เช็กลิสต์ 15 โลเคชั่นและ 7 ร้านเด็ดที่ต้องกินใน ‘มาเก๊า’ แบบฉบับ 3 วัน 2 คืน รับรองว่าเที่ยวได้ครบทุกรสชาติ เพราะบินตรงไม่กี่ชั่วโมงก็ได้สัมผัสเมืองอันมีเสน่ห์ ที่ผสมผสานกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนและโปรตุเกสเข้ากันได้อย่างลงตัวทั้งของกินอร่อย ๆ โดยเฉพาะทาร์ตไข่เจ้าดังที่ชิ้นเดียวไม่เคยพอ เดินเล่นย่านเมืองเก่าสัมผัสสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแบบชิล ๆ และตามเก็บจุดถ่ายรูปคูล ๆ ที่ลงอินสตาแกรมเมื่อไหร่ก็ไลก์ทะลัก
สิ่งนี้แหละที่ทำให้มาเก๊าไม่เหมือนใครที่ไหน มาเก๊าฉบับไปไง มาไงจะเก๋ เริ่ด และชิคขนาดไหน เราคัดมาให้ครบแล้วทั้งฝั่งมาเก๊าและไทปา เอาเป็นว่ารีบกดเซฟแพลนแล้วตามเรามาได้เลยยย!
#wheredowegoTH #ไปมาเก๊าไปกับแอร์เอเชีย #MacaoMakMakTH #MacaoThailand #airasiatravels #เก็บมุมชิคอัพเดทจานฮิตที่มาเก๊า
พอได้ยินชื่อว่า ‘มาเก๊า’ หลายคนอาจจะสงสัยว่ามีอะไรน่าเที่ยว นอกจากคาสิโนชื่อดังและวัดวาอารามสไตล์จีนที่เราเคยได้ยินกันมาแบบผิวเผิน บอกเลยว่าอย่าเพิ่งปัดตกมาเก๊า เพราะเราจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักมาเก๊าในมุมต่าง ๆ รับรองว่าเพื่อน ๆ จะต้องเปลี่ยนใจกดจองตั๋วไปเที่ยวในปีนี้กันอย่างแน่นอน
เริ่มจาก ‘มาเก๊า’ เป็นเมืองท่าประวัติศาสตร์บนชายฝั่งตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้งของจีน ที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรม ทั้งอาหาร ภาษา สถาปัตยกรรม ซึ่งรับมาจากประเทศโปรตุเกสในช่วงที่อยู่ภายใต้การดูแลมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นเวลากว่า 400 ปี ปัจจุบันเมืองท่าแห่งนี้จึงผสมผสาน 2 วัฒนธรรมทั้งจีน-โปรตุเกส จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวและน่าไปเที่ยวเมืองนึงของโลก
ที่สำคัญค่าครองชีพไม่แพงอย่างที่คิด เพราะเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่เที่ยวง่ายและสะดวกสบาย งบน้อยก็เที่ยวได้แถมได้รูปกลับมาอัพลงโซเชียลแบบไม่หวาดไม่ไหว
We Fly with Champion!
ทริปนี้เราขอบินตรงไปลงมาเก๊าแบบไม่เสียเวลาเที่ยวด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ที่บินตรงด้วยเครื่องบินลำใหญ่ทุกวัน วันละสองไฟลท์จากกรุงเทพฯ และวันละไฟลท์จากเชียงใหม่ ด้วยเวลาเพียง 2 ชั่วโมงนิด ๆ
ตารางบินเค้าดีงามสุด ๆ ทั้งสะดวก ราคาประหยัด แถมปลอดภัย เราขอแนะนำให้จองแบบ Value Pack หรือแพ็คสุดคุ้มที่เค้ารวมมาให้แล้วทั้งอาหาร ที่นั่งแบบ Standard Seat ให้เลือกนั่งชมวิวถ่ายรูปริมหน้าต่างแบบกรุบกริบ และน้ำหนักกระเป๋าแบบจุก ๆ ให้เตรียมไปช้อปกลับ พร้อมประกันการเดินทาง ที่ประหยัดเงินกว่าเดิมไปได้ถึง 30% ค่ะ!
