ถ้าให้นึกถึงต่างประเทศใกล้ๆบ้านเราซักที่ ที่ไปง่าย มีที่เที่ยวหลากหลาย และไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ หนึ่งในคำตอบของหลายคนหนีไม่พ้น “ฮ่องกง (Hond Kong)” อย่างแน่นอน
เพราะนอกจากความสะดวกสบายในการเดินทางมา ที่มีบินตรง จากหลากหลายเมืองของประเทศไทย ด้วยสายการบิน Thai Airasia ที่ใช้เวลาแค่ 2ชั่วโมงนิดๆ น้อยกว่าเวลารถติดวันศุกร์เย็นในกรุงเทพแล้ว “ฮ่องกง” ยังเป็นเมืองแห่งแสงสี ที่มีทั้งร้านรวง แบรนด์เนมยันโลคอล ที่เยอะจนขาช้อปต้องกรี้ดขาลาก มีทั้งร้านอาหาร ตั้งแต่ข้างทางยันภัตราคาร ที่คิดว่าต่อให้ไปกินกี่ครั้งก็ยังไม่ครบแน่นอน แล้วยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม และศรัทธา ที่มีวัดน่าเคารพบูชากระจายตัวอยู่ทั่วทั้งเกาะ ไอ่ความแตกต่างสุดขั้วนี่แหละ ที่เป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหล ที่ทำให้ใครต่อใคร อยากกลับไปเยือนฮ่องกงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ดังนั้นรีวิวฮ่องกงแบบปุ๊ปปัปฉบับนี้ เลยจะเน้นการบอกต่อสถานที่ใหม่ๆที่เราคิดว่าน่าสนใจ ทั้งฝั่ง Central และ ฝั่งเกาลูน ว่าแล้วก็ออกลุยไปพร้อมๆกันเลยเด้อ!
Central Hong Kong Side
ส่วนตัวชอบฝั่ง Central Side มากๆ เพราะความ Contrast หรือย้อนแย้งของบ้าน และร้านแถวนี้มันจัดจ้านดีเหลือเกิน ในซอยๆนึง อาจจะมีทั้งร้านขายของทำใหม่เอี่ยม สุดแสนจะเก๋ ตั้งอยุ่ข้างๆกับโรงพิมพ์เก่าแก่ ที่มีอาแป้ะนั่งใส่เสื้อกล้ามเฝ้าหน้าร้านอยู่ รวมถึงตึกทรงยุโรปแบบโบราณ ที่บ้างก็ถูกนำมาตกแต่งใหม่ให้หรูหรา ทำให้การเดินเล่นที่แถบนี้ไม่เคยน่าเบื่อเลย
วันนี้เราเริ่มออกตัว เอาฤกษ์เอาชัยจากการแวะกินข้าวเช้าที่ร้านติ่มซำสุดโลคอล ชื่อ Lin Heung Tea House ซึ่งรสชาติเนี่ยอาจจะไม่สุดเท่าร้านอื่นๆ แต่เชื่อเถอะว่าบรรยากาศเนี่ย ชนะเลิศแบบหาตัวเปรียบยากแน่นอน 5555 เป็นร้านที่มากินแล้ว ได้ปลดล็อคประสบการณ์ชีวิตไปอีกขั้น เข้าถึงความโลคอลที่แท้ทรู
ซึ่งเอาจริงๆว่าก่อนมาก็อ่านรีวิวคนอื่นมาละแหละ ว่ามันจะวุ่นวายหน่อยนะ มีที่ว่างตรงไหน ให้พุ่งตัวไปนั่งเลย แล้วเวลาจะสั่งคือ ต้องเดินตามผู้หญิงที่เข็นรถติ่มซำออกมา แล้วถามว่ามีอะไรให้หยิบบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ มันเหวอมากอะ ความวุ่นวายที่จิตนาการไว้ในหัวคือคูณ1000ไปเลยจ้า 555
ด้วยความโชคดี ที่มาพร้อมกับความสวย ก็เลยมีคนใจดีเรียกให้ไปนั่งด้วย จัดการสั่งอาหาร สั่งชา สั่งติ่มซำให้เสร็จสรรพ ประทับใจเหลือเกิน ซึ่งของเด็ดสุดหนีไม่พ้น หมูกรอบ และหมูย่าง ที่ชิ้นใหญ่ รสชาติแน่น กินกับข้าวแล้วฟินไปเลย ถ้ามีซอสอีกนิดนิจะเริ่ดสุดๆ
ส่วนพวกติ่มซำ เหมือนเล่นเกมส์วัดดวง ขึ้นอยู่กับว่าตอนที่คุณพี่เข็นรถผ่านเรานั้น จะเหลืออะไรบ้าง ซึ่งในรถเข็ยคันนึง มักจะมีประมาณ 2-3 เมนู ซึ่งเราหยิบขนมจีบหมู และขนมจีบกุ้งมาได้โดยบังเอิญ เนื้อเน้นเต็มๆไม่มีแป้ง อร่อยใช้ได้เลย
สรุปก็คือ เป็นร้านอาหารเช้าที่ใครอยากสัมผัสความโลคอลสุดๆควรมาซักครั้ง เพราะนอกจากบรรยากาศความวุ่นวายชวนหัวเสียแล้ว ถ้าสังเกตดีๆมันคือวิถีชีวิตของคนที่นี่ นั่งๆอยู่จะเห็นคนทักกันเหมือนรู้จักกันทั้งร้าน เท่าที่แอบถามคุณพี่ที่ช่วยสั่งข้าวให้
