ฮัลโหลล…รอบนี้เราจะพาไปแนะนำที่ๆ ไม่ไกลจากบ้านเรามากแถมไม่ต้องใช้วีซ่าด้วยนั่นคือญี่ปุ่นจ้า 55555 คุ้นหูคนไทยกันซะเหลือเกินนึกอะไรไม่ออกก็ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลี และญีปุ่นนี่แหละ แต่ครั้งนี้ไม่มีเดินชิคๆ ช้อปปิ้ง กินซอฟท์ครีมละนะ เพราะจะพาไปไกลเลยที่เกาะทางตอนเหนือเกาะ Hokkaido ไม่ใช่ Sapporo ด้วย แต่จะไปเมือง Niseko Annupuri กันดีกว่า
แล้วทำไมต้องไปเมืองนี้? เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเหลือเกินเรื่องการเล่นสกี! มันอาจจะเป็นกิจกรรมที่ไกลตัวสำหรับมนุษย์เมืองร้อนแบบเราแต่บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวแล้ว เดี๋ยวเราและเพื่อนๆอย่าง World Surprise Travel จะทำให้ไปกับทัวร์ฟินเหมือนไปกับเพื่อน อ่านรีวิวนี้ให้จบแล้วก็จะรู้ว่า ทักษะหรืออุปกรณ์ไม่ต้องแค่มีใจก็ไปได้เล้ยยย!!
เราเลือกเดินทางกับการบินไทยไปลงซัปโปโรก่อน ซึ่งสะดวกมากสำหรับทริปนี้ เพราะการบินไทยบินตรงสู่ซัปโปโรทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน TG 670 ซึ่งออกเดินทางกลางคืนประมาณ 5ทุ่มกว่าๆ ถึงซัปโปโรเช้าพอดี การบินไทยใช้เครื่องที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีทำให้รู้สึกอุ่นใจตลอดการเดินทาง 6ชั่วโมง 45นาที ระหว่างอยู่บนเครื่องถ้าใครนอนไม่หลับก็ดูหนัง ฟังเพลง ขอของว่างเบาๆ มารองท้องก็สบายไปอีก หรือใครอยากหลับ ตื่นเช้ามาก็ถึงซัปโปโรพอดี อย่าว่างั้นว่างี้นะอาหารการบินไทยเป็นอาหารบนเครื่องที่แจกฟรีและถูกปากเราที่สุดแล้ว ส่วนขากลับก็ไม่เหนื่อยเกินไปเพราะ TG 671 ออกตั้ง 10.30 น. ทำให้ไม่ต้องตื่นเช้าเกินไปแถมถึงไทยบ่ายแก่ๆก็ไปโซ้ยส้มตำปลาร้าที่ห่างหายไปหลายวันต่อได้ทันที
ภาพติดตาของใครหลายๆคน(รวมถึงเรา)พอพูดถึง สกี สโนวบอร์ด ก็นึกถึงว่าต้องเอาตัวเองไปเล่นที่สวิส ที่แคนนาดา หรือประเทศทางตะวันตกอื่นๆ พอเล่นที่เอเชียก็คิดว่า จะหนาวพอหรอ? หิมะไม่นุ่มหรอกมั้ง? เอเชียเนี่ยนะ? อะฟังทางนี้ก่อน คือ Niseko Annupuri นี่ถ้าเกิดว่าโยงเส้นในแนวนอนเนี่ยอยู่เขตความหนาวเดียวกับรัสเซียเลยนะ (อะหนาวพอยัง) และไม่พอเมื่อความหนาวระดับนี้ปะทะกับประเทศที่มีความชื้นสูงเพราะเป็นเกาะแบบญี่ปุ่นเมื่อมารวมตัวกัน บรู้มมมมมม!! กลายเป็นหิมะที่ได้ขึ้นชื่อว่า Powder Snow คือเนื้อหิมะแบบเกร็ดผงนิ่มฟูมีความละเอียดมากกว่าหิมะธรรมดา เป็นเหตุผลว่าควรมาเริ่มต้นเรียนที่นี่เพราะไม่ต้องกลัวล้ม จะล้มกี่ที ยังไงก็ฟิน ไม่มีทางเจ็บแน่นอน