แถมอาหารบนเครื่องช่วงนี้เค้ามีข้าวหน้าปลาแกะ ที่กำลังฮอตฮิตแบบสุด ๆ พอได้กินบนเครื่องก็อร่อยมากเป็นพิเศษ บวกกับอเมริกาโน่น้ำส้มมะปี๊ดจิบคู่กันยิ่งเริ่ดเข้าไปอีก! ไม่ต้องนั่งเครื่องนาน ไม่ต้องลางานเยอะ ก็วาร์ปไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองท่าแห่งประวัติศาสตร์ได้แบบชิล ๆ
เราขอแจกพิกัดเที่ยวในเกาะมาเก๊า และไทปาสองโซนหลัก ๆ ที่ต้องแวะมาเช็กอินเที่ยวให้ครบ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราบินตรงมาถึงเมืองแห่งสองวัฒนธรรมแล้วไม่หลอก เราขอพาไปเช็กอินจุดแรกกันที่ย่านใจกลางเมืองก่อนเป็นอันดับแรก
Senado Square
ย่านช้อปปิ้งและวัฒนธรรมสุดฮิตที่คนเยอะตลอดทั้งวัน เพราะจัตุรัสเซนาโด’ (Senado Square 議事亭前地) เป็น 1 ใน 4 จัตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของมาเก๊า ฟีลแบบเป็นแหล่งรวมตัวพบปะของคนมาเก๊า เพราะมีทั้งจุดช้อปปิ้ง เสื้อผ้า รองเท้า และร้านอาหาร รวมถึงสถานที่สำคัญ ๆ เดินเชื่อมถึงกันไปตามตรอกซอกซอยได้สะดวกสุด ๆ
ความเก๋ของโลเคชันนี้คือคือ ลานกว้าง ๆ ที่มีน้ำพุตรงกลาง เค้าจะปูพื้นด้วยกระเบื้องแผ่นเล็ก ๆ เป็นรูปคลื่นให้เดินสะดวก และรายล้อมด้วยตึกสไตล์โปรตุเกส ไม่ได้เก๋อย่างเดียวนะเพราะเค้าถูกบรรจุให้อยู่ในลิสต์มรดกโลกของ UNESCO เป็นที่เรียบร้อยในปี 2005
Ruins of St. Paul’s
เดินไปเรื่อย ๆ แบบเพลิน ๆ เราจะเจอซากประตู ‘โบสถ์เซนต์ปอล’ (Ruins of St. Paul’s大三巴牌坊) โบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกในสมัยนั้น ปัจจุบันก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก และเป็นเหมือนไฮไลต์สำคัญของมาเก๊าที่ต้องแวะมาถ่ายรูป
น่าเสียดายที่ปี ค.ศ. 1835 พายุไต้ฝุ่นโหมเข้ามาอย่างรุนแรง ทำให้ตัวโบสถ์ไฟไหม้จนเหลือสภาพเป็นซากประตูโบสถ์จนถึงปัจจุบัน แต่ยังไงคนก็ยังเยอะมหาศาลเต็มลานด้านหน้าประตู ใครที่อยากมาเซลฟี่ถ่ายรูปชิค ๆ แบบไม่มีคนก็อาจจะต้องมาช่วงเช้า ๆ ซะหน่อย (ก่อน 8 โมงกำลังดี) จะได้วิวสวยปังอลังการแบบไม่มีคนเยอะ ๆ มาให้กวนใจ ด้านหน้าโบสถ์จะมีจุดสำคัญ คือ ‘The Friendship Statue’ อนุสาวรีย์ที่มีหญิงสาวชาวจีน กำลังมอบดอกบัวให้หนุ่มชาวโปรตุเกส เพื่อเป็นสัญลักษณ์การส่งมอบเมืองมาเก๊าจากโปรตุเกสคืนให้กับจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย
ส่วนใครที่อยากได้มุมสวยแปลกตาเชิญทางนี้ค่ะ ตรงนี้จะเป็นจุดถ่ายรูปซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลบนเนินเขา (หันหน้าเข้าโบสถ์ เนินเขานี้จะอยู่ด้านขวามือ) จุดนี้ก็เป็นมุมมหาชนที่ฮอตฮิตไม่แพ้กัน แต่รับรองว่าต่อคิวรอสักแป๊ปก็ได้รูปสวยคู่กับวิวโบสถ์จากมุมสูงได้สวยสุด ๆ แบบไม่ต้องใช้โดรน
Love Lane
อีกหนึ่งจุดสำหรับสายถ่ายรูป ที่อยากได้มุมสวย ๆ ของซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลแบบใหม่แบบสับ แนะนำให้หันหน้าเข้าโบสถ์และเดินมายังตรอกเล็ก ๆ ที่อยู่ซ้ายมือ จะเป็นตรอกที่มีตึกเก่าแก่ยุค 17th Century ที่มองลอดขึ้นไปจะเห็นโบสถ์โผล่มาแบบพอดิบพอดี
บรรยากาศซอยนี้จะมีความน่ารักคิวต์ ๆ ของตึกสีชมพูตัดกับบานประตูหน้าต่างสีเขียวแบบชิโนโปรตุกีส และดอกไม้สวย ๆ ปลูกเรียงกัน แวะมาถ่ายรูปชิค ๆ กันได้ แถมมีร้าน % Arabica ร้านกาแฟชื่อดังมาเปิดในตรอกนี้ด้วย ใดใดก็คือควรแก่การมาแต่เช้าเช่นกัน เพราะคนเยอะมาก จะได้ถ่ายรูปสวย ๆ แบบไม่ติดคนอื่น แล้วค่อยไปเดินหาอาหารเช้าอร่อย ๆ กินต่อ
Portuguese Street
ตรงขึ้นไปจากโบสถ์เซนต์ปอล เลี้ยวซ้ายมานิดนึงจะเจอ ‘Portuguese Street’ ถนนสายคิวต์ที่ไฮไลต์ความน่ารักอยู่ที่บ้านเรือนสีสันสดใส และร่มที่ห้อยอยู่กลางอากาศ หลากหลายมุมถ่ายรูปให้เราไปยืนโพสต์ท่าเก๋ ๆ โดยถนนเส้นนี้จะมีจุดสังเกตง่าย ๆ คือกระเบื้องสีฟ้าแบบโปรตุกีสที่ประดับประดาอยู่บนผนัง และมีป้ายรูปไก่เขียนว่า ‘Portuguese Street’ เพื่อบอกว่าเราเดินทางมาถึงแล้ว แต่ถ้าเราเสิร์ชใน Google Map จะหาไม่เจอนะ ต้องเสิร์ชคำว่า ‘Calcada do Amparo’ แทนถึงจะขึ้น
Tap Seac Square
ข้อดีของการที่มาเก๊าเป็นเมืองเล็ก ๆ คือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญจะอยู่ใกล้ ๆ กันตามตรอกซอกซอย สามารถเดินเล่นชิล ๆ แวะดูนู่นดูนี่ไปได้เรื่อย ๆ แบบเพลิน ๆ ทีนี้เราจะพาเดินต่อไปอีกหนึ่งย่านเมืองเก่าน่าเที่ยวอย่าง ‘Tap Seac Square’ จะเป็นย่านที่มีตึกสวย ๆ 4-5 ตึก และเดินตรงจากโบสถ์มาแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น
เดินมาเรื่อย ๆ พื้นถนนแถวนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นพื้นกระเบื้องสวยแบบโปรตุเกส ล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่ในยุคอาณานิคมที่อนุรักษ์ไว้ จุดแรกที่จะเจอคือตึก ‘Edf. Comercial Holland Jardim’ สีเขียวเหลืองสดใสตัดกัน ถ่ายรูปออกมาสวยมากกก
ถัดไปไม่ไกลเป็นตึก ‘Macao Central Library’ หอสมุดกลางสาธารณะของมาเก๊า ตกแต่งด้วยสีแดงเหลืองไข่ไก่บอกเลยว่าสวยมีเสน่ห์และไม่ควรพลาด แวะมาเดินเล่นถ่ายรูปกันได้
Guia Hill Cable Car
