ย่างกุ้ง เป็นเมืองที่เราไปมาแล้วหลายรอบตั้งแต่สมัยต้องถือพาสปอร์ตไปทำวีซ่าราคาหลักร้อยแถวๆ สาทร จนเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เข้าย่างกุ้งกันง่ายขึ้นเพราะแค่พาสปอร์ตเล่มเดียวก็อยู่ได้นานมากถึง 14 วัน ไม่ว่าจะมากี่ครั้ง ที่นี่เจริญขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเด็กสาวกำลังโต แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยคือรอยยิ้มของคนพม่าไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ดูเอื้อเฟื้อและละมุนละม่อมกับคนอย่างเราเสมอเวลาบอกว่ามาจากประเทศไทย :)
Feel Unique Fly boutique with Bangkok Airways
เราออกเดินทางกับบางกอกแอร์เวยส์ ซึ่งมีเที่ยวบิน บินตรงจากกรุงเทพ(สุวรรณภูมิ) – ย่างกุ้ง มากถึง 4 เที่ยวบินต่อวัน ด้วยเครื่องบินแบบ A320 A319 และ ATR72 ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าเดี๋ยวนี้เราจะสามารถไปเที่ยวย่างกุ้งได้แบบเช้าเย็นกลับ หรือไปค้างซักคืนไหว้พระไหว้เจ้าให้คุ้มหัว หรือขอพรที่ไม่สำเร็จซักที เอ้าไปค่ะ! ย่างกุ้งรออยู่เลยถ้างั้น 5555
และความพิเศษของบางกอกแอร์เวยส์อย่างที่รู้กันดีและชอบกันมากคือมี Lounge สำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่งไม่ว่าจะบินชั้นธุรกิจหรือชั้นประหยัดก็สามารถเข้าไปเอ็นจอยอีตติ้งเพลิดเพลินกับอาหารใน Lounge ก่อนขึ้นเครื่องได้ง่ายๆ และพอขึ้นไปบนเครื่องแล้วยังบริการด้วยอาหารร้อนอีกด้วยเน้ออ แจกเยอะอย่างกับรถทัวร์เลยอะ 55555 ทำให้ชั่วโมงนึงในการเดินทางจากกรุงเทพมาย่างกุ้งสั้นกุ๊ดไปเลยแหละ
รอบนี้เราแพลนไว้หลวมๆ แบบชิวมาก คือตั้งใจมาไหว้มหาเจดีย์ชเวดากอง ออกไปเจดีย์กลางน้ำที่เยเลพญา กระซิบข้างหูเมี๊ยะนานหน่วย และนั่งรถไฟเล่นรอบย่างกุ้งแบบคูลๆ 5555 ตั้งใจมาแค่นี้จริงๆ เลยพยายามทำทุกอย่างให้สะดวกสบายและชิวที่สุด เหมาะสำหรับคนที่อยากมาย่างกุ้งซ้ำอีก หรือจะมาครั้งแรกก็ได้!
เราออกไปเที่ยวเจดีย์เยเลพญาที่เมืองสิเรียมกันก่อน ที่นี่เป็นเจดีย์ที่มอญสร้างขึ้นมาเป็นพันๆ ปีแล้ว ตั้งอยู่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำพอดี เพราะฉะนั้นจะต้องนั่งเรือข้ามไปเจดีย์ที่อยู่กลางน้ำ ซึ่งมีเรือเวียนรับ-ส่งตลอดไม่ต้องกลัวหลงเลยเพราะคนพม่าใจดี ก็เดินตามๆ นางกันไปนั่นแหละ ที่นี่คนนิยมมาไหว้มาก เพราะเมื่อก่อนแถวนี้เค้าเล่าว่าเป็นศูนย์กลางของการค้าขายเลยไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าความฮอตฮิตของที่นี่คือการมาไหว้ขอพรให้กิจการรุ่งเรือง เงินทองกองเต็มบ้านค่า
เราไปช่วงวันหยุดพอดี เลยเห็นวัยรุ่นพม่าออกมาเที่ยวกันเต็มวัดไปหมด ทั้งผู้ใหญ่และลูกเด็กเล็กแดง มันเป็นภาพที่น่ารักมากนะ
เราแนะนำให้กลับมาไปเจดีย์ชเวดากองตอนบ่ายแก่ๆ และอยู่ที่นั่นจนถึงพระอาทิตย์ตก แม้ว่าคนจะเยอะเหมือนมดเดินขวักไขว่กันเต็มลานเจดีย์แต่บอกเลยว่าจะได้ฟีลลิ่งที่สงบอะ มันเป็นเข้าความรู้สึกเหมือนได้มาเข้าใกล้ผู้ใหญ่ และเห็นวิถีชีวิตที่ศรัทธามากๆ ของคนพม่าที่มีต่อเจดีย์ชเวดากอง และอย่าลืมหาพระประจำวันเกิดตัวเองที่ตั้งอยู่รอบๆ ฐานเจดีย์ให้เจอแล้วเข้าไปสรงน้ำด้วยนะ