Niseko อยู่ห่างจากเมืองหลวง Sapporo ประมาณ 3 ชั่วโมง โดยมีภูเขาลูกใหญ่อยู่ใจกลางชื่อว่า Niseko Annupuri เป็นเมืองที่เป็น Ski Village ล้วนๆรอบๆภูเขาก็มีลานสกี 4 แห่งกระจายตัวล้อมรอบภูเขาลูกนี้ประกอบไปด้วย Niseko Hanazono, Niseko Village, Niseko Annupuri และส่วนที่เราไปครั้งนี้คือ Niseko Grand Hirafu ที่นี่เป็นย่านที่คึกคักที่สุดทั้
เอาหละมาถึงปุ๊ป….กลับรู้สึกว่า เห้ยย…เราอยู่ญี่ปุ่นจริงๆหรอ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่ผมทอง ตัวขาวๆตาสีฟ้าเดินว่อนกันทั่วเมือง ใช่!! เกินครึ่งของคนที่อยู่ที่นี่เป็นชาวตะวันตก ออสซี่บ้าง แคนาดาบ้าง เพราะฉะนั้นพับหนังสือคู่มือสื่อสารภาษาญี่ปุ่นไปได้เลย เพราะที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษล้วนๆ สะดวกมากๆ
เรามาพักที่โรงแรม Ki Niseko เพราะความดีงาม 3 อย่างที่เราได้ยินมาเกี่ยวกับที่นี่คือ
1. เห็นวิว Mt. Youtei ชัดเจนจะตื่นจะหลับก็เห็นยอดเขาฟูจิน้อยอยู่ตรงหน้า
2. มี Onsen เล่นมาเหนื่อยๆเมื่อยตัวมาแช่น้ำได้ทั้งคืนได้ไม่จำกัด ยังไม่พอมันยังเป็น Onsen of beauty แช่แล้วผิวสวยด้วยนะฮ้า ก่อนเข้าไปเป็นสาวสามัญชนธรรมดาออกมานี่หน้าอย่างกับเป็นพี่น้องกับแต้ว ณฐพร 555555
3.มี Ski-in Ski-out คืออะไรอะ? ง่ายๆ เลยโรงแรมอยู่ปากทางเข้าลานสกี สไลด์ยาวๆลงมาเข้าประตูโรงแรมฝากของเดินขึ้นห้องได้เลยไม่ต้องเหนื่อยแบกอุปกรณ์ขึ้นรถบัสให้วุ่นวาย
มาถึงก็เช็คอิน “พนักงานถามว่าฝากอุปกรณ์สกีไว้เลยมั้ยคะ ?” 5555 จะตอบไงดีให้ไม่เหมือนเหมือนเล่นมุก คือหนูไม่มีอะไรมาเลยค่ะพี่จะฝากอะไรดีอะ พี่แกขำแล้วบอกว่าไม่เป็นไร…เดินไปกลาง Niseko Grand Hirafu มีร้านเช่าอุปกรณ์เพียบ! เราทำตามคำแนะนำนั่ง Shuttle มากลางเมืองเดินวนรอบๆ มีหลายร้านทั้งขาย มือ 1 มือ 2 แต่เราเราเลือกมาลงที่ร้านนี้ร้านที่ใหญ่ที่สุดกลางเมือง
เข้าไปในร้านปุ้ปขยี้ตากี่ทีก็ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองอยู่ญี่ปุ่น เพราะพนักงานที่นี่หัวทองล้วนๆแถมไม่พอมีความน่ารักที่หัวทองที่นี่พยายามพูดภาษาญี่ปุ่น!! 555 เป็นEast Meet West ที่ลงตัวแบบน่ารักๆ ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไรพูดภาษาอังกฤษเถอะเราเป็นคนไทย เดินตรงไปที่เคาท์เตอร์บอกพนักงานผมทองว่าเราจะเช่าอะไร สกีหรือ สโนวบอร์ด สำหรับเรายังไงก็ขอเป็นสโนวบอร์ดละกัน (ความเห็นส่วนตัวคือ สกี มีไม้ท้าวยุ่งเหยิงไปหมด กลัวถ้าล้มแล้วกลัวทิ่มตัวเอง(มันใช่หรอ?555) แต่สำหรับบางคนก็บอกว่าสกีง่ายกว่าเยอะ จริงแล้วเหตุผลสำคัญเลยคือ สโนวบอร์ดมันเท่กว่าอะ) บอกชื่อแล้วจะมีพนักงานเราประกบเราไปเรื่อยๆ เริ่มจากวัดไซส์เลือกบูท เลือกหมวกกันน๊อค เสร็จปุ้ป เดินขึ้นชั้น 2 ไปเลือกบอร์ดกัน
