ต้องออกตัวก่อนว่ารีวิวนี้ไม่ใช่รีวิวนำเที่ยว อาจจะตามรอยได้บ้าง ไม่ได้บ้างตามข้อจำกัดของการเดินทางแต่ละคน แต่รีวิวเราอยากจะให้ทุกคนเห็นคิวชูในมุมที่กว้างขึ้น กว้างขึ้นกว่าเดิม คิวชูไม่ได้มีแต่ความน่ารักใสใส สไตล์ญี่ปุ่น แต่ยังมีน้ำตก ธรรมชาติ ภูเขา ออนเซ็นแลละธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก คิวชูของเราอาจไม่ได้อยู่ตามเมืองใหญ่ๆหรือแหล่งช๊อปปิ้งจ๋า
“ร้องคาวาอิ้ คาวาอิ้ เสียงหลงกันทั้งวัน” แต่มันจะเป็นคิวชูที่บุกป่า ผ่าดง นั่งรถข้ามเมืองเพื่อไปแช่ออนเซ็นติดอันดับและดูวิวที่โคตรสวย ต้องหาชุดหนาๆ ใส่เพราะนอกเมืองมันหนาวมากกกกก เอาหละ! ไปคิวชูกัน ที่แมสก็มีที่ๆ มีแต่คนญี่ปุ่นเที่บเกือบ 100%ก็เยอะ … แล้วทุกคนจะหลงรักคิวชู ซื้อตั๋วตามมากันแทบไม่ทัน
เราออกเดินทางจากกรุงเทพไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ก่อน โลวคอร์สเจ้าดังที่บินตรงไปลงฟุกุโอกะบางทีก็แพงกว่าสายการบินฟูลเซอร์วิสที่อาจจะบินอ้อมนิดหน่อยแต่รวมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เราไม่รีบยังไงก็คุ้มอย่างน้อยน้ำหนักกระเป๋าก็ได้ตั้ง 30โล ยังไงใครจะเดินทางก็อย่าลืมเช็คดีๆ ละกันนะว่าแบบไหนคุ้มกว่ากัน จะได้เที่ยวคิวชูแบบไฮโซโลว์บัดเจ็ทที่สุด 555555555555
รอบนี้เรามากับคนญี่ปุ่นเลยได้เที่ยวอะไรที่แบบญี่ปุ่นจ๋าเหลือเกิน เราเลือกขับรถออกจากฟุกุโอกะ แล้วก็เที่ยววนรอบๆ เป็น ฟุกุโอกะ – ซากะ –นางาซากิ –คุมาโมโต้ และโออิตะ ข้อดีของการขับรถเที่ยวคือวิวระหว่างทางจะดีงามมาก และที่ญี่ปุ่นร้านสะดวกซื้อ หรือ Park ให้จอดแวะจะมีเป็นระยะตลอด ไม่ต้องกลัวสวยจนเยี่ยวเล็ดเลย มีให้แวะเรื่อยๆ แน่นอน เพื่อไม่ให้เพื่อนๆ งง เราขอแยกออกเป็นจังหวัดๆ ละกันนะ
และการเดินทางในคิวชูครั้งนี้ของเราเป็น Roadtrip แน่นอนว่ามันไม่มี Wifi ให้ต่อแน่นอน แต่เราอยากอัพเดตให้เพื่อนๆ ดูแบบเรียลไทม์ เลยเลือกเปิด AIS 4G Data Roaming ไว้เพื่อใช้งานอัพเดตให้ดูกันแบบสดๆ ร้อนๆ ระหว่างการเดินทางที่สวยงามของคิวชู เราเคยรู้สึกกันใช่มะ? ว่าเปิดโรมมิ่งเป็นอะไรที่แพงยิบย่อยมากๆ แต่เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนแล้วจ้ะ อะไรๆก็ง่ายขึ้น มีราคาที่สมเหตุสมผลมากมาย ครั้งนี้เราไว้ใจ AIS 4G Data Roaming สมัครแพ็คเกจแบบ 5วัน และ 3 วันแบบ Unlimited โหลดเร็วและแรงมาก สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.ais.co.th/roaming/ พร้อมแล้วไปเที่ยวคิวชูกันดีกว่า เริ่ม !
