หนีห่าวมา ?! พร้อมไปสำรวจที่ใหม่ๆกับไปไง มาไงกันรึยัง เรากำลังจะพาไปประเทศที่คนไทยชอบยี้ใส่ แต่หารู้ไม่ว่าบ้านนี้เมืองนี้มีธรรมชาติที่หลากหลายและโคตรสวย ทริปนี้เตรียมพร้อมไปลำบากเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด(จริงๆนะ) เอาหละ เราจะไปจีนยูนนานกัน , ใส่เสื้อหนาวหนาๆ ทาลิปมันเยอะๆ เพราะไม่งั้นเวลาตะโกนว่า “โห เ ชี่ ย เอ้ยโคตรสวยเลยยย” ปากจะแตกเอา ทริปนี้มีชื่อภาษาจีนว่า “ชวี่หว่าน เหิ่น เพี่ยวเลี่ยง” แปลเป็นไทยว่า “ไปเที่ยวแบบสวยๆ” อย่าแคร์ไวยากรณ์เอาคำมาผสมกัน ฮี่ฮี่ฮี่ , มาๆๆๆ ยูนนานจ๋า พี่มาแล้ว !
– สจ๊วตน้ำดี บางทีก็ทำให้เราน้ำเดิน อร๊ายยย ! –
เดี๋ยวนี้ตั๋วเครื่องบินไปจีนถูกมากกกกกก ยิ่งแอร์ เอเชีย มีตั๋วโปรไปจีนบ่อยๆยิ่งจองง่ายยิ่งขึ้น แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหยุดยาวปีใหม่พอดี อะไรๆก็แพงไปหมด บินตรงนี่เกือบๆสองหมื่นทั้งนั้นขนาดสายการบินจีนนะ ! เราเลยต้องเลือกบินอ้อม เน้นถูกไม่เน้นประหยัดเวลา 5555 เรานั่งไปลงเฉิงตูก่อนแล้วนอนรอในสนามบิน6ชั่วโมง เพื่อต่อไฟลท์จากเฉิงตูมาคุนหมิง (ทรหดมั้ยหละ 5555) แต่พอขึ้นเครื่องจากเฉิงตูไปคุนหมิงความเหนื่อยล้าก็พลันหายไป เพราะมีจั่นเจาสุดหล่อยืนหนีห่าวอยู่หน้าเครื่อง อยากจะแกล้งเซเมาเครื่องบินแต่ก็ลืมไปว่ายังไม่ขึ้นนี่หว่า ช่วงพี่จั่นเจาแจกอาหาร เราก็ว่าจะกินไปมองหน้าสจ๊วตไป แต่.. พี่จั่นเจาแจกไช๊โป๊วให้-จ้า 5555 ไช๊โป๊วที่อาม่าเอาผัดใสไข่อะ อันนี้แจกมาให้กินเปล่า ๆ แต่ก็เอาเถอะหล่อขนาดนี้แจกตีนไก่ให้ก็ยอม จริงๆก็อยากจะแกล้งโวยวาย ให้พี่จั่นเจามาดูแล แต่ก็กลัวจะเล่นใหญ่ไป 55555555 แม้ขนมที่แจกจะแย่กว่านครชัยแอร์ แต่ก็ด่าไม่ลงจริงๆ ไม่รู้ทำไม อิอิ อยากให้ไฟลท์นี้นานซัก 168 ชั่วโมง แต่น่าเสียดายจากเฉิงตูไปคุนหมิง เพียงงีบหนึ่ง..ก็ถึงแล้ว !
จ๊ายเจี้ยนนนนนน หว่อ อ้าย หนี่ จุ้บๆ
ใครมายูนนาน Checklist ที่ขาดไม่ได้แน่ๆคือวัดนี้ เราเรียกกันว่า “วัดหยวนทง” เค้าบอกว่าวัดนี้สร้างแบบ3นิกาย คือแบบไทย พม่า และธิเบต หูวววววววววววว เท่จีจี ถามว่าดูออกมั้ยตอบเลยว่า ‘ไม่จ้าาาาาาาาาาา’ 555 แล้วก็ได้ยินต่อว่าวันนี้แปลกมากกว่าวัดจีนที่อื่นๆ เพราะปกติวัดในจีนจะสร้างบนภูเขา แต่วัดนี้สร้างต่ำกว่าเขา หูวววววววววว เท่จีนจีนอีกแล้ว ถามว่ารู้มั้ยว่าเพราะอะไรก็ต้องตอบว่า ไม่อีกนั่นแหละ ที่ไม่รู้ไม่ใช่ว่านับถือผีใดๆทั้งสิ้น แต่เราตั้งใจมาไหว้ ขอพรตามสไตล์คนไทยทั่วไปนั่นแหละ วัดนี้ก็เหมือนวัดเล่งเน่ยยี่แถวๆเยาวราช เรามาไหว้ก่อนเดินทางไกลคืนนี้ไปเมืองต่อไป ถ้าใครจะมาตามรอยก็มาได้ แต่ถ้าพลาดก็ไม่เป็นไรมั้ง 5555 เอ้อลืมไปค่าเข้าวัดนี้อยู่ที่คนละ 30 หยวน (150บาท) ถือว่าทำบุญๆ อิอิ เอ๊าอนุโมทนาบุญสิจ้ะ !
