด้วยเช่นกัน หลายๆ ร้านก็ขายอาหารอิตาเลี่ยนเป็นหลัก จะมาสั่งหยำฉา ขนมจีบกุ้ง หมั่วโถว ไม่มีให้กินนะ แต่ถ้าอยากได้คาปูชิโนร้อนๆ กับพาสต้าเส้นดำใส่กุ้ง แถวนี้มีให้กินแน่นอน!
แถมยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ตามตรอกซอยเล็กๆ เดินเพลินประมาณชั่วโมงก็ทั่วถึงแล้ว
Five Great Avenue (Wudadao)
ย่านนี้เราชอบมาก รักเลยแหละ! มันคือถนน 5 สายย่อยๆ ที่แยกออกไปจากจุดตรงกลาง ถ้านึกภาพไม่ออกให้จินตนาการเหมือนอนุสาวรีย์ชัยฯ และแยกออกไปพญาไท ราชวิถี ดินแดง อะไรแบบนั้น ที่นีก็เหมือนกัน นางตั้งชื่อถนนตามเมืองดังของจีนห้าเมืองคือ เฉิงตู ฉงชิ่ง ฉางเต๋อ ต้าลี่ และมู่หนาน โดยมีจุดตรงกลางคือ Minyuan Stadium คล้ายๆ สเตเดี้ยมแต่เปลี่ยนเป็นย่านชิคๆ ไปซะแล้ว
แต่ละซอยสามารถเดิมเชื่อมและทะลุกันได้หมด บ้านเมืองแถวนี้บอกได้เลยว่ารับตะวันตกมาเยอะมาก ไม่เหมือนจีนเลยซักนิดและสะอาดจนอยากมาอยู่ ที่ชอบมากที่สุดคือซอยต้าลี่ (Dali Street) เพราะมี Market ฮิปๆ ซ่อนอยู่กลางซอยแถวๆ ตึก Minyuan Xi Li จะมีของจุ๊กจิ๊กมาขายทุกวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดต่างๆ ควรมาให้ตรงและมาเดิน!
Binjiang Street
ย่านช๊อปปิ้งเก๋ๆ ที่ร้านรองเท้า Nike หรือ Adidas น่าจะเยอะกว่าทั้งประเทศของบ้านเรารวมกัน แถมมี Snack Street ซ่อนอยู่ด้านในอีกที เราแนะนำให้มาเดินเล่นเพลินๆ ในช่วงเย็น กินจุ๊บกินจิ๊บ ยาวไปเรื่อยๆ สุดถนนเลยก็ชิวดีเหมือนกัน
จบพาร์ทชิวๆ ที่เทียนจินก็ได้เวลาไปปีนกำแพงเมืองจีนกันต่อ! บางคนอาจจะคิดว่ามาเที่ยวเมืองจีนอย่าย้ายเมืองบ่อยๆ เลยเพราะนั่งรถนาน และกลัวอันตรายบวกความสกปรก แต่ไม่ใช่กับเทียนจินและปักกิ่งแน่นอน จากเทียนจินเราสามารถนั่งรถไฟหัวกระสุนเข้าเมืองปักกิ่งได้ในราคาประมาณ 270 บาท และใช้เวลาแค่ประมาณ 35 นาทีเท่านั้น! แถมรถไฟก็ออกถี่แทบจะทุกครึ่งชั่วโมง ยังไงจะช้าจะเร็วก็มีที่นั่งให้แน่ๆ (มีตั๋วยืนด้วย)
Good to know
เทียนจินก็เหมือนอีกหลายๆ เมืองในจีนที่มีสถานีรถไฟหลายสถานี เหมือนบ้านเรามีวงเวียนใหญ่ บางซื่อ หัวลำโพง เพราฉะนั้นถ้าจะบอกแท๊กซี่ไปสถานีรถไฟเพื่อไปต่อที่ปักกิ่งให้บอกว่า “เทียนจิน จ้าน!” (Tiānjīn Zhàn) เค้าจะเข้าใจเองว่าคือสถานีกลาง ถ้ามาจากทางที่เป็นฝั่งแม่น้ำ นั่งรถไปจะเห็น Century Clock เท่ๆ อยู่ใกล้ๆ พร้อมตึกเท่ ทันสมัยและมีดีไซน์อยู่ตรงข้าม
Beijing
ตัดภาพมาที่เมืองหลวงแสนยิ่งใหญ่อย่างปักกิ่งกันบ้าง ถ้าผ่านเทียนจินที่ต้องคอยโบกแท๊กซี่มาแล้วหละก็.. ปักกิ่งนั้นจิ๊บๆ เพราะรถไฟฟ้าใต้ดินแทบจะจอดเกยทุกสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไป ครอบคลุม ใหญ่โต และราคาถูกมากกกกกกกกกกกกก!