SAGA (Ureshino,Kashima,Arita)
ซากะเมืองนี้คนไทยรู้จักดี เพราะละครและซีรีส์ดังๆ มาถ่ายกันที่นี่ โอ้ยภาพในทีวีนี่ใสใสแบ๊วๆดีเหลือเกิน แต่จริงๆเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องปั้นเซรามิคมากและมีหมู่บ้านนินจาจำลองบรรยากาศแบบสมัยเอโดะให้เราแต่งตัวเป็นฮาโตริ เดินถือดาบพลาสติกฟันไปฟันมาในหมู่บ้าน มีซุ้มเกมส์ต่างๆ แบบนินจาเช่นปาดาวกระจาย เป่าลูกดอก และโชว์นินจาๆ สาวกเรื่องอะไรแบบนี้ไม่ควรพลาดหรอก
และยังมีศาลเจ้า Yutoku Inari ศาลเจ้าที่มีเซียมซีเป็นภาษาไทยให้เราอ่านด้วย เราไปลองเล่นดูทำให้รู้ว่าเซียมซีที่นี่จะไม่เขียนอะไรที่แบบแย่ๆ แต่จะพูดกลางๆ เชิงแนะนำให้ปรับตัว ไม่โหดเหมือนบ้านเราเลยซักนิด 5555 ทั้งศาลเจ้าYutoku Inari และNinja Village อยู่ในเขตเมือง Kashima นั่ง JR มาลง Hizen Kashima ก็แถวรอบๆได้เลย
ที่นี่เด็ดมากเรื่องเซรามิค ถ้าเป็นบ้านเราก็น่าจะอารมณ์ลำปางมีชามตราไก่ ที่มีก็เป็นล่ำเป็นสันเรื่องเซรามิคเหมือนกัน แนะนำว่าอย่าลืมไปร้านกินข้าวกลางวัน set menu ที่ร้าน Gallery Arita เป็นร้านขายเซรามิคน่ารักๆ ที่เราสามาถเลือกถ้วมและชามสำหรับใส่อาหารมื้อเที่ยงของเราได้ด้วยตัวเอง เก๋ไปอีก ความคิ้วที่นี่แม่งมีเยอะจริงๆ เยอะจนบางทีก็เก้ๆกังๆทำไม่ถูก
เราถามคนญี่ปุ่นว่าถ้าอยากเพนท์เองทำได้มะ 5555 เผื่ออยากมีชามเป็นของตัวเองงี้ นางบอกว่ามีให้ไปที่ Arita Porcelain Park เราก็ไปเว้ย5555 ค่าเพนท์แล้วแต่ถ้วยแต่ชามที่เราเลือกเลยแบบถูกๆ ไม่กี่พันเยนก็มี หรือเกือบหมื่นเยนก็มีเช่นกัน เพนท์เสร็จเขียนที่อยู่ไว้ อีกประมาณ 1เดือนนางจะจัดส่งทุกอย่างไปให้ถึงบ้านเลย ที่ Arita Porcelain Park เราว่าก็เหมือนสวนลุมบ้านเรา มีคนมาเดินเล่น กินขนม พากันออกมาสูดบรรยากาศสดชื่นๆ เป็นชีวิตดีๆ ของคนซากะเค้า ใครอยากมาก็นั่งมาลง JR Arita แล้วต่อรถเมล์มาได้เลยนะ
ส่วนที่นอนหนะหรอ? อย่าให้พูด ปลื้มปีติไปอีก เราพักกันที่เมือง Ureshino เป็นเมืองที่อยู่บนเขา มีชาเขียวและออนเซ็นขึ้นชื่อ
เรานอนที่ Warakuen Home of Tea Spirit เป็นห้องพักแบบเรียวกังที่เห็นแล้วกรี๊ดมาก คือมีออนเซ็นส่วนตัว 555 สาบานว่านี่เป็นครั้งแรกแน่นอนว่าต้องเขินปะวะ จะไปแก้ผ้าเป็นอดัมกับเอวาอยู่ท่ามกลางคนจิ๊ปุ่งก็ยังไงอยู่ นี่เลยลองแช่เองในห้องก่อน