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามาเก๊ามี Cable Car ให้ขึ้นไปชมวิวสูงด้วยนะ โดยสามารถเดินมาจาก Tap Seac Square มาที่สวน Flora Garden (Jardim da Flora) ได้เลย จะเป็นเคเบิลคาร์จิ๋ว ๆ ที่นั่งได้แค่กระเช้าละ 2-3 คน ขึ้นไปยัง Parque Municipal da Colina da Guia ราคาไปกลับแค่คนละ 3 MOP เท่านั้น
ด้านบนจะมีจุดสำคัญให้แวะพักชมความสวยงามและเดินเล่นชิล ๆ หลายจุด เช่น โบสถ์ Chapel of Our Lady of Guia ใกล้ ๆ กันจะมีประภาคารสูง 15 เมตร และป้อมปราการเกีย (Guia Fortress) ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของมาเก๊าที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ให้พักสายตาชมวิวได้ทั่วทั้งบริเวณเมือง ทะเล ไปจนถึงประเทศจีน มองดี ๆ จะแอบเห็นตึกโรงแรม Grand Lisboa อยู่ไกล ๆ ด้วยดีไซน์เด่นเกินใครมาเลย หลาย ๆ ตึกในมาเก๊าออกแบบดีไซน์มาได้สวยมาก สาย Landscape น่าจะชอบ เสียดายวันที่ไปอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังสวยและอยากเชียร์ให้ไปดูกันถ้าวันไหนอากาศดี ๆ ข้างบนมันปังจริง
A-Ma Temple
เราขอส่งท้ายโซนมาเก๊าด้วยการขอพรเอาฤกษ์เอาชัยกันที่วัดอาม่า (A-Ma Temple 媽閣廟) จริง ๆ ในมาเก๊าจะมีศาลเจ้าดัง ๆ ค่อนข้างเยอะ ถึงเยอะมาก แต่เราเลือกมาวัดนี้เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า (มีวัดก่อนมีมาเก๊าอีกนะ 555555) สมัยก่อนเค้าเดินทางสัญจรกันด้วยเรือ คนในเมืองก็จะต้องมากราบไหว้ขอพรให้เดินทางปลอดภัยและค้าขายร่ำรวย
เคยมีเรื่องเล่าว่าสมัยก่อน คนมาเก๊าจะเรียกวัดนี้ว่า ‘ม่าก๊อก’ พอมีนักสำรวจชาวโปรตุเกสมาถามทางแถวนี้ ก็ดันไปบอกชื่อวัดว่า ‘ม่าก๊อก’ ทีนี้ชาวโปรตุเกสเลยเรียกเพี้ยนไปเพี้ยนมาว่า ‘มาเก๊า’ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อมาเก๊าในปัจจุบันไปเลย
ตัววัดตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์จีนโบราณที่มีความงดงามอ่อนช้อย ด้านในประดิษฐานองค์เจ้าแม่ทับทิม หรือองค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล แต่ละชั้นเค้าก็จะมีศาลเจ้า ศาลา ประตูโบราณ และสิ่งศักสิทธิ์ต่าง ๆ ให้เราได้กราบไหว้ขอพรกลับไป
ถ้าใครตามรอยพวกเรามาเที่ยวมาเก๊า บอกเลยว่า 3 วัน 2 คืนไม่มีเบื่อ เพราะเรารวบรวมลิสต์ร้านอร่อยมาให้ครบทั้งอาหารเช้า ไอศกรีม บะหมี่ อาหารกลางวัน และหมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง และหม่าล่า! สายกินบอกเลยว่าฟินขั้นสุด ไม่ต้องเสียเวลาตามหาร้านอร่อยเพราะคัดมาให้แล้ว เริ่มเลยค่ะ!
