ถ้าถามเพื่อนสาวซักสิบคนว่าอยากไปทะเลที่ไหนมากที่สุด คงไม่ต้องให้ลองหลับตาแล้วนึก เพราะพวกนางก็คงนั่งน้ำลายย้อย ตาลอย แล้วจินตนาการเอาตัวเองไปแหวกว่ายอยู่ใจกลางมหาสมุทรอินเดียแล้วแน่ๆ
ใช่! เรากำลังพูดถึงประเทศหมู่เกาะที่สวยระดับโลก หมู่เกาะที่เต็มไปด้วยสีสัน วัฒนธรรมของคนท้องถิ่น และรวมถึงรีสอร์ทหรูมากมาย ที่รอให้เราไปนอนเอาเท้าไขว้กัน สวมหมวกปีกกว้าง ทาปากแดงๆ แล้วสั่งค็อกเทลที่แรงที่สุดให้หน้าแดงระเรื่อย ให้สมกับการมาใช้วันหยุดที่คุ้มค่า มัลดีฟส์รอทุกคนอยู่แล้ว!
เราอาจจะเห็นรีวิวที่เดินทางเลือกซักโรงแรมหรูแล้วไปทิ้งตัวอยู่ในนั้นซัก 3-4 วัน แต่รีวิวนี้อยากแนะนำและ Educate ให้ทุกคนรู้ว่า จ่ายแบบเบ๊าเบา ก็เที่ยวมัลดีฟส์ได้ ทั้งนอนแบบหรู และสัมผัสชีวิตแบบโลคอล เป็น 3 วัน 3 สไตล์ในมัลดีฟส์กับไปไง มาไง เบะปาก ชายหางตาบอกเลยค่ะว่าไม่ธรรมดา ;)
เราออกเดินทางกับสายการบินไทยแอร์เอเชียคนดีคนเดิม บางคนอาจจะงง เอ้ะ มันมีบินตรงด้วยหรอหรือต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ก่อน ? บินตรงสิ เพราะไทยแอร์เอเชียเริ่มบินตรงจากดอนเมืองถึงมัลดีฟส์แล้วนะ! โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 4 ชั่วโมง ซื้อ Prebook-meal มื้อละร้อย และจอง Premium Seat นอนยาวๆ แปปเดียวก็ถึงแล้ว ในราคาที่คุ้มค่าที่สุดและเหลือเงินก้อนไว้ใช้สร้างความบันเทิงให้กับตัวเองในมัลดีฟส์นะฮ้า
ประเทศหมู่เกาะมัลดีฟส์ มีสนามบิน Velona International Airport(MLE) ที่เครื่องบินใหญ่ๆ จากต่างประเทศลงได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมาจากมุมไหนของโลกก็ต้องลงสนามบินนี้ ก่อนจะต่อ Seaplane หรือ Speedboat ไปเกาะของโรงแรมต่างๆ อีกทีหนึ่ง
Good to know..
บางคนเป็นสาว Social ถามเราว่า “พี่คะถ้าหนูไม่ได้นอนหรู กินแพง Water Villa จะมีอินเตอร์เนตให้หนูเล่นมั้ยคะ กลางน้ำกลางเกาะขนาดนั้น?” บอกเลยว่ามีค่ะ เราแนะนำยี่ห้อ Dhiraagu เพราะชาว Maldivian บอกเราว่ายี่ห้อนี้เร็วที่สุด 3 GB -16 USD หรือเยอะหน่อย 15 GB – 22 USD อัพรูปกันให้สนั่นหวั่นไหว เอาไว้บอกพ่อกับแม่ว่าลูกสาวสวยไม่ต้องเป็นห่วง เล่นได้ทุกเกาะในมัลดีฟส์กันไปเลย
DAY 1 – Stay like Maldivian!