ใครชอบเด็กๆเราว่าจะต้องรักเมืองจีน เพราะที่นี่เด็กเยอะมากกกกกก แต่ละคนก็น่ารักๆทั้งนั้น เรารู้สึกว่าเด็กจีน เป็นเด็กที่พึ่งตัวเองได้ค่อนข้างดี
จากที่สังเกต พวกเค้ามักจะทำอะไรด้วยตัวเองเสมอๆ แม้ว่าจะอายุไม่กี่ขวบก็ตาม และที่สำคัญซนมากด้วย มันจะวิ่งกันวุ่นวายไปหมดเวลาเจอตามที่ต่างๆ แต่ก็ตลกดี บางคนเราไปเล่นด้วยก็ไม่เขินอายอะไร แต่ความซนนี่ซนจริงๆ นึกถึงเพลงรายการทุ่งแสงตะวันเมื่อก่อนเลยที่ร้องว่า
“เด็กซนเป็นเทวดา บนฟ้ายังกลุ้มใจ” #ขอให้โตมาเป็นจีนสมัยใหม่ที่ดีนะ
จากคุนหมิงเราก็มุ่งหน้าไปยังเมืองลี่เจียงกันต่อ จริงๆแล้วถ้านั่งเครื่องบินไปก็ประมาณ1ชั่วโมงนิดๆ ถ้านั่งรถเที่ยวกลางวันก็ประมาณ 8-9 ชั่วโมง
แต่ถ้านั่งรถเที่ยวกลางคืน..ก็ล่อไป 12-14 ชั่วโมงจย้าาาา !มันไม่ได้ขับช้าแต่อย่าใด แต่ช้าเพราะคนขับจอดนอนหลับ ส่วนสภาพรถนั้นแย่เข้าขั้นวิกฤติ เรารักเจ๊เกียวขึ้นมาทันที รถเป็นรถนอนนึกภาพรถบัส1คัน ทำเป็นรถนอน 3 แถว2ชั้นแบบเบียดๆ สภาพหมอนและผ้าห่มไม่เคยซักมาตั้งแต่เดินรถ
ใครนอนชั้นบนต้องทรงตัวดีมากๆ เราเลือกชั้นล่างกันหมด สภาพแย่ไม่ต่างกัน ตอนขึ้นรถไปปุ๊ป ต้องบอกว่าตกใจ หันหน้าไปคุยกัน ” ทำไงดีวะๆ ทำไงให้นอนหลับ ” คือสภาพแย่แบบแย่จริงๆ หน้าตาไม่สู้ดีละ 555 ร้ายกว่านั้นอาซิ่มบนหัวนอนแทะเมล็ดทานตะวันจ้า นึกว่าเป็น แฮมทาโร่กันรึยั
แทะเสร็จโยนเปลือกลงมาด้านล่าง จะบ้าตายหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตบนรถนอนหลับได้คือ .. ” เหล้าขาว ” 555555555555555555555
พวกเราไปซื้อเหล้าขาวกันมาขวดนึงและยกซัดกันเล๊ยมีความเชื่อว่าทำตัวเองให้มึนๆเดี๋ยวก็พล๋อยหลับไปเอง 555 ก่อนนอนก็เก็บของมีค่าให้เรียบร้อยระวังโดนขโมย บนรถไม่มีห้องน้ำถึงมีสภาพนั้นก็ขออั้นดีกว่า อดทนและซดเหล้าขาวพรุ่งนี้เช้าเจอกันที่ลี่เจียง บร๊ายยยย
#กางเกงลายซิมป์สันซื้อที่ละลายทรัพย์ว่าจะเอามาอวดเจ๊กซะหน่อยเจอสภาพรถนี่ขนลุกเลยยยยยไม่อ่งไม่อวดละเว้ยยยย 555
#ค่ารถนอนคุนหมิง-ลี่เจียง 200หยวน(1000บาทนิดๆ)
หลังจากรถหลังขดหลังแข็งบนรถมากว่า 14ชม. เราก็มาถึงลี่เจียงซะที อากาศที่นี่ช่วงต้นปีคือเลขตัวเดียวเองนะจ้ะ ตอนกลางคืนก็มีติดลบกันบ้าง หนาวจนแก้มนี่แทบแตก รถบัสจะจอดในเมืองลี่เจียง จากนั้นให้เราหารถเมล์หรือแท๊กซี่ก็ได้บอกคนขับว่า “ลี่เจียงกู่เฉิง” (ลี่เจียงเมืองเก่า)
ถ้าเป็นรถเมล์เดี๋ยวเค้าก็พยักหน้า แต่ถ้าเป็นแท๊กซี่ให้บอกว่ามิเตอร์ด้วยนะ เค้าจะได้รู้ว่าโกงไม่ได้นะยะ
อย่างที่บอกว่ามันเป็นเมืองเก่า บ้านช่องห้องหับก็จะสร้างติดๆกัน ดูคล้ายๆกันไปหมด ส่วนใหญ่ก็จะขายของที่ระลึกทำนองเดียวกัน ถ้ามองจากมุมสูงบ้านที่นี่จะมุงกระเบื้องเหมือนกันทั้งหมด เก๋ปะ ส่วนสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆทั่วเมืองนี่ก็ใสและเย็นมากด้วย แถมไม่มีกลิ่นเลย เค้าช่วยกันดูแลดีจริงๆ
คลองบ้านเรานี่อายไปเลยอะ ฮือออออ
ภาพแปลกตาที่ไม่ค่อยได้เห็นในเมืองไทย คือภาพของพนักงานร้านค้าต่างๆในตอนเช้า นางจะต้องมายืนฟังหัวหน้าอบรม หัวหน้าอาจจะพูดว่า“หน้าตายิ้มแย้ม ตั้งใจขายของ อย่าแอบอู้งาน” อันนี้เดาเองนะ 55 หลังจากนั้นนางก็จะเต้นเชิ๊บๆพร้อมกัน บางร้านเป็นเพลงแด๊นซ์มาเลย ส่วนบางร้านก็ไทเก๊กก็มา เราชอบพวกนางนะ หน้าจะนิ่งแล้วเต้นนะ มันตลกดี