เจดีย์ชเวดากองนี่เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของคนพม่าเลยนะ แม้แต่คนพม่าเองบางคนก็ตั้งใจไว้ว่าชีวิตนี้อยากมากราบไหว้ให้ได้ซักครั้งในชีวิต
Novotel Yangon Max Hotel
เราให้รางวัลตัวเองแบบสวยๆ ด้วยโรงแรม 5 ดาวใจกลางเมืองย่างกุ้งค่ะ 555 อย่าง Novotel Yangon Max Hotel พูดกันตรงๆ ว่า พม่าน่ารักและดีสำหรับเราเสมอ ยกเว้นอย่างเดียวเลยจริงๆ คือ อาหารพม่า ที่ไม่เคยถูกปากเราเลย แต่การเลือกนอนที่นี่อย่างน้อยก็อุ่นใจว่ามีร้านอาหารจีนอยู่ภายในโรงแรมแถมอร่อยด้วยนะ และห้องอาหารเช้าอย่าง The Square ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Novotel ก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย เพราะมีทั้งอาหารท้องถิ่น และแบบ Continental Buffet หลายชาติ เอ้ออ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด อร่อยแบบอร่อยมากจริงๆ และห้องพักของที่นี่ไม่ได้แพงแบบคืนเป็นหมื่นสองหมื่น แต่แค่หลักพันเท่านั้น ไม่ได้เกินตัว เราเลือกพักได้แบบสบายกระเป๋าและสะดวกสบาย และใกล้กับสนามบินแค่ 20 นาทีเท่านั้นเองนะ
และมาถึงย่างกุ้งอย่าลืมแวะไป โบตาทาวน์กันด้วยนะ ที่นั่นมีหลวงพ่อทันใจที่ใครๆ ก็บอกว่าขออะไรก็สมหวังไปซะทุกเรื่องตั้งอยู่ แต่วันที่เราไปนั้นคนเยอะมากจนเข้าไม่ถึงและต้องต่อคิวนาน เลยเดินไปหาเมี๊ยะนานหน่วยแทน หรือคนไทยเรียกว่าเทพกระซิบ เป็นหญิงสาวที่สวยมากๆ คนพม่าเชื่อกันว่าได้ไปกระซิบข้างหูท่านว่าอยากได้อะไร สิ่งที่ขอก็จะเป็นจริง
และถ้ายังพอมีเวลาอย่าลืมแวะไปสักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือพระตาหวาน ซึ่งเป็นพระนอนองค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่าเลยแหละ
ก่อนกลับเราแวะไปสถานีรถไฟย่างกุ้ง รถไฟที่อังกฤษมาสร้างให้สมัยเป็นอาณานิคมเป็นรถไฟที่สร้างแบบเป็นวงกลมไว้เดินทางในตัวเมืองย่างกุ้ง รถไฟสายในเมืองเลยจะวิ่งวนลูปเป็นวงกลม นั่งไปแค่ 3 สถานีประมาณ 5 บาทเท่านั้น เราเลยมาลองนั่งสัมผัสชีวิตคนพม่าแบบคูลๆซะหน่อย บอกเลยว่ามันสนุกมากกกกก
เพราะเราเองก็ตื่นตาตื่นใจกันบรรยากาศบนรถไฟ ส่วนนบนรถไฟก็ตื่นเต้นกับนักท่องเที่ยวแบบเรา และไม่ต้องกลัวสื่อสารซื้อตั๋วไม่รู้เรื่องเพราะคนพม่าพอจะพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง ทำให้การซื้อตั๋วนั้นง่ายไปเลยจ้า
เราจะเห็นวิถีชีวิตที่เรียบร้อยและรอยยิ้ใต้แป้งทานาคาที่แตกทุกๆ ที่ ทำให้เวลาผ่านไปเร็วมากๆ ในย่างกุ้ง ที่นี่อาจจะไม่ใช่ที่ๆ เต็มไปด้วยแสงสีอู้ฟู่ หรือย่านช็อปปิ้งที่เดินกันจนมันส์ แต่ที่นี่เป็นตัวของตัวเอง มีวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ ย่างกุ้งเป็นเมืองที่มาเที่ยวนานๆ ก็จะชอบ หรือเวลาน้อยเที่ยวแปปเดียวก็จะรักเหมือนกัน เลยไม่แปลกใจกับตัวเองเลยว่าทำไมถึงมาที่นี่ได้บ่อยๆ เพราะมันน่ารักมากจริงๆ :)