Good to know
แม้ว่าจีนจะบล๊อคทั้ง Google Facebook Twitter Instagram แต่ถ้าซื้อซิมหรือ Pocket Wifi และเปิด VPN สามารถเข้า Google Map เพื่อดูทางได้สบายมาก ควรมีพกไปนะจ้ะ!
รถไฟความเร็วสูงจากเทียนจินส่วนใหญ่จะจอดที่สถานีรถไฟ Beijing South Station เราเลือกหาที่พักใกล้ๆ เดินทางด้วยรถไฟฟ้าไม่เกิน 15 นาที ด้วยความที่นอนยาก ชอบห้องสะอาดๆ ไม่จอแจ ทำให้เจอกับ IRIS HOUSE โดยบังเอิญจาก Airbnb เราไปกัน 3 คน เห็นห้องปุ๊ป ตัดสินใจเอาทันที แม้ว่าราคาเกือบจะเท่าโรงแรม แค่ความคิ้วท์ของห้องนี่ต้องยอม เปิดประตูเข้าไปปุ๊ป ทำหน้ามู่เหมือนในซีรีส์เกาหลีเลย เพราะโซ คิวท์มากๆ ค่า มีเตียงสองชั้นพร้อมไฟกระพริบได้ฟีลเหมือนสองพี่น้องชาวเมกันที่แย่งกันนอนล่างหรือนอนบน 5555555
แถมมีมุมนั่งเล่นเบาๆ และครัวสำหรับทำอาหารง่ายๆ ตอนเช้าก่อนออกไปเที่ยวได้ด้วยนะ มันดูละมุนไปหมดทุกอย่าง อยากมีห้องแบบนี้ซักห้อง
ความตั้งใจของการมาปักกิ่งรอบนี้มีแค่อย่างเดียวเลยจริงๆ คืออยากเห็นและเหยียบกำแพงเมืองจีน 5555 ดูเห่ยๆ แต่สารภาพเลยว่าไม่เคยเห็นแม้จะไปจีนเป็น 10 เมืองแล้วก็ตาม แพลนในปักกิ่งก็จะดูหลวมๆ ตื่นสายๆ สบ๊ายยยยยย!
Tiananmen Square & Forbinden City
Location : Beijing Subway Tian’an men East Station (Exit A)
จตุรัสเทียนอันเหมินเป็นจตุรัสกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก พอพ้นจากสถานีมาก็ อืมมม..ใหญ่มากจริงๆ ใหญ่แบบโล่งๆ ที่นี่เค้าเอาไว้สถาปนาและจัดพิธีต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศเช่น ขบวนวันชาติ แต่ถ้าวันปกติก็สามารถให้คนมาเดินเล่นถ่ายรูปกับท่านเหมาที่ใส่กรอบขนาดใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน
ผ่านประตูใหญ่ของจตุรัสเทียนอันเหมิน ด้านของของมันคือพระราชวังต้องห้าม หรือที่ชอบเรียกกันว่า กู้กง เค้าบอกว่าข้างในมีห้องมากกว่า 9,900 ห้อง คือเล่นซ่อนแอบ แอบวันละห้องก็อาจจะตายก่อนได้อยู่ทุกห้องอยู่ดี สมัยก่อนวังพวกนี้จะไม่ให้สามัญชนตาดำๆ แบบเราเข้าไป แต่เดี๋ยวนี้เปิดให้เข้าแล้ว พร้อมกับค่าเข้าคนละ 60 หยวน!