ความฮาของที่นี่อีกอย่างคือ หมาหน้าสั้น 5555555555 ดูไม่ค่อยสมส่วนเท่าไหร่ ขาสั้นด้วยแต่หลังยาว สั้นทุกตัวสั้นทุกพันธ์ ขนาดไซบีเรียน พุดเดิ้ลยังสั้นเลย แล้วก็ไม่ค่อยเห่าด้วย ไม่รู้มันเป็นอะไรกันสงสัยหนาวมั้ง
และไม่ว่าประเทศไหนเมืองอะไร สิ่งหนึ่งที่หลอกเอาเงินได้เลวร้ายที่สุดคือ “หลอกให้ขึ้นไปดูวิวบ้านเมืองมันจ้า 5555555” ใครโชคดีเจอท้องฟ้าปลอดโปร่งก็ดีไป ใครโชคร้ายเจอหมอกลงก็นะ ร้องไห้หนักมากเหมือนโดนแฟนทิ้ง ที่จริงอยากได้เงินคืน 555 ที่ลี่เจียงก็มีเหมือนกัน มันจะมีจุดชมวิวที่ชื่อว่า Lion Hill wangu tower เป็นหน้าผาสูงๆให้เราเห็นวิวเมืองเก่าลี่เจียง ค่าเข้าทำร้ายจิตใจมากคือคนละเกือบ 100 หยวนได้ (400กว่าบาท) คือใครเข้าไปดูต้องรวยมากแน่ๆ เพราะป้ายบอกทางมันชี้ให้ไปดูวิวด้านซ้าย แต่ทางขวาบอกให้ไปวัด วัดนึงชื่อว่า”Wenchang Temple”
วัดนี้พร้อมเคลมเลยว่า “ดูวิวที่นี่ก็ด้ายย” หลังจากไม่ยอมเสียเงินให้รัฐบาลจีน เราก็เดินย้อนไปอีกฝั่งก็เห็นวิวเหมือนกัน ที่สำคัญ ฟรีด้วย ฟรี ฟรี ฟรี
สิ่งที่ทำลี่เจียงมีเสน่ห์มากอย่างนึงคือวิวภูเขาหิมะ ขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากในเมือง แค่เห็นก็ขนลุกแล้ว แต่ก็ขนลุกได้อีกเพราะเค้าบอกว่า “ด้านบนนั้นมีมังกร แล้วเราก็ปีนขึ้นไปดูได้ด้วยนะ!” ง่อวววววว คิดในใจ โม้ปะเนี่ย เขาปลอมปะวะ 555 เหมือนภาพสีน้ำ
การจะจองรถขึ้นไปหามังกรที่ภูเขาหิมะมังกรหยกนั้น ไม่ใช่เรื่องยากถ้าพูดจีนได้ แต่ถ้าพูดไม่ได้ก็ยากอยู่นะ สำหรับพวกเราแล้วแม่งโคตรยาก 5555555555 ขอบคุณ googleแปลภาษาที่ช่วยชีวิต เราติดต่อผ่านจนท.โฮสเทลที่เราไปพัก ได้มาในราคา 200หยวน/วัน(1000บาท) ตีเป็นเงินไทยแล้วถือว่าถูกมากสำหรับค่ารถที่นี่ เราไปกันสี่คนเท่ากับคนละ 250บาท รถคันนึงน่าจะนั่งได้เต็มที่ 5-6คน อาแปะคนขับนางจะมารับที่โฮสเทลตอนเช้า แล้วพาไปส่งจุดที่ให้ลง แล้วนางก็จะจอดรอเรารับเรากลับ ถามว่าสื่อสารกันยังไง มันเป็นSenseจริงๆนะ เราเชื่อว่ามันเป็นแพทเทิร์นเดียวกันหมด ถ้าจะไปไม่ต้องกลัว ชิวๆ
ภูเขาหิมะมังกรหยก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ AAAAA ของจีน คือดีที่สุดแล้วอะไรทำนองนั้น ดังนั้นค่าเข้าก็จะแพงตามไปด้วย ต้องจ่ายที่ประตูทางเข้าประมาณ 70หยวน และไปจ่ายตรงทางขึ้นรถไปกระเช้าอีก 180หยวน แล้วจะรู้ได้ไงว่าต้องจ่ายตรงไหน ? ไม่ยากเลย เดินตามเค้าไปจะมีที่จ่ายที่ชัดเจนมากกกก ปกติเค้าบอกกันว่าบัตรนักเรียนนักศึกษาลดได้ แต่เราโชว์ให้เค้าดู เค้าบอกใช้ไม่ได้ 555555 โดนไปดิตกคนละ 1,250 บาทคร่าวๆนะ หลังจากนั้นก็ตุเลงๆกันไปขึ้นกระเช้าได้เล๊ยยยยยย !
ระหว่างทางนั่งกระเช้าเราก็จะใกล้มากขึ้น ไม่ใช่มังกร แต่เป็นโขดหิน 555555 มองลงไปนี่มีเยี่ยวเล็ดกันบ้างอะ คือมันใกล้มากกกกกกก เป็นกระเช้าที่ไม่ได้สูงจนเวอร์แต่ทำให้เสียวได้ตลอดเวลา ด้วยภูมิอากาศข้างนอก ลมจะพัดรัวๆ สะเก็ดหิมะจะลอยคละคลุ้ง ลดความกลัวด้วยการมโนว่าเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ “let it go let it goooooo” ร้องเข้าไป ร้องเข้าไปปปปปปปป !