ระหว่างรอเราก็เดินช้อปปิ้งไปรอบๆร้าน โอ้ยยยย เห็นแล้วก็ได้แต่คิดว่าเอ๊…เมื่อไหร่ดอยสุเทพจะมีหิมะบ้างน้ออ จะหิ้วบอร์ดโบกสี่ล้อแดงไปไหว้ครูบาศรีวิชัยทุกวันเลย ร้านนี้อุปกรณ์เยอะทั้งแว่นทั้งแจ็คเก็ต ทั้งบอร์ด ทั้งสกีลายคูลๆทั้งนั้น ที่สำคัญทั้งลูกค้าทั้งพนักงานน่ากินทุกคนเลยอ่าาาา อยากมาอยู่เล่นนานๆ เป็นแคทดี้ถือบอร์ดให้ก็ได้555
จริงๆ มีอีกร้านนึงที่ฮอตเพราะพนักงานหล่อและอุปกรณ์เยอะไม่แพ้กันคือ ร้าน Beats ร้านขายอุปกรณ์สกีและสโนวบอร์ดซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครือของ Rhythmสะดวกร้านไหนก็ลองไปเลือกดูได้นะ ความแตกต่างของ 2 ร้านนี้คือ Rhythm เป็นร้านเช่าอุปกรณ์ส่วนถ้าใครมาแล้วติดใจแบบอยากมาอีกบ่อยๆ เลยตัดสินใจซื้อไว้ก็ไปที่ร้าน Beats เลยเพราะขายอุปกรณ์โดยเฉพาะ
เย่…ในที่สุดก็ได้บอร์ดแล้วพร้อมเจ็บตัวแล้วจ้า
และแล้วเช้าที่เรารอคอยก็มาถึง! มา มาเล่นสโนวบอร์ดกัน
Tips : ควรตื่นล่วงหน้าเผื่อเวลาให้เช้านิดนึงเพราะควรเผื่อเวลากินข้าว + ย่อยอาหารไว้ด้วย เดี๋ยวจะจุกหรือไม่มีแรงเอา และบอกไว้ก่อนอาหารเช้าโรงแรมอร่อยมากแต่ก็กินให้พอประมาณ เราเข้าใจแต่ห้ามโลภ 5555 อาหารเช้าที่โรงแรมเป็น Home made เกือบทั้งหมด และอร่อยๆ ทั้งนั้นไม่ควรพลาดเลยแหละ
นี้อร่อยมาก Gluten Free Brownie
เมื่อท้องอิ่มอาหารย่อยก็ได้เวลาเเอดเวนเจอร์กัน แต่เอะอะจะเริ่มเล่นเองก็กลัวจะหัวแตก ปากเปิด เอาเป็นว่าจ้างครูมาเทรนพอให้เริ่มต้นเป็นถูกต้องตามหลักการดีกว่าเนอะและที่ลานสกีจะมีโรงเรียนสกีอยู่หนึ่งแห่งชื่อ GoSnow ติดต่อจองไว้ล่วงหน้า 1 วันและนี่ก็คือครูของเรา..
แถ่น แท๊นนน…พี่ฌอนสุดหล่อชาวออสซี่(ที่มารู้ทีหลังว่าเป็นน้องอายุ 20 เอง) อุปกรณ์พร้อมฌอนพร้อม เราก็พร้อมแล้วไปกันเลย! พวกเราเดินตามฌอนไปสู่ Baby Hill เนินเล็กๆ สำหรับฝึกหัดถ้าเป็นสระว่ายน้ำก็เป็นสระเด็ก และก็จริงๆ พวกเรารายล้อมไปด้วยเด็กๆ ที่พอเห็นเด็กๆ แล้วก็นึกว่า โหยยยย…หนูเอ้ยยยย เล่นกันเกรงใจป้าด้วย ไถลงกันคล่องแคล่ว รู้มั้ยผู้ใหญ่เค้าอาย แต่ก็ดีถือว่าเป็นแรงบันดาลใจ หนูๆพวกนี้ทำได้ เราก็ต้องทำได้ เอ้า ฮึ้ป!! ลุกค่ะ!!