Wong Chi Kei
ร้านนี้อยู่แถว Senado Square มากี่รอบต้องแวะกิน เป็นร้านบะหมี่เกี๊ยวเนื้อตุ๋นระดับตำนาน ที่ได้รางวัล Bib Gourmond ของมาเก๊ามาครอง รสชาติกลมกล่อมมาก ๆ ไล่ตั้งแต่ซุป ไส้เกี๊ยว และบะหมี่ไข่สูตรเฉพาะแบบกวางตุ้งที่ใช้วิธีนวดแป้งด้วยไม้ไผ่ทำให้เส้นบะหมี่เค้ามีขนาดเล็ก แต่คงความเหนียวนุ่ม ซู้ดดเข้าปากแล้วตามด้วยน้ำซุบคือดีย์
อีกหนึ่งไฮไลต์ของร้านคือเกี๊ยวทอดจานยักษ์ ที่เราขอยกให้เป็นเกี๊ยวทอดที่อร่อยที่สุดในโลกตั้งแต่กินมาเลย ตัวเกี๊ยวทอดได้กรอบฟู ไม่อมน้ำมัน แถมชิ้นใหญ่มาก ๆ เกี๊ยวแต่ละชิ้นจะมีกุ้ง แบบกุ้งจริง ๆ ไม่ใช่ภาพเพื่อการโฆษณาซ่อนอยู่ 1 ตัวให้เคี้ยวแบบเพลิน ๆ พร้อมน้ำจิ้ม และสิ่งที่ควรสั่งมากินคู่กันที่สุดคือผักคะน้าฮ่องกงราดน้ำมันหอยแบบเริ่ด ๆ อร่อยมากยกให้มื้อนี้ฟินที่สุด
Lai Kei Sorvetes
ต่อมาขอเสิร์ฟของหวานที่ ‘Lai Kei Sorvetes’ ร้านไอติมโบราณของมาเก๊า ที่เรา Recommend มาก! เพราะเปิดมาแล้วกว่า 70 ปี ซิกเนเจอร์ของเค้าก็คือ Traditional Ice Cream หรือไอศรีมแซนด์วิชมาในดีไซน์กล่องน่ารักแบบคลาสสิกได้ฟีลขนมวัยเด็กน่ารักน่าสะสม ใครที่มาครั้งแรกเราขอแนะนำรสเนยถั่ว และถั่วแดงความอร่อยเข้ากันแบบสุด ๆ
ส่วนบรรยากาศร้านมีความ Old School แบบวินเทจเพราะเค้ายังคงดีไซน์ทั้งโต๊ะเก้าอี้ไว้เหมือนเดิมเป๊ะแบบตอนเปิดร้านแรก ๆ นั่งไปนั่งมาบรรยากาศก็เหมือนหลุดออกมาจากหนังฮ่องกงสมัยก่อนเหมือนกันนะ
Café Seng Kei
ร้านนี้เป็นร้านที่คนท้องถิ่นแนะนำมาอีกที จะเป็นร้านที่อยู่ในฟู้ดคอร์ทตึก Complexo Municipal Do Mercado ด้านล่างจะขายอาหารสด มาถึงให้กดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นสามจะเจอฟู้ดคอร์ทรวมกัยหลาย ๆ ร้าน
ส่วน ‘Café Seng Kei’ จะเป็นอาหารเช้าแบบ Comfort Food ของคนมาเก๊าที่กินง่าย ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ ถ้าให้แนะนำเมนูก็ต้องเป็น Pork Chop Bun หมูทอดสูตรลับของครอบครัวที่ทอดใหม่ ๆ ทุกชิ้นมาเสิร์ฟ ส่วนชาเค้าก็รสชาติดีมากเข้มข้นสุด ๆ อร่อยมากควรมาลอง
Chan Kong Kei
อีกร้านที่เด็ดมากๆ ใครมาก็ต้องรีวิวและชิมหมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่างพริกไทยดำของร้าน Chan Kong Kei เราแนะนำให้ไปทานเป็นมื้อเย็นแต่ไปดึกหน่อยประมาณสองทุ่ม คนจะไม่เยอะและคิวจะไม่ยาว สั่งได้ทุกอย่างเลยจริงๆ เพราะอร่อยหมด โดยเฉพาะเป็ดย่างพริกไทยดำที่รสชาติไม่เหมือนที่ใคร กับบะหมี่เกี๊ยวกุ้งหมูแดง ซุปร้อนๆ หลังจากเดินเหนื่อยมาทั้งวันมันชุบใจจริงๆ หรือใครชอบทานเป็นข้าว ก็มีข้าวหมูกรอบ หมูแดง ราดน้ำเป็ดพริกไทยดำฉ่ำๆ เลิศ!