พอออกจากกระเช้าก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ พอออกมาเจอแบบนี้ก็ต้อง อึ้ง ! ที่นี่เมืองจีนจริงหรอวะเนี่ยยย หมาไข่ ไก่เห่า เต่าบิน เหลือเชื่อจริงๆทำไมสวยขนาดนี้ ขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองมาที่นี่ 1000 กว่าบาทที่จ่ายไปไม่แพงเลย ขอบคุณภูเขาหิมะมังกรหยกที่ทำให้หัวใจเราพองโต
กระเช้าจะขึ้นมาส่งเราแค่ 3,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล หลังจากนั้นเราต้องเดินเอง ! เดินไปที่จุดสูงสุดที่เราจะสามารถเดินไปคือ 4,506 เมตร อื้อหือ เดินธรรมดาก็ว่าแย่แล้ว แต่อันนี้ทั้งหิมะ ทั้งลม ทั้งหนาว อากาศน้อย ถามว่าสู้มั้ย มาถึงขนาดนี้แล้วไม่สู้ไม่ได้แล้ว 555 เดินสิเดินไปเรื่อยๆ เห็นวิวก็หายเหนื่อยแล้วจริงๆนะ #อย่าลืมซื้อออกซิเจนกระป๋องมาด้วยนะ มีขายๆ
แล้วระหว่างทางเดินหละเราจะเจออะไรบ้าง ?! ประเทศจีนไม่ได้มีหิมะทุกเมือง เราก็จะเจออาหมวยอาตี๋ ที่เห่อหิมะเหมือนเรานี่แหละ วี๊ดว้ายถ่ายรูปกันสนุกสนาน บางคนก็ยืนให้หิมะตีหน้า ผับๆๆๆๆๆ แล้วร้องเหมือนร่างแหลก ความสุขและความสนุกของแต่ละคนไม่เหมือนกันจริงๆนะ
ด้านบนมีเหยี่ยวด้วยนะเออ เอามาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ราคาก็ 20หยวน (100บาท) ถ่ายรูปได้จับได้ลูบได้น่ารักดี ส่วนอาหารข้างบนเราแนะนำให้เตรียมน้ำไปด้วย อ๊อกซิเจนกระป๋องก็ควรมีนะสำหรับคนที่เหนื่อยง่าย ด้านบนมีอาหารว่างขายอยู่ด้วยกัน 3 อย่างคือ
1. ไส้กรอกแดงแบบน่ากลัวแต่รสชาติดี
2. ช็อคโกแลตบาร์
3. กระทิงแดง
และทั้งสามอย่างนี้…แพงมากกกก แต่ได้ซื้อกินก็ฟินนะ 555
– ยอดบนสุดไม่มีอะไร เราเจอระหว่างทางหมดแล้ว –
ถ้าถามเราว่าข้างบนสุดจุด 4506 เมตรนั้นมีอะไรให้ดูบ้าง ก็ต้องบอกว่า มีแค่ความสะใจที่เอาตัวเองขึ้นมาถึง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องราวระหว่างทางต่างหาก.. เราเจอเด็กจีนวัยกำลังน่ารักวิ่งมากับพ่อและแม่ เราเจอกลุ่มวัยรุ่นจากเซินเจิ้นมาขอถ่ายรูปแล้วเล่นด้วย เราได้ถ่ายรูปกับเหยี่ยวแล้วลูบหัวมัน เราได้ยืนหลบหิมะกับเพื่อนๆ แล้วหัวเราะกัน เราได้ยิ้มให้อาม่าที่เดินขึ้นมาอย่างแข็งแรง เราได้ใช้กระป๋องอ็อกซิเจนที่ไม่เคยใช้มาก่อน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่เราเจอและทำระหว่างทาง แต่พอไปถึงจุดบนสุดเรากลับยืนดูเฉยๆ นี่แหละการไปเที่ยวด้วยตัวเอง คือการเห็นมากกว่าจุดหมายปลายทาง แต่ทำให้เรามีเรื่องเล่าระหว่างทางมากขึ้น ดีกว่าที่จะรีบเดินเร็วๆโดยไม่สนใจอะไรนอกจากจุดสูงสุด ถ้าเป็นแบบนั้น ..ก็น่าเสียดายแย่ : )
หลังจากเสร็จสิ้นภูเขาหิมะมังกรหยก 1 วันเต็มๆ อาแปะคนเดิมก็พาเรากลับเข้าเมืองลี่เจียง.. ยอมรับว่าเพลียร่างมาก อากาศแห้ง แก้มแตกปากแตก
อยากซุกใต้เตียงไฟฟ้าอุ่นๆ แต่พอหันไปดูระหว่างทาง ! ต้องบอกอาแปะว่า “แปะๆๆๆๆ จอดก่อนๆๆๆ ขอถ่ายรูปก่อน” นี่คือวิวระหว่างทาง ทุ่งหญ้ากว้างๆที่มีไอแดดอุ่นๆ มีม้ากับล่อกำลังยืนเล็มหญ้าอยู่ สวยมากกกกกกกกก อยากจะวิ่งเล่นร้องเพลงแล้วให้เพื่อนไล่จับ แต่ก็ลืมไปนี่จีนไม่ใช่อินเดีย 5555 ม้ามันจะดีดเอา นี่แหละคือเสน่ห์ของการเที่ยวเอง ถ้าไปกับทัวร์หรอ ใครที่ไหนจะแวะให้ อาซิ่มอาอึ้มด่ากันทั้งรถพอดี อิอิ
จริงๆแล้วข้อดีของการเดินทางนั้นมีเยอะมาก หนึ่งในนั้นคือ การได้ใช้เวลากับตัวเอง เวลาเดินทางและมองออกไปนอกหน้าต่าง นอกจากจะเห็นความสวยงามระหว่างทางแล้ว เราจะเห็นตัวเอง .. เราจะเห็นความคิดของตัวเอง ว่าเราอยากที่จะทำอะไรต่อไป เพื่ออะไรและเพื่อใคร
#ระหว่างเดินทางไปดินแดนที่เรียกว่า “ซัมบาลา”
ไปเที่ยวที่ไหนให้ลองของพื้นบ้าน ! ( แต่จริงๆก็ไม่ต้องก็ได้มั้งงงงงงงง ) เครื่องดื่มแรกหลังจากถึงซัมบาลาไม่ใช่อาหารหรู ไม่ใช่อาหารอร่อย แต่เป็น นมจามรี ! ราคาแก้วละ 50 บาท อาซิ่มจะตักแล้วเอาผงอะไรไม่รู้โรยให้ รสชาตินี่แบบจิบคำแรกก็คาวไปถึงหัวแม่ตีน ใครจะบอกให้กินแก้หนาวยังไงก็เถอะ แต่รสชาติไม่ไหว “โอเค ไม่เป็นไร ทนหนาวได้เว้ยยยย”
นี่อยู่ซัมบาลาแล้วนะ 55555555 ! อยากหัวเราะเยาะให้ตัวเองดังๆ สงบมากกกกก สงบจนไปไม่ถูกเลย เราเคยได้ยินว่าไฟไหม้เมื่อต้นปีก่อน
แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดที่ทั้งเมืองแทบจะเป็นเมืองร้าง นึกว่า silent hill โอ้ยยยยยยยย ใครเคยเห็นรีวิวซัมบาลา แชงกรีล่า ลบภาพเดิมๆก่อนออกไปก่อนนะ นี่คือของแท้ที่สุดละ ต้นปี2014 ไฟไหม้เมืองเก่าไปครึ่งเมือง ! ต่อมารัฐบาลบอกว่าที่นี่บาร์ผับเยอะไป มันไม่เหมาะสมจะเป็นเมืองเก่าเลย จะมาเอาจิ๋มเปิดกระป๋องไม่ได้แล้วนะ เลยสั่งปิดไปอีกซะครึ่ง แล้วทีนี้ซัมบาลาจะเหลืออะไร ?!
