เที่ยวฟุกุโอกะ ฟินแบบสามวันเต็ม! อีกหนึ่งเมืองในภูมิภาคคิวชูที่มีเสน่ห์และกลับไปเมื่อไหร่ก็ฮีลใจเสมอ ครั้งนี้เราพาไปสำรวจฟุกุโอกะผ่านมุมมองคลาสสิก เดินชิลตัวปลิวไปชมปราสาทโบราณ หมู่บ้านเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องออนเซน ก่อนเปิดหูเปิดตารับความสดชื่นไปกับธรรมชาติของไร่ชาสุดอลังการ จิบชาเขียวขึ้นชื่อ และเก็บสตรอเบอร์รี่ยักษ์กินสด ๆ จากไร่ กับ 13 โลเคชั่นที่คนยังไม่ค่อยรู้จักแต่อยากให้ลองหาโอกาสไปสักครั้ง
บินตรงจากกรุงเทพฯ – ฟุกุโอกะ แบบ Premium Economy บริการแบบใหม่จากการบินไทย ที่นั่งกว้าง อาหารอร่อยจัดเต็ม พร้อมสิทธิพิเศษขึ้นเครื่องก่อนใคร หลับสบายตื่นมาพร้อมลุยเที่ยวได้เลย!
เที่ยวฟุกุโอกะ ทริปนี้ดีใจมากที่การบินไทยเปิดใช้บริการ Premium Economy แล้ว 3 เส้นทางหลัก คือ ฟุกุโอกะ เดลี และมุมไบ แถมกำลังจะเพิ่มเส้นทางอื่น ๆ อีกในอนาคต โดยเป็นเครื่องบินแบบ A330-300 ที่มาพร้อมที่นั่งกว้างกว่าเดิม เพราะเค้าเรียงที่นั่งแบบ 2-4-2 แถมปรับเอนเบาะได้เยอะขึ้น นั่งสบายไม่อึดอัด ไม่มีอะไรดีต่อใจกว่าการได้นอนหลับยาว ๆ บนเครื่อง แล้วตื่นมาเที่ยวแบบเต็มอิ่มแล้ว
บริการนี้ยังได้ขึ้นเครื่องก่อนใครผ่านช่องเช็คอินพิเศษทั้งที่สุวรรณภูมิและฟุกุโอกะ โหลดกระเป๋าได้มากถึง 35 กิโล พร้อมติดแท็กกระเป๋าแบบ Priotity (จะได้กระเป๋าออกมาก่อนใคร)

เมนูอาหารก็มีให้เลือกแบบพรีเมียมมากขึ้น ทั้งขนม เครื่องดื่มจัดเต็มตลอดทั้งไฟลท์ แถมยังมี Amenity Kit รักษ์โลกจาก Kenneth Cole ให้ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง ที่ชอบแม้จะเป็นไฟล์ท 6-7 ชม แต่มีทั้งมื้อหลักและของว่าง เสิร์ฟไอศกรีม Häagen-Dazs และช็อคโกแลตเจ้าดังจาก Kanvela ที่เราชอบเป็นทุนเดิมฟินสุด ๆ
ส่วนไฟล์ทนี้เวลาดีงาม
ขาไป TG 648 BKK (01.00)-FUK (08.10)
ขากลับ TG 649 FUK (11.40) – BKK (15.40)
จองตั๋วราคาดีได้ที่ www.thaiairways.com เตรียมเช็กลิสต์ที่เที่ยว แล้วออกเดินทางไปเที่ยว Fukuoka พร้อมกันได้เลย

01 Akiyama Engei Strawberry Farm
เริ่มกันที่วันแรก พอถึงฟุกุโอกะตอนเช้าตรู่ เราก็มุ่งตรงไปที่ ‘Akiyama-Engei Strawberry Farm’ ฟาร์มเล็ก ๆ น่ารักในเมือง Koga ที่ปลูกสตรอเบอร์รี่สายพันธุ์ Amaou (อามาโอะ) สายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจนเป็นที่รู้จักในฐานะสตรอว์เบอร์รี่ชั้นนำในจังหวัดฟุกุโอกะ เรียกว่าเป็น King of Strawberry เลยก็ว่าได้ เพราะลูกใหญ่เต็มไม้เต็มมือ สีแดงสดเนื้อหวานฉ่ำน่ากินสุด ๆ