พอลองแล้วแบบ เฮ้ยมันโอเคเว้ย 555555 อย่าลืมไปลองนะ ถ้าไปซากะ
เราชอบวิวสองข้างทางของที่นี่ดูยังไงก็อิ่มใจ ทำให้เราเหมือนหลุดออกจากโลกที่วุ่นวายมาดูอะไรที่เป็นธรรมชาติๆแล้วสบายตา
NAGASAKI(Sasebo,Nagazaki,Unzen)
เราเข้า Nagazaki ผ่านทางเมือง Saseboแวะเที่ยวสวน Huis Ten Bosch บอกตามตรงว่าเบะปากใส่มากตอนแรก เพราะไม่ชอบอะไรที่แบบทัวร์ลงเยอะๆ 5555 มันเหนื่อยคน เหนื่อยพฤติกรรม แต่พอเห็น Owl Forest เท่านั้นแหละแทบจะพุ่งเข้าไปหา มันมีสวนนกฮูกค่าเข้า 600เยน ในนั้นมีเป็นสิบๆ ตัว แต่ละตัวจะเชื่องๆ น่ารักทั้งนั้น จัดได้ กอดได้ตามสบายเลย ในสวนจะตกแต่งแบบเนเธอร์แลนด์มีกังหันและสวนทิวลิป เราว่าเหมาะกับคนที่พาพ่อพาแม่มาเที่ยวด้วย ท่านน่าจะชอบอะไรทำนองนี้ ส่วนแบบเราๆก็ดูเอาเพลินๆ อะไม่เสียหาย ด้านในมีร้านหอยนางรมย่างอยู่ร้านนึง เค้าบอกว่าอร่อยก็เลยลองกินดู ปกติบ้านเรากินดิบ ที่นี่ต้องย่างก่อน น้ำหงน้ำหอยแตกกระเซ็นมาก ต้องมีเสื้อคลุมระหว่างกินด้วยนะ 10ตัว 1200เยน ไปลองๆ นั่งรถไฟมาลง สถานี JR Huis Ten Bosch เดินข้ามมานิดหน่อยก็เจอเลย
ก็อย่างที่รู้ๆ มาตอนเรียนประวัติศาสตร์สมัยป.4นั่นแหละ ว่าที่นี่เคยโดนระเบิดนิวเคลียร์ลงสมัยสงครามโลก มานางาซากิ ก็คงไม่พ้นที่ต้องไปรำลึกความหลังที่ Nagasaki Atomic Bomb Museum และPeace Memorial Statue ไปเรียนรู้ให้อดีตเป็นบทเรียนสอนใจเราที่เป็นคนรุ่นใหม่ๆ ว่าความขัดแย้ง การเมือง และสงครามไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น มีอย่างเดียวที่เกิดขึ้นคือความสูญเสียที่ย้อนคืนมาไม่ได้
เราแวะไปทำตัวย้อนยุคกันที่ Dejima ที่นี่เป็นเกาะสมัยที่ญี่ปุ่นปิดประเทศและให้พวกฮอลันดารวมตัวกันที่นี่ เนเธอร์แลนด์เป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่คนญี่ปุ่นติดต่อค้าขายด้วยในช่วงปิดประเทศ เกาะนี้จึงเป็นที่อยู่ของพวกต่างชาติ แต่ตอนนี้มันก็ไม่เหมือนเกาะแล้ว เพรามีสะพานเชื่อมกันหมด แต่มาเดินดูบ้านเมืองเก่าๆ บรรยากาศเก่าๆ ใส่กิมโมโน และยูกาตะเดินเท่ๆ ก็เข้าท่านะ มีอาหารแนะนำให้ไปลอง ไม่รู้เค้าเรียกอะไรแต่โคตรขึ้นชื่อของที่นี่ เป็นสปาเก็ตตี้ผัดซอส มีหมูทอดและข้าวเหลืองๆ คือเน้นแป้ง อ้อ ส่วนของหวานประจำนางาซากิ ห้ามพลาดคือคัสเตลล่า เหมือนซิฟฟ่อนแหละแต่หวานกว่ามากเลย อร่อยดีกินกับชา