เขาก็บอกว่า เขามาที่นี่ทุกวันตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะขนาดนี้หรอก เป็นเหมือนที่มาเจอเพื่อนฝูงตอนเช้า กินติ่มซำ จิบกาแฟ แล้วแยกย้ายไปทำงาน ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังได้ฟีลเดิม เพิ่มเติมคือนักท่องเที่ยวหน้าเด๋อๆ เดินงงๆเข้ามาแบบพวกแกนิแหละ 555
หนังท้องตึง ก็ได้เวลาเดินย่อย ซึ่งถ้าเดินตรงขึ้นมาเรื่อยๆก้จะเข้าสู่ย่าน โซโห(SoHo) อีกย่านที่ดีกรีความเก๋แรงไม่แพ้กัน ยกตัวอย่างเช่น PMQ ห้างใหม่สุดฮิป มีทั้งร้านขนม อาหาร ร้านขายของ และแกลเลอรี่ในที่เดียว ให้เดินทอดน่อง และแวะถ่ายรูปสวยๆได้
ต่อมาก็แวะไปไหว้พระขอพรกันซะหน่อย ซึ่งในบริเวณนี้ก็จะมีวัดหมั่นโหมว (Man Mo Temple) วัดชื่อดังที่พวก Instagrammer ฝรั่งเขาชอบไปถ่ายรูปธูปวนสวยๆกัน แต่พอเราไปปุ้ป ปิดซ่อมจ้า 5555
ทีนี้พอเดินต่อมาทางซ้าย ก็จะเจอจุดมุ่งหมายหลักของวันนี้ คือ ย่านโปโห (PoHo) เป็นย่านเล็กๆที่ความฮิปนั้นอัดแน่น ถ้าจะมีสาระหน่อยก็คือ คำว่า โป(Po) ในภาษาจีนนั้นแปลว่าขุมทรัพย์ที่มีค่า ดังนั้นการมาเตรดเตร่ย่านนี้ซํกครึ่งวัน เราว่าก็เหมือนการมาขุดคุ้ยหาสมบัติจริงๆนั้นแหละ ยิ่งถ้ากาแฟ งานคราฟ งานออกแบบทั้งใหม่และเก่า ทำให้ตาลุกวาวแล้วละก็ ไม่ควรพลาดการมาย่านนี้ด้วยประการทั้งปวง
ส่วนตัวมาเดินวันธรรมดา ซึ่งค่อนข้างเงียบและมีร้านปิดบ้าง ดังนั้นถ้าเลือกได้คิดว่ามาวันเสาร์-อาทิตย์น่าจะคึกคักกว่านี้ แล้วเคล็ดลับอีกอย่างที่อยากกระซิบบอกคือ อย่าพยามปักหมุดว่าจะไปร้านไหนเป็นพิเศษ แล้วมุ่งหน้าตรงไปโดยลืมสอดส่องซอกซอยเล็กๆที่เดินผ่าน เพราะความสนุกของย่านนี้ คือการที่มีร้านใหม่ๆ แกลเลอรี สุดเก๋ฝุดขึ้นใหม่ตลอดเวลา
เมื่อซึมซับความเก๋กันจนอิ่มแล้ว เราก็โดดขึ้นรถเมล์เพื่อไปยังย่าน Wan Chai ย่านที่ขยับดีกรีความเท่ห์มาอีกระดับ เริ่มเป็นห้างร้านมากขึ้น ซึ่งจุดมุ่งหมายแรกคือ ร้านไอศกรีม Venchi Cioccolato Gelato ร้านไอศกรีมเจลลาโตเข้มข้น ที่รสชาติเข็มข้นถึงใจ สมฐานะ และราคา 555
จากนั้นเราข้ามมาฝั่งตรงข้าม เพื่อไปแวะจิบกาแฟที่ร้าน Omotesando Koffee แน่นอนว่าแค่ชื่อก็ไม่ฮ่องกงแล้ว เพราะนางเป็นสาขามาจากญีปุ่นนั่นเองจ้า สิ่งที่น่าชื่นชมคือ ความเท่ห์ และกลิ่นไอของร้านที่ ถ้าใครประทับใจสาขาออริจินอลที่ญี่ปุ่นแล้ว ต้องตกหลุมรักสาขานี้ไปเต็มๆเช่นกัน
อ้ะ เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ของกิน เราเลยเพิ่มความ Classic อีกนิดด้วยการนั่งรถรางสุดคลาสสิค สัญลักษณ์อีกอย่างของเกาะฮ่องกงเพื่อไปปิดวันที่ย่าน CauseWay Bay ย่านที่เต็มไปด้วยสีสัน และความคึกคักทั้งกลางวัน และกลางคืน นอกจากร้านอาหารสวยๆ บรรยากาศดีๆแล้ว ขาช้อปทั้งหลายต้องเตรียมตัวกุมกระเป๋าเงินเอาไว้ให้ดีๆ เพราะร้านค้าแต่ละร้านในย่านนี้ Damageแรงมาก ใครกะว่าจะมาแค่ Window Shopping อาจจะเผลอพ่ายแพ้อำนาจมืดไปได้ง่ายๆ
Kowloon Side
แน่นอนว่าย่านสุดฮิตอันดับต้นๆที่จะนึกถึงเมื่อพูดถึงฝั่งเกาลูน คงหนีไม่พ้นจิมชาซุ่ย มงก๊ก และซุมซุยโป ซึ่งเราก็พักอยู่แถวๆนั้นแหละ 555 เพราะเถียงไม่ได้จริงๆเรื่องความสะดวกสบาย และร้านอาหารที่มีให้เลือกแบบละลานตา ดังนั้นกิจกรรมหลักของเราคือ การ!กิน!