ภายในฟาร์มจะมีโรงเพาะ ให้เราสวมบทสาวชาวไร่ใส่รองเท้าบูท เก็บสตรอเบอรี่สดแบบสวย ๆ ทานได้ไม่อั้นภายใน 30 นาที ถ้าใครอยากไปเก็บสตรอเบอร์รี่เองสด ๆ ที่นี่เปิดให้บริการแค่เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นที่ 080-1705-3946
Noted
ราคาผู้ใหญ่ 2,500 เยน
ราคานักเรียนประถมศึกษา 2,000 เยน
ราคาเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป 1,500 เยน
02 Kokura Castle
พอช่วงสาย ๆ ก็ไปชมปราสาทโบราณ Kokura Castle ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการ และที่อยู่อาศัยของเจ้าเมืองตระกูลโองาซาวาระที่ทรงอิทธิพลในยุคนั้น ซึ่งมีอายุกว่า 400 ปี ยิ่งใหญ่สมฐานะ

ตัวปราสาทจะดูเหมือนมี 4 ชั้นแต่ที่จริง ๆ ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่าด้านในมี 5 ชั้น ความพิเศษที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้ไม่เหมือนใคร และเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องมาเที่ยวสักครั้ง ก็เพราะว่าเราจะได้เห็นเสาโทริอิที่ปกติพบเห็นในศาลเจ้าชินโต อยู่คู่กับปราสาทที่เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์แทน
บริเวณปราสาทจะรายล้อมด้วยสวน และทะเลสาบเล็ก ๆ เล็ก ๆ แทรกตัวอยู่ อากาศค่อนข้างดี ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวซากุระที่ห้ามพลาดในคิวชูเลย และเพิ่มความอิน อิงประวัติศาสตร์เข้าไปอีก เพราะเจ้าหน้าที่จะแต่งชุดซามูไรเสมือนเป็นเจ้าบ้านออกมาต้อนรับ

และอีกหนึ่งกิจกรรมห้ามพลาด นอกจากชมความสวยอลังการของปราสาท ด้านในเค้ายังมีพิธีชงชาแบบดั้งเดิมให้เราเรียนรู้ขั้นตอนต่าง ๆ ด้วย ซึ่งทุกคนรู้โลกรู้ว่าญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถัน และพิธีรีตองในการชงชาที่ผสมผสานทั้งความสงบ และรสชาติที่ดีไว้ด้วยกัน ระหว่างชงก็จะได้กลิ่นชาเขียวหอมฟุ้งเข้ามาแตะจมูกตลอดพิธี

Noted
กิจกรรมนี้ไม่ต้องจองล่วงหน้า สามารถ Walkin ได้เลย แต่ถ้าใครกลัวคนเยอะ ก็จองล่วงหน้าได้ที่ 093-582-2747
03 Tanga Market
ตลาดอาหารที่ซาซิมิถูกและอร่อยมากกก ไม่ไกลจากปราสาทโคคุระ จะเป็นตลาดเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ ค.ศ. 1913 ถึงทุกวันนี้ ก็นับว่าเป็นเวลาเกือบ 100 ปี ที่มอบความอร่อยให้กับชาวญี่ปุ่นเสมอมา มีสารพัดของขาย ทั้งของสด ของแห้ง อาหารทานเล่น ไปจนถึงขนมกุ๊กกิ๊ก ร้อยกว่าร้าน แต่ต้องรีบไปหน่อยนะเพราะเค้าจะปิดไว

ส่วนปลาดิบในภาพก็สดและราคาดีมากกกกจนอยากเบิ้ลสอง กลับจากตลาดแบบอิ่มท้องสบายกระเป๋า ดูน้อยลง
Noted
เปิดทุกวัน 07.00-16.00 น. (บางร้านจะปิดไว)
เดินต่อจากปราสาทโคคุระได้เลยประมาณ 10 นาที ดูน้อยลง
04 Mojiko Beer Factory Restaurant
ร้านข้าวแกงกระหรี่ชีส ที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่น-อเมริกันไว้ด้วยกัน ทริปนี้บอกแล้วว่าเราจะได้เจอควมคลาสสิกตลอดทาง แม้จะเดินเข้ามายังร้านเบียร์ก็ตาม! เบียร์ Mojiko ถือเป็นหนึ่งในเบียร์คราฟต์ที่ได้รับความนิยมในเมืองคิตะที่ไม่ธรรมดาไก่กาอาราเล่! จะมาเป็นเบียร์เหมือนกันไม่ไ่ด้ เพราะเค้าได้รางวัลจากการแข่งขันเบียร์คราฟต์ในญี่ปุ่น และการยอมรับจากนักชิมเบียร์กันเลยทีเดียว