ก็จะเหลือเมืองสงบ แบบสง๊บบบบ สงบ สงบแบบไม่มีอะไรทั้งนั้นในตอนกลางคืน จะไปดูภูเขาหิมะเหมยลี่ เค้าบอกว่าหน้าหนาว ถ้าจะไปต้องนั่งลา ย้ำว่านั่งลาไปอีก 1วัน โอ้โหจะนิวเอ็กพีเรี้ยสให้กันเกินไปรึป่าวน้า รู้แค่ว่าถ้าเค้าท์ดาวน์ที่นี่สวดมนต์ข้ามปี คงเสียงดังเกินไป คงต้องนอนหมุนกงล้อมนตรา กุ๊งกิ๊งๆในห้อง 5555555 ชีวิตดี๊ดี คนแทบไม่มี รถเมล์ก็หมดแค่ทุ่มนึง มีลานวัฒนธรรมนะ ถ้าปกติจะมีชาวนาซีมาระบำแต่ตอนนี้พวกเราคงต้องฟ้อนกันเอง 55555 #เป็นเมืองที่เหมาะจะมาล่าท้าผีมากกกกก
แล้วซัมบาลาตอนกลางวันหละเป็นยังไง ? มันก็แทบไม่ต่างอะไรจากตอนกลางคืนแค่สว่างกว่า มีร้านค้าบ้างประปราย แต่หาของกินยากแบบยากมาก หลังจากโดนไฟไหม้ใหญ่ครั้งนั้นไป ที่นี่ก็กำลังสร้างกันขึ้นมาใหม่ เรามั่นใจว่าอีกซักพักที่นี่จะกลับมาครึกครื้นอีกครั้งใครที่กำลังจะแพลนมาเราแนะนำว่าซักคืนนึงก็พอ เดี๋ยวจะบอกว่ารอบๆมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เย้ ทุกสิ่งๆย่อมมีการเปลี่ยนแปลงจริงๆเนอะ ตอนนี้ถ้าที่นี่เป็นคน ก็คงจะเหมือนคนไม่สบายที่กำลังกินยาและจะหายดีครึกครื้นเหมือนเดิม
ในเมืองเก่ายังมีวัดนึงอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆเรียกว่าวัดต้าฝอ ด้านบนจะมีกงล้อมนตราขนาดหลายสิบคนโอบให้ช่วยกันหมุน คือเท่ดีนะเราว่าต้องช่วยกัน จีนไทยจีนไทย หมุนสิหมุน ! วัดต้าฝอเนี่ยจะมีลักษณะคล้ายๆวัดธิเบต จุดที่ควรมาคือด้านหลังของวัดมากกว่าเพราะลมเย็นดีมาก และเห็นวิวเมืองแชงกรีล่าโดยมีภูเขาเป็นแบรคกราวน์ด้านหลัง โอ้ยยยยยยยยยย ดีใจที่ได้มาแม้มันจะเงียบมากก็เถอะ 555 อยากบังคับเพื่อนที่ไปด้วยกันให้เรียกเราว่า “มู่หลาน” อิอิ
แชงกรีล่าเนี่ยเดิมทีคนจีนเรียกกันว่าจงเตี้ยน ห่างจากลี่เจียงประมาณ200กว่ากิโล ต่อมามันมีหนังสืออยู่เล่มนึงเขียนถึง เมืองสวรรค์บนพื้นดินที่ผู้คนจิตใจสูงส่งอยู่กัน ชื่อ “The lost horizon” จากนั้นจีนก็มโนว่านี่แหละแชงกรีล่าของแท้ (แหม่ๆๆๆๆ จีนจริงๆ) เลยเปลี่ยนชื่อเมืองจงเตี้ยนเป็นแชงกรีล่า หรือซัมบาลาที่เราเรียกๆกันนี่แหละ #ซัมบาลาอาจจะหมายถึงความสงบสุขในใจเราจะถึงซัมบาลารึป่าวเราว่าต้องแล้วแต่คนที่คาดหวัง
ใครมาแล้วก็คงต้องลองถามใจตัวเองดูนะว่าถึงมั้ย
จากเมืองเก่าแชงกรีล่าเราจ้างอาแปะคนนึง ไปส่งที่นาปาไห่ ที่นี่เป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ มีม้าให้ขี่ ข้างหลังเป็นวิวภูเขามีหิมะคลุมยอด พื้นที่ส่วนใหญ่จะชุ่มน้ำมากกกก เราตกโคลนที่นี่ด้วยนะ 555 ค่าเข้าที่นี่ถ้าจำไม่ผิดคนละ 60หยวน เราแนะนำว่าถ้าไม่อยากขี่ม้า(เพราะมันแพง) ควรจะเดินแบบระมัดระวังเพราะโคลนมันเยอะมาก แต่วิวที่นี่ก็สวยมากเหมือนกัน ถ้าใครมาหน้าหนาวจะเห็นหิมะขาวโพลน ถ้าฝนหน่อยก็จะเห็นทุ่งหญ้าสีเขียวให้ถ่ายรูป เราจ้างรถไปส่งไปกลับ4คน/ 40หยวน ถูกมาก น่าโดนที่สุด ไหนๆเมืองก็ร้างๆละ ออกไปเที่ยวรอบๆดีกว่า
– โดนจีนหลอกไม่เสียใจเท่าตกบ่อโคลน ! –
ภายใต้ความสวยงามของนาปาไห่ มีอย่างเดียว อย่างเดียวจริงๆ ที่ต้องระวัง 555 ตอนแรกว่าะไม่เล่าแล้ว แต่เพื่อความreal ต้องเตือน
ในภาพจะเห็นว่าด้านหลังสวยมากกกกกกก นึกว่ายุโรปจริงมะ เล่าจะต้องเดินๆไปไกลมาก กว่าจะไปถึงจุดที่มันใกล้ๆ ปกติจะมีม้าให้ขี่
แต่ก็โคตรแพงเลยงก ไม่ขี้เว้ย เดินได้เว้ย พื้นดินที่นาปาไห่ก็เลวร้ายมาก มีแต่โคลนตม จนมาถึงจุดนึงเป็นแอ่งเลยจ้ะ แล้วมีแค่ไม้ท่อนเล็กๆ
ให้เดินข้ามไป ไหมเดินข้ามไปก่อนแล้วตะโกนว่า ” ร ะ วั …” ยังไม่จบคำว่าระวัง 5555555 ครึ่งซีกของเราก็ถวายให้แก่นาปาไห่และบ่อโคลน
หลังจากนั้นชีวิตเปลี่ยน เหมือนโดนโหวตออก จะต้องเดินกลับไปที่ทางเข้า 555555555555 ชาวบ้านแถวนั้นเห็นหัวเราะซุบซิบๆกันใหญ่
คงจะบอกว่า “บอกแล้วให้ขี่ม้าๆ” เราได้แต่ยิ้ม มีอาแปะคนนึงพาไปที่ก๊อกน้ำ เราต้องล้างกางเกง ซักรองเท้า แล้วอากาศก็หนาวมากแต่แดดแรง
พร้อมกับมีหมูสีดำที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน มันคงนึกว่าเสื้อผ้าเราเป็นอาหารก็มาดมๆกัดๆ ผ้าก็ต้องซัก หมูก็ต้องระวัง โอ้ยยยยย ชีวิต ตะโกนด่าไป “ห้ามกินอีหมู” มันก็คงไม่รู้เรื่อง เลยตะโกนไปใหม่ “ปู้ชื่อฟ่านๆๆๆ” ..มันก็ยังกินอยู่ จนปัญหา อยากทำไรทำเลยยย กูแพ้แล้ว !