แล้วอย่าลืมไปที่สวน Glover Garden กันด้วย ข้างบนนั้นมีบ้านสวยๆของ Glover ให้ดูและวิวเมืองนางาซากิแบบ360 สวยจนปวดฉี่เลยแหละเพราะข้างบนมันหนาวมาก
แล้วนางาซากิเนี่ยมีเกาะคาชิมะ ที่คนไทยเคยไปทำเป็นหนังผีอยู่จำได้มั้ย? ถ้าเวลาไม่พอแนะนำให้ไปพิพิธภัณฑ์เปิดใหม่เกี่ยวกับเกาะคาชิมะ เป็นที่เปิดใหม่และดีงามสัส เพราะทำเป็นดิจิตอลทั้งหมดเลย สวยและใหม่ อยู่ปากทางขึ้น Glover Garden ต้องไปลองดูนะถ้าชอบ บอกเลยว่าจะทึ่งว่าคนญี่ปุ่นนี่หัวคิดดี๊ดี อะไรก็ขายได้หมด ขนาดเกาะร้างๆ ถ่านหินเก่าๆ ยังเอามาสร้างได้เป็นเรื่องเป็นราว
เราแวะไปแช่ออนเซ็นกันที่เมือง Unzen ที่นี่เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ กลิ่นกำมะถันแรงมากถึงมากที่สุด ไข่เน่ายังแพ้ ที่นี่อาจจะมายากสำหรับคนไทย แต่ถ้ามาได้ก็คุ้มมาก เพราะวิวสวยงามและคนญี่ปุ่นชอบมาแช่ออนเซ็นกันที่นี่มาก รอบๆเมืองอุนเซ็นจะมีไอกำมะถันพุ่งออกมาเป็นระยะๆ สามารถไปเดินเล่นถ่ายรูปได้ด้วย เรานอนที่ Fukiya Hotel ดูวิวอาหารเช้าของที่นี่ซะก่อน!
เราออกจากนางาซากิทางเรือ โดยไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ Shimabara คนละ 1000เยน จากนางาซากิไปหาคุมะมงที่คุมาโมโต้
ระหว่างนั่งเรืออย่าลืมซื้อข้าวเกรียบคาลบี้ติดกระเป๋าไปด้วยเพราะนกนางนวลจะบินไปพร้อมๆกับเราจากนางาซากิไปส่งที่คุมาโมโต้ หน้าที่ของเราก็แค่ให้ของว่างเจ้าเพื่อนยากตัวนี้ที่กำลังไปส่งเรา
KUMAMOTO(Aso,Oguni)
เสียใจมากวันที่เราไปในเมืองคุมาโมโต้ไม่ได้เพราะมีแข่งมารราธอนกัน ปิดถนนทั้งเมืองการเดินทางลำบาก ปราสาทเข้าไปดูไม่ได้หรือถ้าเข้าได้ขากลับก็อาจจะออกมาไม่ทันไปที่อื่น เราเลยเปลี่ยนแผนไม่เข้าเมืองคุมาโมโต้ในรอบนี้หวังว่าจะเจอกันอีกเร็วๆ นี้นะ
เราเปลี่ยนไปที่ Aso แทน ที่นี่แนะนำให้มาเลย เพราะมันถูกจริตคนไทยที่ชอบถ่ายรูปมาก ภูเขาไฟ Aso เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ เราไม่แน่ใจว่ามันขึ้นได้มั้ย เราไม่ได้ไปเพราเฉยๆกับภูเขาไฟ แต่เรามีอีกที่นึงที่แนะนำให้ไป เรียกว่า Daikanbo อยู่ฝั่งตรงข้ามกับภูเขาไฟ Aso นั่นแหละ ใครไปช่วงนี้ทุ่งหญ้าสีเหลืองอร่ามบนเขาทั้งลูกรอเราให้ไปแชะภาพได้เต็มที่ นั่ง JR มาลงสถานี Aso แล้วต่อแท๊กซี่มาที่นี่เลยก็ได้ หรือรอบัสเวียนก็มีเหมือนกัน แต่ต้องมานะ จะได้ภาพสวยๆ อย่าลืมกินไอติมกันด้วยของขึ้นชื่อของที่นี่เลยแหละ เราทำรีวิว Daikanbo แยกไว้ ลองเข้าไปดูต่อได้กระตุ้นความอยากเพิ่มร้อยเท่าได้ที่ : https://www.wheredowego.in.th/2016/02/22/2605/