นี่…เหมือนในอะลาดินเลย สิ่งนี้เรียกว่า Magic Carpet เป็นเหมือนทางเลื่อนขึ้นเนินสำหรับนักเรียนมือใหม่จอมขี้เกียจแบบพวกเรา555
ถึงแม้เราที่เคยเล่นมาแล้วก่อนหน้านี้แต่มันช่างเนินนานมามากกว่า 5 ปี ทำให้ได้รู้ว่าเป็นการเล่นมั่วๆเองแบบงูๆปลาๆคราวนี้ได้เรียนแบบมีครูสอนทำให้ทำท่าได้ถูกต้องไปทีละสเต็ป มันเล่นได้ดีกว่าจริงๆคือเราพัฒนาจาก Falling Leaves มาเป็น S Curve ได้ในวันเดียว!! ที่ก่อนหน้านี้ล้มลุกคลุกคลานแทบตาย! (จริงๆแล้วความสำคัญคือการจับทริคนิดเดียวที่ควรมี ครูแนะแป๊ปเดียวได้เลย) อ้อลืมบอกไปว่าถ้าใครอยากเล่น Magic Carpet ที่ Grand Hirafu มีแค่ GoSnow เจ้าเดียวที่มีให้บริการนะสะดวกสบายสำหรับมื
ซึ่งนอกจากเล่นสกี หรือ สโนวบอร์ดแล้วรอบๆเมือง Niseko ยังมีกีฬาหน้าหนาวให้เราเล่นเพียบ!!! มาที่เดียวเอาให้คุ้มกลับไปให้เป็นโรคกลัวน้ำเเข็งใสไปเลย555
-Snowmobile : ท้องทะเลมีเจ็ทสกีฉันใด ภูเขาหิมะก็มี Snowmobileฉันนั้น ใช่มันเป็นเหมือนพาหนะที่ให้เราได้ควบขี่สำรวจตรวจตราได้โดยรอบ พวกเราขี่Snowmobile ผ่านภูเขาหลายลูกเพื่อไปชมความงดงามของจุดสูงสุด บอกเลยว่าสวยมากกกก ทุกอย่างขาวจั๊วะ ขาวยิ่งกว่าจั๊กแร้ของวุ้นเส้นที่ขายของในไอจีแล้วไม่รู้ว่าจริงๆ ใช้ตัวไหนถึงขาวได้ขนาดนี้ แล้วคือเห็นวิวเมืองโดยรอบ ที่บอกเลยว่าให้เดินคือไม่ไหวค่ะ ขนาดขับSnowmobile ยัง 45 นาทีเลย
-Snowshoes : สำหรับใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดถนัดการเดินที่นี่ก็สามารถเช่าหา Snowshoes หรือรองเท้าสำหรับลุยหิมะ ที่สามารถพาเราเดินอยู่เหนือหิมะหนาหลายนิ้วได้โดยที่ตัวเราไม่จมลงไปรอบนี้เราไปเล่น Snowshoes กับ “NAC” หรือ Niseko Adventure Centre สะดวกสบาย ไกด์น่ารักตามสไตล์ญี่ปุ่น ไกด์พาเราเดินไปถึงทะเลสาบที่ตอนนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะแต่พอถึงหน้าร้อนเราจะเห็นรูปทรงของทะเลสาบเป็นทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวชัดเจนซึ่งจริงๆแล้วเราสามารถเดินลงไปได้ถึงก้นทะเลสาบแต่บังเอิญวันนั้นฟ้าฝนไม่เป็นใจเกิดมีหิมะตกลงมานิดหน่อยทำให้เราไม่สามารถลงไปจนสุดได้แต่มองจากวิวด้านบนก็สวยคุ้มค่าที่เหนื่อยเดินเท้าเข้ามาแล้ว
ของว่างที่ไกด์ชาวญี่ปุ่นพกใส่กระเป๋าเดินทางมาด้วย ล้อมวงกินกันพักเหนื่อยระหว่างการเดิน Snowshoes เป็นรายละเอียดน่ารักๆ ที่เรามักได้รับจากคนญี่ปุ่นเสมอๆ
Eats