#ตอนนั้นตลกเกือบไม่ออกแต่ก็ตลก
#ยิ่งมาเล่าตอนนี้ยิ่งขำตัวเอง #ใครไปต้องระวังๆ
ไม่กินสัตว์ใหญ่ แต่กินจามรีนะ .. เอ๊ะ !? เห็นหน้าตาน่ารักๆแบบนี้ เดินเข้าไปใกล้นี่พร้อมจะขวิดนะ จามรีที่นู่น ก็เหมือนวัวควายบ้านเรานั่นแหละ
ไม่เหมือนอยู่สองอย่างคือ เราไม่กินนมควาย แต่เรากินนมจามรี เราไม่มีเสื้อผ้าที่ทำจากควาย แต่ที่นู่นมีเสื้อขนจามรี 5555 เพื่อนบอกว่า ” กูไม่กินสัตว์ใหญ่นะ … แต่ถ้าเป็นจามรีกูว่าอาจจะยกเว้นมั้ง ! ” อะ โอเค เทพเจ้าอนุญาตแล้ว 5555555555 ไปถึงถิ่นยูนนานต้องลองกินเนื้อจามรีนะ อร่อยดีเหนียวๆหวานๆ แซ่บ !
ใครๆมาถึงซัมบาลาก็ต้องมาที่นี่ วัดนี้คือ วัดซงจ้านหลินซื่อ วัดที่ออกแบบมาเหมือนพระราชวังโปตาลา ที่กรุงลาซา,ธิเบต เค้าเลยเรียกที่นี่กันมา โปตาลาน้อย แบบย่อส่วนๆลงมา ค่าเข้าวัด เราใช้บัตรนักเรียนลดเหลือคนละ 75 หยวน ที่นี่ถ้ามากับทัวร์เค้าก็จะพามานั่นแหละ ข้อแตกต่างคือมากับทัวร์คือได้ความรู้เยอะกว่ามาเอง แต่เราก็อาศัยเดินเนียนๆขอพี่เค้าเดินตามแล้วฟังเรื่องไปด้วย 555555555 พี่ๆทัวร์ไทยใจดีจังเลยยยยยยย
ภายในวัดเนี่ยเค้าห้ามถ่ายรูป แต่ก็สวยมาก เราชอบสีสันจัดจ้านของฝาผนังภายในวัดมาก *ขอสรุปสาระที่ได้จากการเดินตามทัวร์ไทยคร่าวๆคือ
สัญลักษณ์ธรรมจักรตรงกลางและมีกวางนอนอยู่สองตัว หมายถึง พระพุทธธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง5
ส่วนปัจจุบันเราอาจจะงงๆว่ามีดาไล ลามะ มีกี่องค์กันแน่ ? ง่ายๆคือ ดาไล ลามะ องค์ที่เราเห็นกันบ่อยๆในทีวี ตอนนี้ลี้ภัยไปอยู่อินเดีย ที่เมืองธรรมศาลา เพราะจีนถือว่าเป็นแกนนำในการแบ่งแยกดินแดนสมัยเมื่อนานมาแล้ว แต่ในจีนปัจจุบันก็ยังมี ปันเชน ลามะ อีก 2องค์ องค์นึงคือองค์ที่ดาไล ลามะ แต่งตั้งตั้งแต่เด็กๆ 3 ขวบ พอโตขึ้นเลื่อมใสในองค์ดาไล ลามะ จีนเลยจับขังซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้ข่าวขององค์นี้อีกเลย จากนั้นจีนก็แต่งตั้งอีกองค์ขึ้นมาใหม่ เพื่อจะได้ควบคุมง่ายๆ แต่ก็ต้องทำใจไว้เบาๆเพราะว่าชาวธิเบตส่วนนึงก็ไม่ยอมรับ เออแบบนี้ก็มีหวะ เป็นเรื่องของการเมืองไปซะหมดเลย เราก็ต้องฟังหูไว้หูในเรื่องแบบนี้ แต่เรื่องนึงที่จะบอกแล้วต้องเชื่อคือ .. ปันเชน ลามะ หล่อมาก จำไว้ไปเปิด Google
“ปันเชน ลามะ” หล่อมากกกก !
หน้าวัดโปตาลาน้อยจะมีบึงน้ำอยู่ ตอนที่เราไปมันเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว เลยไม่เห็นเงาวัดโปตาลาน้อยสะท้อนเลย แต่ได้เห็นอะไรที่มันน่ารักๆกว่าเดิม คือเป็ดกับหมูป่าเดินยั้วเยี้ยไปหมด ที่สำคัญเดินบนน้ำได้ด้วยนะเว้ย 555555 อยากลองไปเดินเป็นเอลซ่าบ้างเหมือนกัน แต่แค่เอาเท้าจิ้มๆน้ำแข็งก็แตกหมด บายย !