อากาศที่ญี่ปุ่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์หนาวมากนะ เพื่อนๆที่มาควรเตรียมเสื้อผ้าดีๆ ด้วย ใส่ให้ถูกกับสภาพอากาศอย่าคิดว่าเอาสวยเอาเท่อย่างเดียว เสื้อหนาวที่ใส่ ควรมี Baselayer ด้านในที่มี Omni-heat ให้ความอบอุ่นก่อนชั้นนึงก่อนจะสวมเสื้อแล้วค่อยทับด้วยเสื้อกันหนาว แค่นี้ก็อบอุ่นแล้วจริงๆ
เพราะใช้เวลาอยู่ Aso แทบจะทั้งวัน นั่งๆ นอนๆ ฟังเพลงเดินไปนู่นมานี่ก็จะหมดวันอยู่แล้ว 555 เลยแทบไม่มีเวลาไปไหนต่อเลย เราพักกันที่เมือง Oguni ชื่อโรงแรม Hizenya Hotel เป็นโรงแรมบนภูเขาเห็นแว๊บแรกนึกถึง Spirited Away เลย 5555 ถ้ามาพักแถวนี้มีเนื้อขึ้นชื่อว่า Higo Beef ต้องลองมากิน และออนเซ็นที่นี่ก็ดีงามเช่นเคย เมืองนี้อยู่ใกล้ๆกับ Oita ที่เรากำลังจะไปกันต่อ
OITA(Kujyu,Yufuin)
โอ้โห หมาไข่ไก่เห่าเต่าบิน วิวระหว่างทางของเมืองนี้อลังการมาก เราชอบอะไรที่มีหิมะแซมๆ กำลังสวยเลย เราแวะดูสะพานที่สูงเป็นอันดับ 2ของญี่ปุ่นที่กำลังจะครบ 10ปีพอดิบพอดี สูงกว่าก็อกซิล่าอีกนะ คนญี่ปุ่นบอกมา 55555
แล้วเมื่อก่อนเคยคิดว่าจะเล่นสกีที่ญี่ปุ่นคงต้องไปแต่ฮอกไกโก ทางคิวชูไม่น่ามี ที่ไหนได้ที่นี่ก็มีนะจ้ะ เก๋ไปอีก ตั๋ว5000เล่นสกีได้ วิธีมาอะ ยาก
แต่เค้าจะมีขายทัวร์แบบไป-กลับวันเดียวจากสถานี Hakata ใน ฟุกุโอกะมาเลย สนใจหลังไมค์นะเดี๋ยวเอารายละเอียดให้ดู มันเยอะอยู่ 555
เราเดินทางต่อทันทีไปที่เมืองฮอตฮิตเหลือเกินของคนไทยและแทบจะทุกชาติ “Yufuin” เมืองเล็กๆ บนเขาที่โคตรชิลล์ ควรแวะมาทำสปาหรือแช่ออนเซ็นดีๆ ที่นี่ เมืองเล็กๆเมืองนี้เดินได้ทั้งวันแหละ แต่ควรจะมาแต่เช้านะ เพราปิดเร็วมาก ใครที่ชอบของคิขุน่ารักๆ ควรมาอย่างยิ่ง แต่เตรียมเงินไว้เยอะๆ เลย มีหมื่นหมดหมื่นแน่นอน ทั้งสนู๊ปปี้ จิบลิ มูมิน มาหมดทั้งสวรรค์เลย และอย่าลืมไปกินขนมโรลแสนอร่อยที่ร้าน b-speak ควรจองไว้เนิ่นๆ เพราะหมดเร็วมากกกกก เราทำรีวิวและรวมภาพสวยๆ ของ Yufuin ให้ดูเป็นน้ำจิ้มก่อนจะมาเองจริงๆ ไว้ที่ : https://www.wheredowego.in.th/2016/02/25/yufuin-worth-to-visit/