Café Nam Ping
อีกหนึ่งร้านประจำของเราที่มาเมื่อไหร่ก็ต้องแวะมา เอาจริง ๆ มันเป็นอาหารง่าย ๆ ที่ทำกินได้ที่บ้าน แต่ก็อยากมากินที่ร้านอยู่ดี 55555 ด้วยบรรยากาศหว่อง ๆ เอย รสชาติน้ำซุปเอยมันจับจิตจึ้งใจกว่า ที่นี่เค้าจะขายพวกบะหมี่ มักกะโรนีแฮม โปะหน้าด้วยไข่ดาว หมูทอดและหมูแดง ที่ดังมาก ๆ จะเป็นพวกทาร์ตไข่ ขนมปังปิ้ง อบออกมาทีหอมตลบอบอวล แต่เรากินแล้วรู้สึกเฉย ๆ เนื้อแป้งไม่ใช่สไตล์ที่ชอบด้วย แต่ใดใดบรรยากาศรวม ๆ ก็อยากชวนให้มาลอง รับรองว่าน่าจะชอบกัน
DauDau Hot Pot
มาเมืองที่ได้รับวัฒนธรรมจีนแบบนี้จะขาดไม่ได้กับเมนูหม่าล่าหม่าใจ ชวนมาฝากท้องกันที่ ‘DauDau Hot Pot’ ร้าน Hotpot หม่าล่าที่อร่อยมาก ๆ และมีหลายสาขาในมาเก๊าทั้งฝั่งมาเก๊าและไทปา ลองเสิร์ชดูร้านใกล้ ๆ ได้เลย แนะนำให้มากินเป็นมื้อเย็น เพราะเดินเหนื่อยมาทั้งวันแบบนี้เราก็ต้องฮีลใจด้วยการซดซุบหม่าล่าร้อน ๆ แต่ละเมนูเค้าจัดจานมาแบบอลังการงานสร้าง น้ำจิ้มก็ปรุงเองได้ตามใจชอบ ที่สำคัญราคาดีเว่อร์
ข้ามมาฝั่งเกาะไทปากันบ้าง ฝั่งนี้เป็นที่ตั้งของสนามบิน และคาสิโนหลาย ๆ แห่ง รวมถึงย่านน่ารัก ๆ อย่าง Tai Pa Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ทางตอนใต้ของมาเก๊าที่ถูกอนุรักษ์วิถีการดำเนินชีวิตและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นดั้งเดิมเอาไว้ ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่ารัก ๆ ที่มีทั้งบ้านเรือนสีพาสเทล สตรีทอาร์ต แหล่งช้อปปิ้ง และพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ให้แวะชมกันหลายจุดเลย
Taipa House
โดยโลเคชันแรกในโซนนี้เราขอพาไปชม ‘Taipa House’ บ้านโคโลเนียลโบราณสีเขียว ที่ตั้งเรียงกัน 5 หลัง ในสมัยนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักสำหรับข้าราชการพลเรือนอาวุโส ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านไทปาให้คนทั่วไปได้เข้าไปชมสถาปัตยกรรมและความเป็นอยู่ของข้าราชการมาเก๊าสมัยก่อน จะมีบ้านหลังนึงที่เค้าจัดเป็นแกลอรีแสดงงานอาร์ตแบบร่วมสมัยให้ชมกันอีกด้วย
Taipa Constructed Wetland Park
ด้านหน้าติดกันกับ Taipa House คือ Taipa Constructed Wetland Park เป็นพื้นที่ธรรมชาติชุ่มน้ำของมาเก๊า หรือเรียกว่าสวนสาธารณะแบบกลาย ๆ ให้ชาวเมืองมาเดินเล่นชมนกชมไม้ บางจุดแอบมีต้นซากุระด้วยนะ มองไปจะเห็นวิวสวย ๆ ของคาสิโนฝั่งตรงข้าม ถ้าไม่อยากเดินอ้อมเราสามารถเดินเลียบสะพานไม้ลัดทะลุข้ามไปอีกฝั่งนึงได้เลย
Hello Macao Mural