ห้องน้ำแย่ๆที่นี่แบ่งเป็น3 แบบใหญ่ๆ
1. ระบบราง ขี้คนแรกเห็นยันคนสุดท้าย
มันจะไหลมาเรื่อยๆจากคนสุดท้ายไปบ่อเก็บขี้ คือนั่งคร่อมหลุมเฉยๆซึ่งเหี้ยมากและไม่มีที่กั้นขี้กันเป็นขบวนรถไฟ นั่งขี้ไป สูบบุหรี่ไป สไตล์จีน
2. ระบบรางแต่มีที่กั้น เราไม่เข้าใจว่ากั้นทำไม
คือหัวโผล่ทุกที่ กลัวเหงาหรอ ? ขี้ไปคุยไปงี้ ? ผู้ชายเวลาเดินเข้าไปฉี่ก็เป็นรางๆเหมือนกัน พวกที่ฉี่ที่ขี้อยู่ก็ชอบเสร่อเงยหน้ามามอง ทั้งๆที่ขี้ติดก้นอยู่อย่างงั้นแหละ อี๋ !! จะอ้วก แต่ถ้าอ้วกองศาหน้าเราก็ต้องก้มไปใกล้ขี้กว่าเดิม เพราะฉะนั้น อดใจไว้ๆดีกว่า 555555
3. ขี้ที่ไหนก็ได้ อยากขี้ ขี้เลย ! ถังขยะในห้างก็เอา
แบบในรูปนี้แหละคือขี้กันในห้างตรงถังขยะ แล้วงงมาก ว่าโตกันมาได้ยังไง ? ที่บ้านไม่สอนหรอว่าขี้เสร็จให้ราดน้ำด้วย อันนี้ขี้ยังไงก็ปล่อยไว้อย่างงั้น ขนลุกมาก แล้วกินอะไรเข้าไปกันทำไมถึงกระจุยกระจาย อย่างกับปรมาณูขี้ ยากเกินจะทำใจยอมรับได้จริงๆ ห้องน้ำที่จีนส่วนใหญ่สวยมากกกๆ ถ้าสะอาด แต่คนใช้ ใช้มันจนสภาพแบบที่ร่ำลือ เรายิ่งเรื่องมากไม่ชอบห้องน้ำเปียก แต่ก็ปวดขี้ พยายามบอกตัวเองว่า อดทนไว้ความหวังยังมี
ห้องน้ำข้างหน้าต้องดีกว่านี้ แต่..ขี้ก็ทนไม่ไหว ห้องน้ำก็แย่ชนิดที่ว่าต้องเอาแปรงมาขัด ขัดเองอีกรอบก่อนขี้อะ เอาหนังสือธรรมมะมาด้วย ต้องเอาเข้าไปอ่านไม่ให้สนใจรอบข้าง โอ้ยยยย ชีวิตดี๊ดี 5555555555555555 ใครอยากได้วิวธรรมชาติสวยๆในจีน ต้องทนสภาพแบบนี้นิดนึงเนาะ แต่สนุก
#การแก้ที่คนแก้จากข้างในแก้จากนิสัยนี่แก้ยากจริงๆ !
เราตัดสินใจกลับมาฉลองปีใหม่กันที่ลี่เจียง หลังจากทนเสียงเงียบของซัมบาลาไม่ไหว 555 ที่นี่บรรยากาศแตกต่างกันมากกกกกก ซัมบาลาจะเหมือนป่าในเขาใหญ่ ส่วนลี่เจียงก็น้องๆพัทยานิดนึง ที่นี่กิจกรรมในผับจะเยอะมากเหมือนคาเฟ่ ตลกก็มีให้ดู โชว์ก็มีให้ดู ประมูลค๊อกเทลโชว์สาว
คืออะไรที่ไม่น่ามีในผับที่นี่มีหมด 55555 ไม่พอๆ แต่ละร้านจะมีนักร้องขวัญใจชาวลี่เจียง ร้านไหนร้านนั้น บางร้านเป็นสาวๆวัยใสกามิกาเซ่
บางร้านก็เต้นเหมือนพี่บี้ หรือบางร้านก็เป็นF4 แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกร้านและควรเปลี่ยนคือ .. การขวดเบียร์ทีละ 12 ขวด เหย้ดดจะกินยังไงหมด
12 ขวด 100หยวน ไม่แพงเลย กินได้เรื่อยๆ เมาก็นอนตรงนั้น เราว่าจะเคาท์ดาวน์กับคนจีน ปรากฏว่าปิดเพลงตอน5ทุ่มครึ่ง ตึง !!
เหลือแค่ร้านนึงที่เปิด แต่ก็เคาท์ดาวน์ผ่านCCTV ที่นี่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับปีใหม่สากลเท่าไหร่ เป็นความทรงจำที่ดีเคาท์ดาวน์ที่จีน
ชีวิตแซ่บๆ จะหาแฟนจีนแต่เกือบได้ตีนกลับมา !
กลับมาถึงคุนหมิง ชีวิตก็เปื่อยๆ นั่งคิดๆกัน กูต้องดูอะไรในคุนหมิง ? ป่าหิน ถ้ำจิ่วเซียง ไปดูวิวเมืองคุนหมิง โอ้ยพัก !! ใครคาดหวังอะไรแบบนี้ให้หากระทู้อื่น เพราะเราจะไปผับ !! ที่คุนหมิงจะมีย่านของมันเหมือนทองหล่อ ที่บรรดาพี่ไฮน้องไฮของจีนจะมาเต้นเร่าๆกัน เราให้เพื่อนกับพี่คนไทยที่เรียนที่นั่นพาไปเบิกเนตร ผับที่เราไปชื่อว่า The Muse ! เปิดตั้งแต่หัวค่ำยันตีห้า เชี่ยยย โหดมากกกกก ที่นี่จะขายแบบเป็นเซต Black 1 ขวด
ผลไม้ 1 ถาด ป๊อปคอร์น 1 ถ้วย และ Mixerไม่จำกัด ราคาประมาณ 700หยวน (3500บาท) หลังจากนั้นก็เต้นเร่าๆได้ทั้งคืน 555555555 เพลงที่นี่มันส์มากและทันสมัยทั้งฝรั่งทั้งจีน มีโชว์ประจำวันด้วยนะเว้ย ตอนที่เราไปนั้น นางโชว์แต่งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็ง 55555555 เลยตั้งชื่อโชว์กันเองว่า “สรวงสวรรค์ศูนย์องศา” ตอนนั้นม่วนซื่นที่สุด กระดกๆๆๆลืมไปเลยว่าจะเมา เพลงสดก็มีเต้นเร่าๆอึ๋มไปอีก บอกกันไว้ว่า “เอาให้สุดถึงตี 5 !” พอเอาเข้าจริงๆรู้ตัวอีกทียังไม่ตีสองก็แทบล้มทั้งยืน บางคนไปกอดชักโครก บ้างไปนอนหลังรถมอไซค์ ใครจะทำอะไรตอนนั้นนี่ไม่รู้เรื่องทั้งนั้น พูดเป็นอย่างเดียวคือ หนีห่าวๆๆ 5555555555555555 เสียเกียรติประเทศไทยมาก แต่ก็มีผู้รอดชีวิตตัวแทนไทยแลนด์อีกหลายคน
ขอบคุณพี่ๆคนไทยที่ช่วยกันดูแลพวกเราด้วยน้าเรื้อนมากแต่สนุกมากแล้วจะไปอีกกกก #สรุปคืนนั้นโดนไป7ขวดแต่พี่คนไทยเลี้ยง จุ้บๆ
slow life in china.