ที่ Yufuin เมืองมันเล็กมากกก พอเย็นปุ๊ปก็มืดสนิท เราพักกันที่ Yasaragi na Yado เป็นโรงแรมในเมือง Yufuin เลยใกล้มาก
และมีออนเซ็นส่วนตัว โอ้โห อลังการงานสร้างมาก ไม่แพงด้วยนะ เห็นแล้วเข่าอ่อน นี่ถ้ามีแฟนแล้วมากับแฟน แม่เอ้ย ได้น้องยูฟุอินไปฝาก พ่อกับแม่แน่นอนค่ะ 5555
Fukuoka (Dazaifu,Kurume)
- โมจิ ศาลเจ้า ผู้ชายและความรัก• มาถึงฟุกุโอกะอยากแนะนำให้เป็นสายบุญก่อนเลยไปที่ศาลเจ้า Dazaifu เค้าบอกว่าทั้งแม่นทั้งเก่าแก่ หนุ่มสาววัยขบเผาะจะสอบเข้าที่ไหนจะต้องแวะมาที่นี่ก่อน เผื่อกามั่วก็ขอให้กาแม่น ที่นี่ร่มรื่นมาก ถ่ายรูปก็สวยยิ่งถ้ามาอากาศหนาวๆ เดินเล่นได้ทั้งวันเลยแหละ มาก็ง่ายแค่นั่งรถไฟไปลงสถานี JR Dazaifu จากทางออกเดินเลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ ก็ถึงเลยแต่ที่แซ่บกว่าการขอพรคือเยื้องๆ ทางเข้าวัดด้านซ้ายมือ มีร้านโมจิร้านนึง ขึ้นชื่อที่สุด คนทำก็แซ่บ ขนมก็เลิศ เค้าเรียกว่า อุเมะกาเอะโมจิ (Umegaemochi) Set ละ 700 เยน มีชาเขียวโคตรขม1แก้ว โมจิโคตรหวาน1ชิ้นและบ๊วยเค็ม2เม็ด กินสลับไปสลับมาเออมันก็อร่อยดี นี่ไม่ได้มโนนะ ต้องลอง
อีกที่นึงที่คนไทยไม่ค่อยไปเพราะไม่รู้และรถไฟไม่ผ่าน แต่คนญี่ปุ่นบอกว่าศาลเจ้านี้เรื่องความรัก “แม่นจริงๆนะก้ะ!” คือศาลเจ้าคามาโดะ (Kamado jinja) แม่นเรื่องความรักที่สุดในโลก อู้ยยยย ขอผัวได้ผัว ขอแฟนสวยก็ได้ ไม่นกแน่นอน ถ้ามีแฟนอยู่แล้วจะขอลูกขอเต้าขอรักยั่งยืนก็ตามสบาย อย่างที่บอกว่ามายาก ต้องเรียก Taxi เท่านั้น บอกว่า “ไปคามาโดะจินจาจ้า” จากศาลเจ้า Dazaifu แค่ 10 นาที นั่งได้4คน 970เยน ถามว่าแพงมั้ยก็แพงแหละ ค่ารถตั้ง300กว่าบาท แต่ถ้าไหว้แล้วกลับไปได้เลย..ก็คุ้มนะแก๊
เราไปแวะเก็บสตรอเบอร์รี่กันที่เมือง Kurume กันต่อที่เมืองนี้คงเหมือนฝางที่เชียงใหม่ หรือไม่ก็ระยอง เป็นเมืองผลไม้ตลอดทั้งปี บางช่วงเป็นบลูเบอร์รี่ พีช แพร องุ่น แต่ช่วงนี้เป็น…สตรอเบอร์รี่! เราแวะที่สวน Nakano Fruits Garden คุณลุงสอนว่าจับผลไหนให้กินผลนั้นทันที เริ่มกินจากปลายไปที่โคน พันธุ์เด็ดของคิวชูชื่อว่า Amaou(อามะโอ) ที่นี่กินได้ตามที่กินไหวในราคา 1500 เยน 30นาที ใครชอบสตรอเบอร์รี่ควรมาลองมาก