แพลนของเรารอบนี้หลังจากเถียงกันนานว่าจะนอนหรูไปเลย หรือสัมผัสชีวิตโลคอลดี คุยกันไปๆ มาๆ ก็จบที่สัมผัสชีวิตโลคอล! เพราะค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า และได้เห็นมัลดีฟส์ใน
มุมอื่นๆ ด้วย เราเลือกเกาะ Thoddoo ซึ่งหากจากสนามบินประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีมาเกาะนี้อาจจะยากนิดนึงแต่คุ้มค่า เพราะมีเรือแค่วันละรอบเท่านั้นจาก MLE
วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางมาที่นี่คือติดต่อกับโรงแรมท้องถิ่นบนเกาะ ซึ่งราคาเบาๆ คืนละพันกว่าบาทก็มี ให้เค้าจัดเรือไปรับให้ตรงกับเที่ยวบินของเรา ราคาจะค่อนข้างสูง อาจจะต้องหารกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่เดินทางพร้อมกัน ถ้าหารจะตกอยู่ที่คนละ 25 USD ต่อหนึ่งเที่ยว แต่ถ้าหากจะรอเรือรอบปกติ เรือจะออกจาก Thoddoo ตอนเจ็ดโมงเช้า กลับจาก MLE สี่โมงเย็น
ความไกลในการเดินทางมาเกาะในวันนี้คือรอยยิ้มของเด็กๆ ที่มาต้อนรับ พร้อมน้ำมะพร้าวและพวงมาลัยหลากสีจากดอกไม้บนเกาะ นี่ไม่ใช่ Activities ปกตินะ ต้องมีคนมาเยอะพอสมควรถึงจะมีกิจกรรมแบบนี้ สำหรับเรารู้สึกคิดถูกมากเลยที่เลือกมาที่นี่ด้วย เพราะรอยยิ้มของคนบนเกาะมันอบอุ่นมาก
หมู่เกาะมัลดีฟส์เป็นประเทศมุสลิมเพราะฉะนั้นอย่าเอาหมูเข้ามาทานเด็ดขาดเป็นการเคารพสถานที่เนอะ เกาะนี้ยังมีความฮิปเต็มไปหมด ทั้งกราฟิตี้ข้างทาง รอยยิ้มของเด็กๆ และชาวเกาะที่เห็นนักท่องเที่ยวแบบเราก็จะยิ้มให้ เดินไปไหนก็ไม่น่ากลัวและไม่อันตรายเลย
Thoddoo เป็นเกาะที่ดังเรื่องเกษตรกรรมเพราะเป็นไม่กี่เกาะในมัลดีฟส์ที่สามารถดึงน้ำจากใต้ดินขึ้นมาทำการเกษตรได้ ผลไม้หลักๆ ของพวกนางคือมะละกอ มะพร้าว แตงกวา แตงโม สังเกตดูดีๆ ส่วนใหญ่เป็นพื้นอุ้มน้ำหมดเลย 5555
เราพักกันที่ Holiday Cottage Thoddoo ที่มีนี่คิ้วท์ๆ ห้องน้ำใหญ่ เตียงใหญ่ สะอาดและแอร์เย็นสบาย แต่มีแค่ 4 ห้องเท่านั้นนะ 5555 หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็ติดต่อกับโรงแรมว่าจะไปเกาะใกล้ๆ ชื่อ Picnic Islands ราคาเริ่มต้นแค่คืนละประมาณ 1,800 บาทเท่านั้นเอง
เพื่อนๆ สามารถเหมาเรือออกเกาะไปได้ โดยราคาครึ่งวันอยู่ที่ 120 USD นั่งได้ประมาณ 10 คนและสามารถให้เค้าแนะนำพาแวะเที่ยวเกาะเล็กๆ ต่างๆ ได้ด้วย แต่รอบนี้เวลาเราค่อนข้างจำกัด เลยไปแต่ Picnic Islands แต่ถ้ามาจากเกาะ Maafushi Joint Tour กับคนอื่นจะอยู่ที่คนละ 25 USD
Picnic Island เป็นเกาะเล็กๆ กลางทะเล เสน่ห์ของมันคือการมานอนอาบแดด บนหาดทรายสีขาวๆ เพราะ Sandbank ของที่นี่ขาวมากกกกกก และถ้าใครชอบ Snorkel ก็สามารถดำน้ำดูฝูงปลาและปะการังต่างๆ ใครโชคดี อาจจะเจอพี่เต่าหรือพี่กระเบนมาว่ายเล่นด้วยก็ได้นะ
เรากลับเข้ามาบันเทิงต่อที่ Thoddoo ถ้าใครคิดว่านี่คือเกาะโลคอลบ้านๆ ที่พระอาทิตย์ตกปุ๊ป ต้องปิดไฟนอนนี่คิดผิดนะจ้ะ!
เพราะที่นี่มีหาด 2 หาด หาดแรกสำหรับให้มานอนอาบแดดสวยๆ อ่านหนังสือ สร้างผิวสีแทนให้เร่าร้อน 555
กับอีกหาดนึงที่อยู่ใกล้กันในระยะเดินถึง คือหาดสำหรับเล่นกีฬาทางน้ำ โหวยยย ราคาถูกจนเหมือนพัทยา เช่น Wake Board รอบละ 25 USD เล่นได้ประมาณ 30 นาที แถมมีบริการสอนอีกต่างหาก และยังมีหลายกิจกรรมทั้งขับเจ็ตสกี บานาน่าโบ๊ท
ตอนแรกเราคิดว่าบนเกาะนั่งท่องเที่ยวคงไม่เยอะ ที่ไหนได้ เยอะมากๆ ฝรั่งเอย เกาหลีเอย จีนเอย ต่างออกมาใช้ชีวิตสัมผัสมัลดีฟส์แบบโลคอลกันทั้งนั้น
ยิ่งตอนเย็นมีการแสดงของคนท้องถิ่นเราจะเห็นทุกคนออกมาเอ็นจอยกันแบบสนุกสนาน ไร้พรมแดนภาษาและเชื้อชาติ มีแต่เสียงหัวเราะ ดนตรี และการเต้นรำแบบแซ่บๆ เผ็ดที่สุดเป็นเพื่อนกัน
DAY 2 – More fun in Maafushi!