เดินจาก Taipa House มาตามถนน Direita Carlos Eugenio ประมาณ 350 เมตร จะเจอกับถนนสายเล็ก ๆ ที่มีร้านค้าตกแต่งหน้าร้านด้วยสีพาสเทลสุดน่ารัก ตรงนี้จะมีพื้นที่ให้นั่งเล่น ถ่ายรูปกับหน้าร้านสวย ๆ แนะนำให้แวะซื้อกาแฟซักแก้วแล้วนั่งชมบรรยากาศของบริเวณสองข้างทาง จะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวมาเก๊าที่มีความคลาสสิค คือจะจีนก็ไม่จีนซะทีเดียว แต่ผสมผสานความเท่อยู่ในทุก ๆ จุด
Rua Do Cunha / Tai Pa Street Food
เดินต่อไปอีกซักพักจะเจอกับ ‘ถนนคูนย่า’ (Rua do Cunha) และ ‘Tai Pa Street Food’ ย่านนี้จะมีร้านอาหาร ร้านขนม และของฝากมากมายให้แวะช้อปก่อนโบกมือบ๊ายบายมาเก๊า แล้วยังมีสตรีทอาร์ตและจุดถ่ายรูปชิค ๆ อีกหลายจุดให้แวะเช็กอิน อารมณ์เหมือนถนนคนเดินที่ Senado Square แต่จะมีอาหารและของกินอร่อย ๆ เต็มไปหมด สายกินทั้งหลายต้องถูกใจรวมถึงทาร์ตไข่เจ้าดังเจ้าแรกของมาเก๊าอย่าง Lord’s Straw Bakery ที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 ใครที่เดินผ่านมีอันต้องเปิดประตูตามกลิ่นเข้าไปลองชิม ตัวแป้งเค้าจะเป็นชั้นกรอบ ๆ หอมเนย สอดไส้ด้วยไข่นุ่ม ๆ แนะนำให้ซื้อปุ๊ป กินเลยตอนร้อน ๆ จะอร่อยที่สุด
สุดถนนเส้นนี้จะมีบันได ที่ด้านบนเป็นคาเฟ่ให้ขึ้นไปสูดอากาศดี ๆ บน Rooftop ได้ และยังมี Street Art เก๋ ๆ ที่ถือเป็นสีสันสำคัญกระจายอยู่หลายจุดให้เดินชม
Sai Kee Café
ร้านอร่อยฝั่งไทปาอีกร้านอย่าง ‘Sai Kee Café’ หนึ่งในสุดยอดขนมปังหมูทอดของมาเก๊าที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 และได้รับรางวัลความอร่อยระดับ Michelin Guide ปี 2019 จนคนมาต่อคิวรอหน้าร้านเยอะมาก
เมนูเด่นเมนูดังของเค้าก็คือ ขนมปังหมูทอดกรอบนอกนุ่มใน โปะด้วยไข่ และแซนด์วิชไข่คอนบีฟหัวหอม ที่เพิ่มไข่มาแบบล้นหน้า จิบคู่กับชานมอร่อย ๆ สูตรเข้มข้นของร้าน แนะนำว่าควรมาลองจริง ๆ เพราะอร่อยทุกอย่างเลย เป็นการปิดท้ายมื้ออร่อยก่อนกลับแบบง่ายๆ ที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับทริปนี้
The Parisian Macao
ถ้าใครวันลาไม่พอเที่ยวปารีส ก็แวะมาเที่ยวที่ ‘The Parisian Macao’ ไปก่อน ตรงนี้จะเป็นเหมือนศูนย์ความบันเทิงเปิดใหม่ มีทั้งโรงหนัง คาสิโน แต่ไฮไลท์เด่น ๆ คือ หอไอเฟลที่จำลองของจริงมาจากปารีส แต่จะมีความสูงเพียงครึ่งนึงจากของจริง เอาดี ๆ ไซส์แบบนี้กำลังน่ารัก ถ่ายรูปง่ายกว่าที่ปารีสแต่ฟีลเดียวกันกรุบ ตอนหกโมงเย็น – เที่ยงคืนของทุกวันจะมีการแสดงไฟบนหอไอเฟล Grand Illumination Show ให้รอชม ส่วนใครที่อยากขึ้นไปชมวิวด้านบน ให้เช็กวันที่อากาศดี ๆ หน่อย ขึ้นไปจะมองเห็นวิวเกาะ Taipa ทั้งเกาะแบบ 360 องศาเลย ค่าเข้าชมประมาณ 100 MOP
ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นสวน ‘Le Jardin’ ที่เหมือนยกปารีสมาไว้ที่นี่ เค้าจะปลูกต้นไม้ริมสองฝั่งและมีเก้าอี้วางไว้ให้นั่งพักผ่อนชิล ๆ ผ่อนคลายพักขาที่เดินมาตลอดทั้งวันได้ โดยตรงนี้สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปได้ฟรี
Sea Odyssey (MGM COTAI)
แต่ละโรงแรมในมาเก๊าเค้าจะมีไฮไลต์พิเศษไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน ที่ MGM COTAI นอกจากจะออกแบบโรงแรมให้เป็นกล่องเครื่องประดับวางซ้อนกันแบบเก๋ ๆ แล้ว ทุกวันจะมีโชว์ของน้องโลมา 3 ตัวแหวกว่ายอวดโฉมโชว์ความงามใต้ท้องทะเลอยู่กลางอากาศบริเวณล้อบบี้ ซึ่งเค้าออกแบบให้เป็นเหมือนโลกใต้น้ำ ให้ชมฟรี 4 รอบทุกวัน ช่วงบ่ายโมง สามโมง ห้าโมงและหนึ่งทุ่ม ใครที่ผ่านไปแถว ๆ นั้นก็เดินเข้ามาแวะชมกันได้ฟรี
The Londoner Macao
วาร์ปมาที่ย่านโคไท (Cotai) แวะมาดูความเล่นใหญ่ของมาเก๊ากัน เพราะย่านนี้เป็นย่านใหม่ที่มีโรงแรมขนาดใหญ่และคาสิโนหรูหราอยู่ค่อนข้างเยอะ และออกแบบได้เวอร์วังอลังการในสไตล์ยุโรปเต็มไปหมด
โดยเฉพาะที่ ‘The Londoner Macao’ เค้าจัดเต็มเป็นธีมลอนดอน เอาแรงบันดาลใจของประวัติศาสตร์ของอังกฤษมาดีไซน์โซนต่าง ๆ ที่สวยทั้งกลางวันและกลางคืน มีการจำลองพระราชวัง Westminster หอนาฬิกาบิกเบน สถานีรถไฟใต้ดินของอังกฤษ รถบัสลอนดอน 2 ชั้น รวมถึงอพาร์ทเมนต์หมายเลข 10 ซึ่งเป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรีอังกฤษมาไว้รวมกัน ถ่ายรูปมานึกว่าอยู่ยุโรป
แนะนำให้มาเดินเล่นแถวนี้ช่วงบ่ายแล้วอยู่ยาวจนถึงช่วงกลางคืน จะมีประดับไฟ แสง สี เสียง แบบจัดเต็มตอนประมาณสองทุ่ม ให้ถ่ายรูปกันจนเมมเต็มแน่นอน
และทั้งหมดนี้คือ 15 โลเคชัน กับอีก 7 ร้านอร่อยห้ามพลาดในมาเก๊า ที่เที่ยวง่ายเที่ยวได้ครบทุกรสชาติแบบสั้น ๆ สามวันสองคืน แม้ ‘มาเก๊า’ จะเคยเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามไป เเต่ครั้งนี้เราเชื่อว่าทุกคนจะอยากออกเดินทางไปเที่ยวมาเก๊า สัมผัสวัฒนธรรมที่ผสมผสานทั้งความเท่หว่อง ๆ แบบจีน และความคลาสสิกแบบโปรตุเกส เตรียมนัดแก๊งเพื่อนแต่งเดรสโค้ดธีมเดียวกันไปเดินเฉิดฉายที่เมืองเก่า แวะกินสตรีทฟู้ดเจ้าดังระดับตำนานที่คว้ารางวัลมาอย่างมากมายที่สองข้างทาง และถ่ายรูปกับ Photogenic Spot ทั่วเมืองไว้อัพลงไอจีให้เพื่อนอิจฉาจนปาไลก์มาแบบรัว ๆ
และอย่าลืม ‘แอร์เอเชีย’ บินตรงจากกรุงเทพสู่มาเก๊าวันละสองไฟลท์จากกรุงเทพฯ และวันละไฟลท์จากเชียงใหม่เพียง 2 ชั่วโมงนิด ๆ รีบกดเซฟแพลนเที่ยว กดวันลา และออกเดินทางกันได้เลย!