7 รูปชุดสุดท้ายที่เราจะเล่าเรื่องเมืองจีน หลังจากเมาแอ๋กัน วันสุดท้ายเลยกลายเป็น ” พั ก ผ่ อ น ต า ม อั ธ ย า ศั ย ”
เราใช้โอกาสนี้เดินดูเมืองคุนหมิงให้ทั่วๆ โผล่ซอยนู้น แวะซอยนี้ เข้าสวนสัตว์ ไปเดินสวนเล่นกับเด็กน้อยแก้มยุ้ยๆที่เต็มเมืองไปหมด คนที่นี่น่ารัก ! ,ยิ่งถ้าเราบอกเค้าว่าเป็นคนไทย หรือว่า ‘ ไท้กั๋ว ‘ เค้ายิ่งยิ้มและช่วยเหลือเราดีมาก ตลอดเวลาสิบวันในจีน ถ้าเราหลงก็ได้คนจีนช่วย บอกทางไปให้ถูก ซื้อตั๋วผิด พี่จีนช่วยเราหมดเลย แม้จะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง อังกฤษพูดได้น้อย แต่ก็รู้สึกได้ว่าเค้าพยายามจะช่วยเรา กลับกันทำไมไทยเราถึงเกลียดจีนมากขึ้นๆทุกวัน ก็ต้องยอมรับว่าที่แย่ๆก็มีให้เห็นมากกก แต่ที่น่ากลัวกว่าคือการมองแบบเหมารวม “คนจีนทุกคนเลว !” มองแบบนี้เราว่าไม่ถูกต้อง ตัดสินคนที่คน อย่าไปตัดสินกันแบบเหมารวม พฤติกรรมบางอย่างดูให้รู้แล้วก็อย่าทำตามก็พอ เพราะจริงๆเราก็ไม่มีทางรู้เลยว่า กว่าจะมาถึงขั้นนี้ ชีวิตพวกเค้าต้องดิ้นรนและผ่านอะไรกันมาบ้าง ที่นี่เป็นประเทศใหญ่มากก ที่เรามาเป็นเสี้ยวเล็กๆ ลองมาด้วยตัวเองซักครั้ง ถ้าไม่ติดใจอะไรซักอย่างที่จีนกลับบ้านไป มาด่าเราได้เลยเอ้า
สวนสาธารณะใจกลางเมืองคุนหมิงที่มีนกนางนวลอพยพมาอยู่เยอะมากอาจจะมาจากบางปูบ้านเราก็ได้นะ
อาตี๋แก้มยุ้ยที่อากาศหนาวจนแก้มแดง
อาตี๋อีกคนนึงกำลังวิ่งถือลูกโป่งโดดเด่นที่ทรงผมตัดเป็นรูปหัวใจ
หนุ่มน้อยจากเซี่ยงไฮ้ก็มาเที่ยวลี่เจียงเหมือนกันนะ
อาหารอร่อยไม่ใช่อาหารราคาแพง แต่อาหารที่กินแล้วอบอุ่นต่างหาก
เต่าหรือตะพาบน้ำในสวนสัตว์ที่จีน เราว่าเลี้ยงผิดวิธีไปหน่อย
ของโปรดที่คุนหมิง ปลาหมึกโรยพริกอะไรไม่รู้ อร่อยมากฉ่ำมาก ไม้จะ 2 หยวน ต้องไปลอง
“แล้วตกลงไปจีนนี่ ไปไง มาไงอะ ?!”
คำถามพวกนี้วนกลับมาทุกครั้งหลังกลับมา 555555555555 แล้วก็สนุกทุกครั้งที่ตอบ จะบอกว่าไม่แพงเลยเว้ยไม่น่าเชื่อ ว่าถ้าไม่นับตั๋วเครื่องบิน+วีซ่าช่วงปีใหม่ที่แพงมาก ไปอยู่มา 10วัน แค่ 11,XXX เท่านั้น ไม่นอนรวม ห้องน้ำส่วนตัว กินอิ่มทุกมื้อ โคตรของโคตรคุ้ม หิมะก็ได้ปีน ซัมบาลาก็ได้ไป เมาอ้วกเละเทะก็ไม่พลาด 555555 โอ้ยสนุก ส่วนตั๋วเครื่องบินจริงๆ มี LOW-COST บินตรงทุกวัน ราคาไปกลับไม่ใช่ช่วงเทศกาลก็ไม่กี่พันบาทเอาหละพร้อมมั้ยถามใจตัวเองดู … มีอะไรก็ถามได้ตลอดเหมือนเดิมนะ
อย่ากลัวอะไรที่คิดไปเอง ไปให้เจอจริงๆมันส์กว่า !
และเพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราได้ทำรีวิวที่คิดกันเองว่าน่าจะดีแล้วออกมาเรื่อยๆ อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนๆ ปลุกระดมกันไปเที่ยว 5555
และติดตามพวกเราได้ใน เฟสบุ๊คแฟนเพจ https://www.facebook.com/incaseyouwonderwdwg/ ด้วยนะ ห้ามลืม :)