แน่นอนว่าสังเกตุจากสายตาคร่าวๆ มันก็น่าจะเป็นตึกทรงคล้ายๆ กันหมด เพราะฉะนั้นขออนุญาตท่านฮ่องเต้ชื่นชมแต่ภายนอก และเดินลัดวังไปทางขวามือผ่านคลองทะลุไปประตูด้านหลังดีกว่า อิอิ ฟรีด้วย
นอกกำแพงกู้กง ระหว่างทางทำดีมาก ต้นไม้เขียวสดสวยงาม ตัดกับฟ้าสีหม่นๆ หน่อยเพราะควันของปักกิ่งก็ได้ฟิลลิ่งเหงาๆ ไปอีกแบบเหมือนกัน เราเดินไปโผล่ประตูด้านหลังของพระราชวังต้องห้าม ตรงข้ามถนนจะเจอกับ Jingshan Park พอดี
ความดีงามของ Jingshan Park คือด้านบนยอดเขาสามารถเห็นวิวที่อลังการของพระราชวังต้องห้ามได้ทั้งหมด! ธรรมดาซะที่ไหน! สวยมาก ใหญ่มาก เหมือนคูเมืองชั้นในของเชียงใหม่อย่างไงอย่างงั้น จาก Jingshan Park ถ้าไม่เหนื่อยเกินไป เดินออกจาก Park เลี้ยวซ้ายไปที่ Wangfujing ต่อได้ แค่ประมาณ 1-2 กิโลเท่านั้น อากาศตอนเย็นแดดไม่แรงก็เดินกันได้สบายๆ
Wangfujing
Location : Wangfujing Station.
Wangfujing คนถนนเส้นยาวๆ ที่มีหลายๆ ห้างอยู่รวมกันเหมือนสยามบ้านเรา ชาวปักกิ่งชิคๆ ก็จะออกมาเดินเล่น ช๊อปปิ้ง หาของกิน ร้านอาหาร ขนม เยอะมากก และมาปักกิ่งทั้งทีก็อยากจะลองเป็ดปักกิ่ง! จริงๆ มันมีหลายร้านให้เลือกมากทั่วปักกิ่งเลย แต่เราอยู่แถวนี้พอดี เค้าแนะนำร้าน SIJIMINFU (ซื่อจี้ หมีฝู) รอคิวเบาๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง
แนะนำว่าอย่าสั่งเยอะ! กินพอให้รู้แล้วเก็บท้องไปกินอย่างอื่นดีกว่า เพราะแพง และเลี่ยน 55555 เป็ดปักกิ่งที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราที่มาเป็นหนังกรอบๆ แต่ของปักกิ่งจะแล่พร้อมเนื้อ และซอสจะออกหวานน้อยกว่าบ้านเราเยอะ เราไปกัน 3 คน สั่งไปครึ่งตัวก็แทบจะเกี่ยงกันกินแล้วจ้า 5555
Wangfujung นี่เดินได้ทุกวันนั่นแหละ แวะเที่ยวแต่ละที่ตอนกลางวันเสร็จ เย็นๆ ก็มาหาของกินแถวนี้ก็ง่ายดี อีกวันเรากลับมาเพราะอยากกินหม้อไฟที่ฮิตนักฮิตหนา อย่าง Haidilao Hotpot คนปักกิ่งโหวตให้ที่นี่เป็น “Best Hot Pot,” “Outstanding Service” และ “Outstanding Chinese Restaurant of the Year”
พอเข้าไปปุ๊ป! โอ้โห ดีเกินไป ดีจนแทบจะป้อนข้าวให้ น้ำหมดรีบเติม พูดไม่ได้ก็พยายามเปิดรูปให้ดู เข้ามาถามว่าอยากถ่ายรูปมั้ย ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ย สำหรับเราหม้อไฟไม่ได้ถูกปากมาก แต่การบริการนี่ซึ้งใจเลยเหมือนเป็นราชนิกุลมาจากไทยแลนด์ ควรแวะมากินอะ มาประทับใจกับการบริการที่ดีแต่ไม่เวอร์
เอ้อออ! แถวนั้นมีร้านไอศกรีมชามะลิด้วยนะ รสชาติดีมากกกก ละมุนลิ้นไม่หวานจนเกินไป และไม่ใช่ชาเขียวแต่คือชามะลิ
Bird’s Nest Stadium.