เช้าวันต่อมาหลังจากอิ่มเอมกับโลคอลสุดๆ กันแล้ว เราตื่นมาขึ้นเรือเพื่อไปอีกเกาะทันที เกาะนี้เป็นเกาะที่ฮิตที่สุดสำหรับการเที่ยวแบบ Budget Trip ในมัลดีฟส์
เพราะ Maafushi เป็นเกาะที่มีโรงแรมมากมายให้เลือกพักในราคาที่ไม่แพง อธิบายก่อนว่า “ทุกอย่างและทุกกิจกรรมในมัลดีฟส์ สามารถซื้อทัวร์ได้!” ที่ Maafushi เราพักกันที่ Kurumba Villa ที่พักตรงนี้ห่างจากริมหาดออกมานิดนึง เพราะเราไม่อยากได้ยินเสียงดังตอนกลางคืน ราคาคืนละ 2,000 นิดๆ ห้องสะอาดสะอ้าน แอร์เย้น อยู่สบายเลยแหละ ราคาที่พักบนเกาะ Maafushi อย่างที่บอกว่าทุกอย่างสามารถซื้อทัวร์ออกไปได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายๆ คนเรื่องจะนอนบนเกาะนี้เพื่อให้ประหยัดที่สุดแล้วตื่นเช้ามาก็ออกทะเลไปเที่ยวให้ฉ่ำก่อนกลับมานอน
ดังนั้นหลายๆ คนเลยเลือกหาโรงแรมบนเกาะนี้ แล้วซื้อทัวร์ออกไปในแต่ละวัน ทั้งทัวร์โลมา ทัวร์ดูปะการัง ทัวร์ดูพี่วาฬ หรือทัวร์รีสอร์ทหรู ซึ่งเป็นการซื้อทัวร์แบบไปใช้ชีวิตบนฃรีสอร์ทหรูทั้งวัน ทั้งกิน เล่นน้ำ นอนอาบแดดแล้วค่อยกลับตอนเย็น โดยซื้อได้จากโรงแรมที่เราพักหรือเดินดูตามหน้าหาด ส่วนใหญ่ราคาจะเท่าๆ กันหมด ไปหลายคนก็ต่อราคาได้นิดหน่อย
Maafushi เลยเป็นเกาะโลคอลที่คึกคักและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ถ้าวันไหนไม่อยากออกทะเล อยากนอนสวยๆ อาบแดด ที่นี่ก็มี Bikini Beach หาดที่สามารถเดินใส่ชุดว่ายน้ำ อวดเนื้อ อวดน่อง ได้เต็มที่เพราะเป็นโซนสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะหรืออยากเดินเล่นแบบชิวๆ บนเกาะริมชายหาดก็มีร้านคูลๆ เยอะแยะให้เลือกเลยแหละ
Maafushi เป็นอีกเกาะที่มีเรือจากสนามบินมามากที่สุด! ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ควรทำคือการจองโรงแรมมาก่อน ไม่ว่าโรงแรมกี่ดาว จองมาปุ๊ป เค้าจะเมล์กลับมาถามว่าต้องการเรือ รับ- ส่งมั้ย? แนะนำว่าให้จองกับโรงแรมไปเลย เพราะเค้าจะ Co กับหลายๆ โรงแรมจัดเรือมารับส่งพร้อมๆ กันในราคาที่ถูกลง ประมาณ 25 USD ต่อเที่ยว/คน
แต่ถ้าอยากไปหาเอาดาบหน้า Maafushi มี Speedboat จาก MLE วันละ4 รอบคือ
09.00 am/ 12.00 pm/ 13.00 pm /18.30 pm
และจาก Maafushi กลับเข้า MLE
08.00 am /10.00/ 12.00 pm / 16.30 pm
ถ้าอยากเช่าจักรยานไว้ปั่น สามารถหายืมจากโรงแรมได้เลย แทบทุกโรงแรมจะมีจักรยานให้ยืมฟรี แต่ถ้าใครซ่าหน่อยอยากจับมอเตอร์ไซค์อาจจะต้องเดินคอตก เพราะที่มัลดีฟส์ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขับมอเตอร์ไซค์เด็ดขาดจ้า!