แต่ในร้านก็จะมีเบียร์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Weizen, Pale Ale, Sakura Beer, Pilsner ดูง่ายเค้ามีเมนูพร้อมกราฟฟิคอธิบาย แถมราคาน่ารักแก้ว Regular ก็ร้อยต้น ๆ เอง กินกับข้าวแกงกะหรี่ชีสจานร้อน เสิร์ฟคู่กับซุปข้าวโพดคืออร่อยฉ่ำแบบมอบมง

Noted
เปิดทุกวัน 11.00-22.00 น.
ร้านจะอยู่แถวตึกหัวมุมใกล้ ๆ กับสะพานที่เป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมของเมือง
05 Roppokan at Harazuru Onsen
สำหรับ Harazuru Onsen เป็นเหมือนหมู่บ้านและแหล่งออนเซ็นที่ใหญ่ที่สุดในฟุกุโอกะ จุดเด่นของที่นี่จะเป็นน้ำพุที่มีกำมะถัน และสภาพความเป็นด่างอ่อน ๆ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส

ที่นี่จะมีที่พักหลายแบบให้เลือก ซึ่งที่พักที่เรานอนในคืนนี้เป็นเรียวกังชื่อ ‘Roppokan’ ที่พักแบบเรียวกังดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในเมืองอาซาคุระ ที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมและความโมเดิร์นที่สะอาดตาไว้ด้วยกัน สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำจากในห้องพักเลย
วิวจากห้องมองออกไปเห็นแม่น้ำและภูเขากว้างสบายตา เหมือนเพิ่งรีโนเวทใหม่ได้ไม่นาน สะอาดสะอ้านไม่อับชื้นเลย แถมมี Onsen ส่วนกลางทั้งแบบ Indoor และ Outdoor รวมถึง Private Onsen ให้แช่แบบสบายตัวด้วย

สำหรับอาหารเย็นที่นี่จะเป็น Kaiseki แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม จัดเตรียมแบบประณีตสวยงามไว้เป็นเซ็ต ซึ่งวัตถุดิบก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเพื่อความสดใหม่

Day 2
06 Koura Taisha Shrine
ปักหมุดไว้ได้เลย เพราะนี่คือศาลเจ้าที่มีวิวบันไดปัง ๆ สูงลิบที่มองลงไปเห็นวิวสวยของคุรุเมะทั้งเมืองได้แบบเต็มตา ‘Koura Taisha Shrine’ เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในคิวชู ตั้งอยู่วิวสวยของบนเทือกเขามิโน ประวัติยาวนานตั้งแต่ ค.ศ. 400 สายมูต้องมาเพราะเค้าขึ้นชื่อเรื่องการขอพรให้โชคดี อายุยืนยาว และขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป

จุดนี้ก็จะสามารถมองลงไปเห็นวิวเมืองสวย ๆ ได้ หลังจากที่เดินขึ้นบันไดหินมากว่า 785 ขั้น! พกยาดมไว้ได้เลย ไม่รู้ว่าพรกับหน้ามืดอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน

ซึ่งพอถึงด้านบนศาลเจ้าหลักก็สวยงาม สงบ สมกับที่เดินขี้นมา ช่วงเดือนมิถุนายนเค้าก็มีเทศกาลเฮโกะคากิ คนในงานจะสวม ‘เฮโค’ ผ้าเตี่ยวสีแดง เดินข้ามแม่น้ำชิคุโกะไปยังศาลเจ้าโคระไทฉะ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลด้วย
07 Yame Central Grand Tea Garden
เปิดหูเปิดตารับความสดชื่นไปกับธรรมชาติของไร่ชาสุดอลังการ จิบชาเขียวขึ้นชื่อที่ ‘Yame Central Grand Tea Garden’ ที่นี่เป็นไร่ชาขนาดใหญ่กว่า70 เฮกตาร์ ช่วงปี ค.ศ.1969-1973 ได้รับการพัฒนาให้เป็นไร่ชาในโครงการนำร่องของจังหวัดฟุกุโอกะ มีการสร้างจุดชมวิวรวมถึงคาเฟ่สวย ๆ บนยอดเขา ทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักอย่างกว้างขวาง

ด้านบนอากาศดีมาก นั่งมองวิวสวย ๆ ไม่เบื่อเลย ถ้ามาช่วงเช้า ๆ ก็จะเห็นไร่ชากว้างสุดสายตา อากาศดีได้จิบชาเขียวหอม ๆ ไปด้วย ยิ่งฟินนนนน ซึ่งที่นี่เค้าจะมีทั้งโซนคาเฟ่ และร้านขายของฝากเกี่ยวกับชาเขียว มาถึงประเทศที่ชาเขียวขึ้นชื่อขนาดนี้ ก็ต้องขอเหมากลับบ้านเยอะ ๆ เลย