วกกลับเข้าไปในเมืองฟุกุโอกะ เราแวะไปไหว้เจ้าที่ศาจเจ้า Kushida และ วัด Tocho-ji เป็นวัดชื่อดังและศาลเจ้าเก่าแก่ก่อนไปช๊อปปิ้ง และใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยๆ แนะนำให้ซื้อสมุดเล่มนึงเรียกว่า “โกชืออินโจ” เป็นสมุดแสตมป์ที่ระลึก คือเป็นสมุดเปล่าๆ 1 เล่ม เวลาไปเที่ยววัดไหนก็เอาไปให้เค้าแสตมป์ให้ว่ามาเที่ยววัดนี้แล้วนะ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 1000-2500 เยน แล้วแต่ความสวยงาม ซื้อได้ตามศาลเจ้าทั่วไปเลย เราก็มีเล่มนึงเหมือนกัน ;)
ถามถึงแหล่งช๊อปในฟุกุโอกะบอกตามตรงว่าไม่สันทัด 5555 เราไปมาแค่ 2 ที่แค่นั้นคือที่สถานี Hakata จะมีพวกร้านของถูก100เยน daiso,Shimamura เป็นของคุณภาพดีราคาประหยัดที่หาซื้อได้ง่ายๆ และอีกที่ก็คือที่ Tenjin ย่านนี้จะเยอะหน่อย พวกของการ์ตูนมังงะ วันพีช โปเกม่อน จะอยู่ในห้าง Parco ด้านบนสถานี Tenjin ชั้น 7 ส่วนรอบๆ ของช๊อปปิ้งก็เยอะแยะ เดินดูเดินเล่นได้ตามสบายเลยแหละ ปิดดึกอยู่เหมือนกัน
เราแวะไปกินข้าวเย็นที่ร้าน Zauo เป็นข้าวเย็นกินยากมาก เค้าทำร้านเป็นเรือใหญ่ๆ แล้วก็เอาน้ำใส่รอบๆ เป็นทะเล นั่งกินบนเรือ ก่อนจะกิน ปลาดิบจะต้องตกเอง 55555555 ถ้าให้เค้าตกให้ ค่าปลาจะแพงกว่าตกเอง แล้วเราก็ต้องเป็นคนตก ถ้าตกไม่ได้ที่เหลือก็อดกิน ทุกโต๊ะเข้ามาต้องตกหมดทุกโต๊ะ ถ้าอยากกิน แล้วพอตกได้ปุ๊ป นางจะตีกลอง ตีแรงๆ ดังๆ ป่าวประกาศว่า “โต๊ะ 3 คนชื่อเป้ซัง ตกปลาได้แล้วค้า เรามาร่วมแสดงความยินดีนะคะ ปรบมือค้า” แล้วโต๊ะอื่นๆ ก็จะเฮ้ ลุกมาปรบมือ เขินมาก อื้อหือออ เล่นใหญ่อีกแล้ว อะไรอะ!! 5555555
แล้วทีนี้ปลาที่ตกมาเนี่ย เป็นซาซิมิกระพงแดง แม่งเอามาให้กินดิบทั้งตัวเลย เราก็ไม่กินกัน มันเลี่ยน เลยบอกว่าให้เอาไปย่างหรือทอดให้หน่อย555(เหมือนร้านจีนไง เป็ดปักกิ่ง เอาเนื้อไปรวนงี้) แต่คนญี่ปุ่นงง บอกขอปรึกษาพ่อครัวก่อน นี่ยังไม่เคยเอาเนื้อปลาดิบไปย่างมาก่อน แค่ย่างปลายังต้องถามก่อนอะ งงมากกกก สนุกนะ ตลกดี มีสีสันๆ
เราลองไปร้านคาราโอเกะแบบที่คุณโนฮาร่าพ่อของชินจังชอบไปมาด้วย คาราโอเกะที่นี่เพลงฝรั่งก็เยอะ ไม่แพงด้วย ชั่วโฒงนึงประมาณ 650 เยน แต่จะแพงค่าเหล้าและเครื่องดื่มที่บังคับสั่งทุกคน คนละ 1 แก้วมากกว่า เพลงฝรั่งฮอตฮิตของคนญี่ปุ่นคือเพลงดิสนีย์เกือบทั้งหมด เอลซ่า อะลาดิน แอเรียลมาหมด!!