Maafushi เป็นเกาะที่สะดวกที่สุดสำหรับคนที่จับต้นชนปลายไม่ถูกว่า เอ๊ะ ชั้นจะเริ่มแพลนเที่ยวมัลดีฟส์ให้คุ้มค่าที่สุดยังไงดี? ถ้า Budget Trip สุดๆ จองตั๋วเครื่องบินกับไทยแอร์เอเชีย > เลือกที่พักในเกาะ Maafushi > ซื้อทัวร์และกิจกรรมที่อยากทำ ง่ายๆ แค่นี้มัลดีฟส์ก็ชิวจะตายแล้วเธ๊ออออออ
DAY 3 – LUXURY Experience
คืนสุดท้ายในมัลดีฟส์ หลายๆ คนก็คงจะอยากเก็บที่แบบนี้ไว้มากับสามีหรือคนที่รัก แต่ทำยังได้หละ ในเมื่อหาให้ตายยังไงก็ไม่มาซักที รอจะมีก็นานเกินไป ถ้าเอาชีวิตไปผูกไว้แบบนั้น มัลดีฟส์ก็อาจจะไม่ได้มาดูนะคุณผู้ชม
นี่คือที่มาของการ Treat ตัวเองซักหน่อย นอนรีสอร์ทแบบ Full Board ในมัลดีฟส์กันซักคืน เลือกแบบที่ไม่แพงมาก เอาราคาปานกลาง ให้เพื่อนๆ ที่มาด้วยกันพอจ่ายไหว
เราพักกันที่ Adaaran Prestige Ocean Villas และ Adaaran Select Hudhuranfushi เป็นโรงแรมเดียวกันแต่แยกออกเป็น 2 ส่วน ที่นี่มีห้องพักทั้งแบบ Beach View ที่ตื่นเช้าขึ้นมาก็กระโดดน้ำใสๆ หน้าได้ทันที
กับแบบ Ocean Villa ที่ลอยสูงเหนือน้ำทะเล ให้ฟีลลิ่งเป็นแอร์เรียลหนีคุณพ่อไปให้เอลซู่ล่าเสกขาแล้วมานอนบนบก หรูหรา เป็นส่วนตัว พร้อมด้วยแชมเปญให้ดื่มกับแฟน อื้มหืมมมมม … ไฮโซไปอี้กกกกก
ในเมื่อเราเลือกแบบ Full Board ทำให้จะกิน จะดื่มอะไรระหว่างที่เข้าพักคือฟรีทั้งหมด! เราเลือกดินเนอร์ริมทะเล ดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่มหาสมุทรอินเดีย ส่วนพื้นน้ำก็มีลูกฉลามเล็กๆ แหวกว่าย น่ารักใสใส จนเผลอหันไปถามเพื่อนว่า “ลูกของเราจะน่ารักแบบนี้มั้ยคะ” เพื่อนก็ทำหน้างงๆ แล้วบอกว่า อีเพ้อเจ้อ …
ส่วนอาหารนั้นเพื่อนเราบางคนบอกอร่อยมาก ส่วนเราก็กินได้บ้างไม่ได้บ้างตามสไตล์คนกินยากไม่น่าอ้วน อาหารหลักๆ ของที่นี่จะเน้นโปรตีนจากปลาทูน่าเป็รหลัก ไม่ว่าอะไรถ้านอนเกาะโลคอลจะมีทูน่าเยอะมากๆ Recommend ให้อย่างนึงคือ Matsuni เป็นปลาทูน่า ผสมกับหอมแดง ผักชี พริก และมะพร้าวขูด อร่อยมากกกก รสชาติเหมือนกินยำปลาทูน่าแบบใส่มะพร้าว
มัลดีฟส์ของเรารอบนี้อาจจะไม่ได้หรูหรามากนัก แต่มันก็เป็นมัลดีฟส์ที่คุ้มค่าที่ใครๆ ก็บินมาตามรอยเราได้ จ่ายทุกอย่างให้ถูกลง ชวนเพื่อนมาเที่ยวด้วยกันได้มากขึ้น บินให้คุ้มและเหลือเงินไปนอนรีสอร์ทโฮเทล
ขากลับเราเดินทางกลับกับไทยแอร์เอเชีย เครื่องออกเที่ยงๆ ทำให้ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าตรู่มาสนามบิน ใครอยากเห็นวิวฮอตฮิตจากบนเครื่อง ขาไปให้เลือกที่ยั่งฝั่งซ้าย ส่วนขวากลับให้นั่งฝั่งขวา มันจะเป็นภาพเริ่มทริปและจบทริปที่สวยจนประทับใจแน่ๆ