08 Ocaha Mura
ไปไร่ชามันยังไม่หนำใจ เพราะมาถึงฟุกุโอกะทั้งที ขอพาไปเช็กอิน ‘Ocaha Mura’ กันต่อ เป็นร้านชาเขียวสองชั้นตกแต่งแบบไม้ ๆ ชวนอบอุ่น ด้านบนจะเป็นมุมกระจกบบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นวิวภูเขากว้าง

ร้านนี้จะขายชาและขนมหวานที่ทำจากชาโดยเฉพาะ เมนูไฮไลต์ต้องยกให้ Matcha Frostino ชาเขียวปั่นรสชาติเข้มข้นกลมกล่อมจากใบชาเกรดพรีเมียม ท็อปด้วยครีมนุ่ม ๆ อร่อยมาก และยังมี Matcha Basque Cheesecake ชีสเค้กทำจากชาเขียวแท้ ๆ เสิร์ฟพร้อมครีมสด รสชาติกลมกล่อมหอมทั้งชีสและชาเขียวแบบกำลังดี ถ้าได้สั่ง Matcha Parfait มากินคู่กันรับรองชื่นใจ

09 Morino Hanare
ความคลาสสิกของฟุกุโอกะยังไม่หมดเท่านี้ ถ้ายังไม่ได้จิบสาเกในโรงกลั่นดั้งเดิมของ ‘Mori no Kura’ ซึ่งเป็นโรงกลั่นสาเกที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1898 บรรยากาศร้านเหมือนบ้านญี่ปุ่นสมัยก่อน เเต่พอเข้าก็ได้ฟีลอบอุ่น สบาย ๆ มีที่นั่งเคาน์เตอร์บาร์ที่มองออกไปเห็นสวนญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่เหมาะแก่การนั่งชิลจิบสาเก


บรรยากาศในร้านสบาย ๆ จิบสาเกแบบมินิมัล ทางร้านจะมีขวดสาเกตั้งเรียงรายหลายแบบให้ลองชิม โดยจะเป็นสาเกที่ผลิตในโรงกลั่น เสิร์ฟพร้อมขนมหวานที่ทำขึ้นเอง ถ้าชิมแล้วติดใจก็สามารถซื้อกลับมาเป็นของฝากได้
10 Lyf Tenjin Fukuoka
เรากลับเข้าเมืองมาพักกันที่ ‘Lyf Tenjin Fukuoka’ อยู่ในย่านเก๋ ๆ อย่างเทนจิน เป็นโรงแรมสไตล์ Coliving สไตล์โมเดิร์น ๆ ที่อยู่ใกล้กับแหล่งช้อปปิ้งและสถานีรถไฟใต้ดินเทนจิน เดินไปดองกิ 5 นาทีเริศไม่ไหววว


เรียกได้ว่าสะดวกสบาย ค่าห้องไม่แพง เน้นพื้นที่ส่วนกลางปัง ๆ ให้ใช้ สามารถใช้ครัวส่วนกลาง, ตู้เย็น, เตาไฟฟ้า, Co-Working Space และห้องสำหรับซักผ้าได้ ส่วนขนาดห้องพักไม่เล็กไม่ใหญ่ เอาเป็นว่าวางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เราได้ก็สบาย ถ้าพักหลายวันที่นี่เหมาะแนะนำเลย

Day 3
11 Itoshima
ส่งท้ายก่อนกลับด้วยการนั่งรถไฟห่างออกไปแค่หนึ่งชั่วโมง เพื่อไปยังเมืองอิโตะชิมะ เมืองเล็ก ๆ ติดชายทะเลที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ ก็จะได้เห็นชายหาดทอดยาว ร้านอาหาร คาเฟ่ และจุดท่องเที่ยวถ่ายรูปสวย ๆ ในอีกไวป์นึง ซึ่งวัยรุ่นญี่ปุ่นชื่นชอบกันมาก ๆ จะเห็นจากภาพสวย ๆ ที่อัพลง IG กันเพียบจนอยากตามรอย