สำหรับเมือง Niseko นั้นบอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นเหมือนเมืองลูกครึ่ง เป็นคนก็คงผิวเหลืองแต่ตาสีฟ้า เรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องห่วง ตามหาญี่ปุ่นจ๋า อิรัจชัยมาเสะ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ในขณะเดียวกันจะกินหรู ฟูลคอร์สแบบตะวันตกก็มีให้เลือกสรรเพียบนี่เลยมาลองยกตัวอย่างอาหารที่ได้ไปกินมา ทั้งหรั่ง ทั้งยุ่น เอาเป็นว่าอิ่มหนำสำราญกันเลยเข้ามาเลือกจดชื่อมาร์คจุดกันได้ตามสบายเลยจ้า
พิกัด : Tozanken downtown Grand Hirafu
ร้านนี้ทีเด็ดเลยคือราเม็ง ข้างนอกหนาวๆความฟินคือการหาราเมงร้อนๆซดให้โล่งคอ คือหิวมากจนลืมถ่ายราเม็ง แต่ทีเด็ดอีกอย่างที่ไม่แพ้กันก็คือของกินเล่นแบบชีสก้อน และข้าวหน้าหมูที่เราสั่งราดหน้าด้วยข้าวผัด
พิกัด : Jojo’s Cafe and Bar
ไอเท็มที่ต้องสั่งคือเบอร์เกอร์ยักษ์ ไอเท็มหลักของร้าน
ตัวร้านมีความเก๋ตรงที่นอกจากอาหารจะอร่อยแล้วยังมีอาหารตาเป็นหน้าผาจำลอง ที่จะมีหนุ่มๆ ปีนผ่านมาเซย์ไฮ โชว์กล้ามเป็นพักๆ เป็นเอนเตอร์เทนเมนท์ให้เราเจริญอาหารยิ่งขึ้น 5555 โอยยยย เห็นแล้วแบบไม่อยากกินข้าวอยากกินเค้าแทน ย่อยยากกว่าแต่ก็อยากลอง
พิกัด : Niseko Ramen
Potato Ramen ความแปลกใหม่ของโฟมรสมันฝรั่งหนาๆ หอม นุ่ม อร่อยแบบไม่เคยลองที่ไหนมาก่อน
พิกัด : AN Dining
ร้านอาหารภายในโรงแรม Ki Niseko ที่เราไปพักไม่ได้เป็นร้านอาหารตามโรงแรมทั่วๆไปแต่ไม่ว่าใครที่มาที่เมือง Niseko ร้าน AN Diningจะเป็นร้านที่ทุกคนจะต้องมาร์คจุดมากิน ที่นี่เสิร์ฟอาหารฟิวชั่นญี่ปุ่นและตะวันตก
รองท้องด้วย สาเก 3 ช็อต 555
พิกัด : The Barn
เป็นร้านอาหารแบบ Fine Dining แบบหรูสุดๆ เหมาะสำหรับใครที่ไปกับพ่อแม่ หรือ พาแฟนไปฮันนีมูนบรรยากาศใต้แสงเทียน หลายๆคู่รักก็โรแมนติกไปอีกจะแอบหอมแอบกอดกันก็ไม่มีใครเห็น ชิ!!! แต่คนโสดอย่างเราก็ไม่สน กินให้ฟิน!! เรื่องอื่นช่างมัน!!! 5555
พิกัด : Lava Lounge
ส่วนใครที่มากับแก๊งเพื่อน ที่นี่แนะนำเลยร้านพิซซ่าบรรยากาศชิวๆเพื่อนฝูงคุยกันเสียงดังจิบเบียร์เฮฮาได้เต็มที่ พิซซ่าที่นี่จานใหญ่กว่าบ้านเราสองเท่าเวลาสั่งก็อาจจะต้องยับยั้งความละโมบไว้ด้วยเพราะเดี๋ยวจะกินไม่หมดเอา
พิกัด Le Cochon
ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส ที่ทีเด็ดของเค้าคือซี่โครงหมูที่เรายอมรับเลยว่าเด็ดจริงๆใช้มีดสะกิดนิดเดียวคือร่อนออกมาจากกระดูกเห็นแล้วแบบ เห้ยยยย อะไรจะขนาดนั้น นุ่มอย่างกับทิชชู่พันช้อน!!