เปิดมื้อแรกกันเบาๆ ด้วยสัญลักษณ์อีกอย่างของฮ่องกง นั่นก็คือ โจ๊ก! อาหารฮอตฮิตติดอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่มาเยือนฮ่องกง จนถึงขั้นที่ว่ามีเมนูภาษาไทยแล้วไม่พอ คนขาย(ที่เป็นคนฮ่องกง) ยังสามารถสื่อสารภาษาไทย จนเราสามารถสั่งอาหาร และคิดเงินทุกอย่างเป็นภาษาไทยได้เลย! เอาใจกันสุดๆ ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านในต่างแดนยังไงยังงั้น 555
Nathan Congee and Noodle คือร้านที่เราเลือก เหตุผลง่ายๆ เพราะอยู่ใกล้นั่นเอง ซึ่งถ้ามาตอนเช้าคิวจะยาวนิดนึง ถ้าใครไม่อยากรอนาน อาจจะขยับเมนูนี้มาไว้มื้อเย็นก็ได้นะ ร้านเขาเปิดยาวๆ ตั้งแต่ 07.30 ถึง 23.00 เลยแหละ
ต่อมาใกล้ๆกัน จะมีอีกร้านที่มีชื่อเสียงมายาวนานเหมือนกัน ได้แต่ Yee Shun Milk Company ซึ่งจากชื่อก็พอเดาออกแล้ว ว่าที่นี่ขายนมจ้า มีทั้งนมร้อน นมเย็น และเมนูเด็ดสุดๆ ขึ้นชื่อของร้านเลยก็คือ “เต้าฮวยนมสด” ซึ่งนอกจากมีทั้งแบบร้อน และแบบเย็นแล้ว เขายังมีหลายรสชาติมากๆให้เลือกด้วย ตั้งแต่เบสิคอย่างรสนมธรรมดา ไปจนถึงรสขิง!
นอกจากเรื่องของกิน ที่ทุกคนให้ความไว้ใจฮ่องกงว่าเป็นอันดับต้นๆของโลกมาตลอด ไปฮ่องกงครั้งนี้เราเห็นเทรนด์ที่น่าสนใจมากๆอีกอย่าง ก็คือ Craft Beer หรือเบียร์สดแบบทำเอง ซึ่งเป็น Local Brand มากขึ้น รวมถึงร้านค้าที่เปิดขาย Tap Beer ก็ผุดขึ้นเต็มไปหมด อย่างรอบนี้เราแวะไปที่ Kowloon Taproom ซึ่งรวบรวมเบียร์หลากหลายชนิด ทั้งโลคอล และนำเข้ามาให้ได้ลองกันในที่เดียว ดังนั้นใครเป็นคอเบียร์ ไปถึงฮ่องกงแล้ว อย่าลืมไปลองกัน!
สุดท้ายหวังว่าเราจะทำให้ใครหลายคนที่คิดว่า ฮ่องกงไม่เห็นจะมีอะไรเลย ได้ไอเดียในการไปเที่ยวมากขึ้น แล้วอย่าลืมวางแผนกันดีๆ จะได้ใช้เวลาเที่ยวได้คุ้มค่าทุกเม็ดทุกหน่วย อย่างที่เราเลือกจองกับ Thai AirAsia เพราะที่นี่มีไฟลท์ครอบคลุมทั้งเช้า กลางวัน เย็น ทำให้การเดินทางมาฮ่องกงนั้นสะดวกขึ้นและประหยัดขึ้นอีกเยอะเลย!