Location : Olympic Sport Center Station Exit B1
“เป่ย จิง ฮวน หยิง หนี่ค่า” ปักกิ่งยินดีต้อนรับที่แท้จริงคือสนามกีฬารังนก นี่คือสนามกีฬาที่ปักกิ่งใช้เป็นสนามกีฬาหลักตอนจัดโอลิมปิค 2008 เราแนะนำให้ไปตอนเย็นๆ รอเค้าเปิดไฟพร้อมกับตึก Aquatic Center ด้านข้าง สีมันจะน่ารักหน่อยๆ ส่วน Bird’s Nest ก็อลังการดีไม่แพ้กันเลยค่า ถ้าไปช่วงเย็นแถวนั้นจะมีร้านมินิมาร์ท สามารถนั่งชิวๆ ได้เด้อออ
China The Great Wall!
บอกตรงๆ ว่านี่คือครั้งแรกของเราที่จะได้เห็นกำแพงเมืองจีน ก็ตื่นเต้นนิดนึง 5555 ตอนเด็กๆ ก็เคยคิดว่ามันคงไม่ยาวเวอร์เหมือนที่เค้าพูดกันหรอกมั้ง แต่พอมาอ่านประวัติจริงๆ คือแม่งยาวถึง สองหมื่นกว่ากิโลและครอบคลุม 15 มณฑล แถมยังเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วยนะ ขออธิบายง่ายๆ ว่า กำแพงเมืองจีนเนี่ย มันไม่ได้สมบูรณ์ไปทั้งทาง สองหมื่นกว่าโลแล้ว แต่มันจะมีเป็นจุดๆ ที่สามารถชมได้ บางส่วนก็พังทลายลงไปแล้วก็มี และอยากเตือนไว้ว่าอย่าไปมือบอนเขียนนู่นนี่บนกำแพงนะ แม้ว่ามันจะมีคนเขียนเยอะแยะ แต่ก็ไม่ควรทำตาม
จุดที่ใกล้ปักกิ่งและเดินทางสะดวกมากที่สุดคือ ด่านปาต้าหลิง (Badaling) บางคนก็จะนั่งรถไฟมา แต่เห็นว่าถ้าขบวนเต็มต้องรอนานหน่อยและบางทีอาจจะต้องยืนตลอดทางแม้จะช่วงสั้นๆ ก็เถอะ แต่คนปักกิ่งบอกว่าวิถีที่ดีที่สุดคือนั่ง Bus ไม่ยุ่งยากเลยซักนิด
ขออธิบายวิธีการไปง่ายๆ จากปักกิ่ง..
1. นั่ง MRT จากสถานีไหนก็ได้ไปลงที่ สถานี Jishuitan Station Exit B2 หรือ A จากนั้นเดินออกมานอกสถานีให้มองหาป้ายไปขึ้นบัส 877 ที่ Deshengmen ซึ่งมีบอกตลอดทางเป็นระยะ เดินจากสถานีแบบอ้อยอิ่งประมาณ 15 นาที
2. ระหว่างทางอาจมีอาซิ้ม อาแปะ เดินเข้ามาทักทายเรา “สวัสดีจ้าคนสวย อยากไปกำแพงเมืองจีนมั้ย บัส 877 ทางนี้เลยจ้า” อย่าไปหลงเชื่อ จำไว้ว่า 877 ของแท้จะไม่ Convince ใครให้ขึ้นรถนางทั้งนั้น นางจะจอดเฉยๆ และไปขึ้นกันเอง
3. เจอปุ๊ปกระโดดขึ้นได้เลย คนละ 12 หยวน นั่งแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงจุดจอดรถและเดินต่ออีก 10 นาทีก็ถึงทางเข้าแล้ว
4. รถจาก Deshengmen จะออกประมาณ 06.30 – 06.30 และเที่ยวสุดท้ายหมดแค่ประมาณ 12.30 เท่านั้น ส่วนขากลับจากกำแพงเมืองจีนรถเที่ยวแรกจะออกประมาณ 10.30 – 11.00 และหมดรถรอบสุดท้ายคือ 16.30 หรือ 17.00 แล้วแต่ฤดู ควรแพลนเวลามาให้ดีๆ เราแนะนำให้ออกไปตั้งแต่เช้าประมาณ 7 โมง และกลับลงมาเที่ยงๆ พอดี จะได้มีเวลาเหลือเดินช๊อปปิ้งเบาๆ ในเมือง