อื่มมม…เวลาเราเลือกที่จะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้สุด เหมือนกันถ้าคิดอยากจะเล่น สกีหรือสโนวบอร์ดให้เป็นนั้นจะมาเล่นสองวันพอสวยอัพรูปลงไอจีเราว่าไม่พอ เหมือนฝรั่งส่วนใหญ่ที่มาที่นี่มากันทีเหมือนจะย้ายที่อยู่สำมะโนครัวกันใหม่ หอบลูกหอบหลานมากันหมดที่พักของที่นี่จึงมีหลายแบบให้เลือกจะอยู่สวยๆเเบบแรกก็มีโรงแรมหลายแห่ง หรือจะมาเช่าบ้านอยู่กันทั้งซีซั่นก็ราคาไม่น่าเกลียดเอาเป็นว่าถ้าเช่าคอนโดสุขุมวิทได้ ก็อยู่ที่นี่ได้เหมือนกันแล้วบ้านที่นี่คือออกแบบดีมีดีเทลไม่ทิ้งคอนเซ็ปตามสไตล์พี่ยุ่นเค้า เอาเป็นว่าอยู่สบายบางที่แจ่มๆเห็นวิว Mt.Youtei ด้วยนะ หู้ยยยยยย ถ้ามีแฟนนะจะพามานอนผลิต Niseko น้อยสักคนถ้ามีสองคนอีกคนก็ชื่อน้องซัปโปโรอะไรอย่างงี้ก็โอเค
บางคนไปกับเพื่อน บางคนไปกับพ่อแม่ พาญาติผู้ใหญ่หรือเด็กไปลองเข้าไปดูในเว็บ HT Holidays คือเป็นเว็บรวมบ้านให้เช่ารู
ที่พักหลายหลังอยู่สบายยิ่งกว่าอยู่บ้านซะอีกบอกก่อนเลยว่าให้รีบเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่แค่เรื่องว่ามันจะเต็มซะก่อนแต่เพราะการเตรียมตัวเพื่อไปเที่ยวปลายปีที่ดีที่สุดคือการเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ไปเที่ยวช่วงเทศกาลอาจจะทำให้หงอยลงไปบ้าง จองไม่ทันก็ได้ที่พักไกลก็เหนื่อยลาก หรือไม่ก็ต้องควักจ่ายกระเป๋าฉีก ยิ่งถ้าจะเที่ยวต่างประเทศก็ต้องรีบหาข้อมูล ใครจะว่าเว่อร์ก็ช่าง แต่รู้ตัวก่อนเตรียมตัวก่อนรับรองว่ายังไงก็ถูกกว่าเตรียมตัวแบบกระชั้นชิดแน่นอน คำถามก็คือจะไปหนาวที่ไหนกันดีปลายปีนี้? เชียงใหม่ เชียงรายก็ไปจนเบื่อแถมไม่พอเดี๋ยวนี้อากาศวิปริตอย่างปีที่แล้วเจอดันเจอเชียงใหม่แบบร้อนซะงั้น!??! เดินนิมมานแบบเหงื่อตกหน้าเมือกรองพื้นลอกไปอีก ปีนี้อย่าให้พลาดวางแผนกันใหม่เอาหนาวระดับหิมะ ระดับขาวโพลน ปากแดง หน้าแน่น ให้นิเซโกะแตกกระจาย
และบางทีการไปกันหลายๆ คน ซึ่งเพื่อนบางคนอาจจะทำงาน ตัวเราเองก็เดินทางบ่อยๆ อาจไม่มีเวลามาจ้ำจี้จัดการนู่นนี่ให้เสร็จทันเวลาเดินทาง รอบนี้เราเลยใช้บริการทัวร์ ใช่! ไม่ได้เขียนผิด เราเลือกบริษัททัวร์ที่น่าจะ Match กับความต้องการของเราที่สุด จนได้มาเจอ World Surprise Travel นี่แหละ เพราะที่นี่เค้าไม่ได้เน้นแค่
Have Fun in the Snow!!!