ส่วนเรามีภารกิจตามหาหินคู่รักกลางทะเลที่โด่งดัง ซึ่งพอได้เห็นของจริงบรรยากาศของหาดทรายสวย ๆ น้ำทะเลใสแจ๋ว และทิวทัศน์ที่สวยงามตามฉบับของญี่ปุ่น ก็ส่งให้เสาโทริอิสีขาว และหินคู่รักกลางทะเล สวยโดดเด่นขึ้นมาเลย
ถ้าสังเกตจะเห็นหินใหญ่สองก้อนถูกผูกติดกันด้วยเชือกศักดิ์สิทธิ์ ‘Shimenawa’ เป็นสัญลักษณ์ของการแต่งงานที่มาของชื่อนั่นเอง นอกจากนี้หากเดินไปตามถนนเลียบชายหาด ที่เรียกว่า ‘Sunset Road’ ก็จะมีจุดถ่ายรูปน่ารัก ๆ อีกเพียบ

12 Hakata Station
กลับเข้าเมืองมายัง ‘Hakata Station’ สถานีหลักของฟุกุโอกะที่เชื่อมกับรถไฟทั่วประเทศ ก็มีพิกัดให้เดินเล่น เช็กอินร้านอาหาร คาเฟ่ และช้อปปิ้งเพียบ ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ชินชื่อราเมนฮากาตะที่โด่งดัง ที่นี่แหละคือย่านต้นตำรับของฮากาตะราเมน น้ำซุปกระดูกหมูสีขาวขุ่นรสชาติเข้มข้นที่ใคร ๆ ต่างประทับใจ อย่าลืมไปหาชิมกันนะ


13 Yatai
ใครที่ชื่นชอบอาหารสตรีทฟู๊ด สุ่มร้านที่ชอบ เมนูที่ใช่ ขอแนะนำให้มาสัมผัสวัฒนธรรมการกินอาหารแบบร้านแผงลอยของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ‘Yatai’ ซึ่งถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของฟุกุโอกะเลยก็ว่าได้ ที่ซุ้มร้านอาหารหรือรถเข็นต่าง ๆ จะพากันมาตั้งเรียงกันเป็นตับให้เราสุ่มเข้าไปนั่งกิน ยืนกินแบบชิล ๆ เน้นสั่งง่าย ได้ไว อร่อยแทบทุกร้าน


ใครอยากลอง ต้องแวะมาที่ย่าน Nakasu Icchome เมนูที่ฮิต ๆ ทานง่าย ก็จะเป็น ราเมน โอเด้ง ไก่ย่างยากิโทริ หม้อไฟ Motsu Nabe เริ่มขายตั้งแต่หกโมงเย็นไปจนถึงดึกเลย

บรรยากาศช่วงกลางคืน ที่ฟุกุโอกะก็จะครึกครื้นแทบตลอดทั้งคืน กินยาไตปาร์ตี้สไตล์ฟุกุโอกะได้ยันดึก ๆ วันที่ 4 ก็ตื่นสาย ๆ เตรียมกลับกรุงเทพฯ ไฟล์ท 11.40 ได้เลย

จบแล้วกับทริป 4 วัน 3 คืน เที่ยวฟุกุโอกะ อีกหนึ่งเมืองในภูมิภาคคิวชูที่มีเสน่ห์เหลือล้น กลับไปเมื่อไหร่ก็ฮีลใจ เพราะมีหลากหลายมุมมองเที่ยวสนุก ๆ ให้เราสัมผัสเสมอ โดยเฉพาะ 13 โลเคชั่นที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก แต่อยากให้ลองหาโอกาสไปสักครั้ง

เที่ยวฟุกุโอกะ บินตรงจากกรุงเทพฯ – ฟุกุโอกะ แบบ Premium Economy สบายหายห่วงกับบริการแบบใหม่จากการบินไทย นั่งเครื่องบินแบบ A330-300 ที่นั่งกว้างกว่าเดิม หลับยาวตื่นมาพร้อมเที่ยว พร้อมสิทธิพิเศษขึ้นเครื่องก่อนใคร และโหลดกระเป๋าได้มากสุดถึง 35 กิโล!
Premium Economy เปิดบริการแล้ว 3 เส้นทาง คือ ฟุกุโอกะ เดลี และมุมไบ แถมกำลังจะมีเส้นทางอื่น ๆ อีกในอนาคต รีบจองตั๋วไปเที่ยวราคาดีได้เลยที่ www.thaiairways.com
ส่วนใครอยากตามไปเที่ยวเมืองอื่นขอแนะนำ
เที่ยวญี่ปุ่นตอนกลางภูมิภาคชุบุ มัดรวมสองเมืองสุดคาวาอิ้อย่าง Nagoya และ Mie
อ่านต่อได้ที่ www.wheredowego.in.th/travel/in-middle-of-honshu-nagoya-mie