ก่อนปิดท้ายคิวชูด้านการไปนั่งกินราเมงและเนื้อย่างตามร้านข้างทางที่เรียกว่า ยะไต(Yatai) คนญี่ปุ่นบอกว่า ร้านแบบนี้เอาไว้กินหลังจากไปสังสรรค์เสร็จ บางอย่างกินตามร้านใหญ่ๆถูกกว่านั่งกินข้างทางแบบนี้ แต่ถ้ามาถึงที่ก็อยากให้ลองเพราะมันได้ฟีลจริงๆ นะเว้ย
คิวชูของเราอาจไม่ได้ใสใส มีแต่เรื่องราวน่ารักเหมือนคนอื่น ของเราเน้นธรรมชาติและที่ๆไปยากๆ หวังว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้คนมาเที่ยวคิวชูกันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ คนที่นี่น่ารักมาก ดีงามมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆก็รักที่นี่… คิวชู
ก่อนกลับจากญี่ปุ่นเรามีเรื่องน่าประทับใจมาเล่าให้ฟัง นี่เป็นอีกเรื่องเล็กน้อยที่โคตรทรงพลังสำหรับผู้โดยสาร!
ขากลับจากฟุกุโอกะ กราวน์ที่เช็คอินเป็นของANA นางสุภาพมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ชวนคุยด้วยเยอะ ‘มาครั้งแรกหรอคะ ชอบมั้ยคะ ไปที่ไหนมาบ้างเอ่ย ชอบที่ไหนที่สุด แล้วจะมาญี่ปุ่นอีกมั้ยคะ มาเที่ยวญี่ปุ่นอีกบ่อยๆ นะคะ ดีใจที่ชอบค่ะ’ เราก็คุยเม้าท์ๆ ไปเรื่อยนั่นแหละ สนุกดีออก และที่สำคัญกระเป๋าน้ำหนักเกินนิดหน่อยด้วย เลยชวนคุยเฮฮา อ้อร้อไป เผื่อนางเห็นใจไม่คิดตังค์เพิ่ม พอเช็คอินเสร็จก็คุยจบพอดี แล้วก็บอกลากันไป
ตัดภาพมาอีกทีตอนอยู่บนเครื่อง.. ขึ้นปุ๊ปก็หลับเลย ตื่นมาอีกทีดูกระเป๋าหน้าที่นั่ง มีโปสการ์ดใบเล็กๆ กับลูกอม 2เม็ดใส่มาในซอง เป็นการ์ดจากกราวน์สตาฟคนนั้น เขียนให้ “ดีใจที่ได้ยินว่าคุณสนุกกับการเที่ยวญี่ปุ่น อยากแนะนำให้ครั้งหน้าไปเกียวโต โอซาก้า หวังว่าครั้งหน้าจะได้เจอกันอีกนะคะ เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ” โอ้โหหหหห ปีติไปอีก 555555555555555 คิดในใจ คือสายการบินคงให้นางทำแน่ๆ อาจจะเป็นแคมเปญ สุ่มเลือกแล้วเขียนให้งี้มั้ง เราเลยถามแอร์ว่า นี่เป็นแคมเปญพิเศษหรอ น่ารักจัง แอร์ก็งงถามว่าอะไรหรอคะ เราก็ให้ดู ‘เนี่ยโปสการ์ด’ แอร์ก็ถามเค้าเขียนว่าอะไรหรอ นี่เลยเอาให้ดูอีก แอร์บอกว่าไม่นะคะ นี่ครั้งแรกที่เจอแบบนี้ เค้าฝากมาให้ ก็นึกว่ารู้จักกันซะอีกกกกกกกก
สรุปนางเขียนให้ด้วยตัวนางเองแหละ คือคนที่นี่แม่งมีโมเม้นแบบนี้เยอะมาก บางทีก็งงอะไรจะคิ้วและปลื้มใจขนาดนั้นวะแต่ก็ดีนะ นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่มีคุณค่าจริงๆ
รักคิวชูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ :)