ส่วนกำแพงเมืองจีนนั้นก็ยิ่งใหญ่และยาวสมคำร่ำลือ ที่ด่านปาต้าหลิงนี้สามารถเดินไปทั้งทางซ้ายและทางขวา มีป้อมๆ ให้จุดพักได้ ทางขวาคนจะเยอะกว่าทางซ้ายเพราะยาวกว่า เราเดินมาแล้วทั้ง 2 ฝั่ง จะบอกว่าฝั่งซ้ายสะดวกกว่าเยอะ เพราะคนน้อย 5555 ก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปฝั่งขวาให้เสร็จ แล้วกลับมาชิคๆ ถ่ายรูปแบบคนน้อยๆ ฝั่งซ้ายก็เข้าท่าดีแก๊
คืนสุดท้ายก่อนกลับบ้าน เราไปเดินเล่นย่าน Huohai Street เค้าบอกเป็นย่าน A Best NightLife Site In Beijing ย่านนี้จะคล้ายกับพวกทองหล่อ เอกมัยบ้านเรา ค่าครองชีพย่านนี้สูงมาก เช่นพิซซ่าร้านดังที่เราไปกิน Hutong Pizza กินกัน 3 คนก็หมดไปเกือบ 1,500 บาทไทย แต่รสชาติดี ห่อกลับบ้านไปทานตอนเช้าได้ ถือว่าผ่าน แนะนำให้ไปชิม
เทียนจิน ปักกิ่งเป็นเมืองที่เที่ยวง่ายมาก มาครั้งเดียวเหมือนได้ 2 อารมณ์ทั้งเทียนจินแบบสมัยใหม่ กับปักกิ่งแบบ Old Tradition ที่รวมตัวและอยู่กับแบบลงตัว แถมนั่งรถไฟความเร็วสูงไปมาหากันก็โคตรสะดวก ถ้ามีเวลาซัก 5 วัน ปักกิ่งกับเทียนจินนี่เวิร์คใช้ได้เลย แถมบินลงปักกิ่งค่าตั๋วอาจแพงเป็นหมื่น แต่ถ้ามาเทียนจินก่อนกับค่าตั๋วหลักพันและนั่งรถไฟความเร็วสูงไปกลับเอา ยังไงก็คุ้มและสนุกกว่า
ขากลับเรานั่งรถไฟหัวกระสุนกลับมาขึ้นเครื่องที่เทียนจิน บอกตามตรงว่าถ้าเจอพี่จีนเยอะๆ บางทีเราก็รำคาญ หงุดหงิดอะ เพราะนิสัยของพวกเค้าคือโผงผาง เสียงดัง แต่ถ้ามองให้ลึกเข้าไปมันก็เป็นอารมณ์แห่งความสุขที่เค้ากำลังจะเดินทางมาเที่ยว มันมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเค้าที่กำลังหอบเงินหอบทองมาเที่ยวบ้านเรา
ไฟลท์กลับจากเทียนจินเป็นไฟลท์เย็น ทำให้เราสามารถเที่ยวได้เต็มๆ อีก 1 วัน พอมันกลับเย็นปุ๊ป พี่จีนก็ไม่ค่อยวุ่นวาย ถ่ายรูปโช้งเช้ง กินข้าวกันเสร็จก็หลับปุ๋ยยาวๆ ถึงดอนเมืองพอดี
ขอชมพี่แอร์บนเครื่องอีกนิดว่าดูแลพวกเราดีมาก อาจจะเป็นแค่กรุ๊ปคนไทย 3 คนบนไฟลท์นั้น เดินมาถามตลอดว่าโอเคมั้ย อาหารทานได้ใช่มั้ย น่าร้าก <3
บินมาเที่ยวเทียน – ปักกิ่งกับ NokScoot นางก็ยังคงมอบส่วนลด 2,000 บาท สำหรับการซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับให้กับแฟนเพจไปไง มาไง อยู่เช่นเคยสำหรับเส้นทางนี้ ถ้ากลัววุ่นวายที่สนามบินปักกิ่ง บินมาลงเทียนจินแล้วต่อรถไฟหัวกระสุนแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงปักกิ่งแล้ว จองวันนี้ผ่านทางเว็บไซต์ https://goo.gl/0p7EOq โดยกรอกรหัส WDWGCN ก็ลดไปเล้ยยยยย 2,000 บาทจ้า!