คืองี้ๆ ล่าสุดนัดกับเพื่อนกันว่าอยากไปดูซากุระที่ญี่ปุ่น แม้ไอ่เราก็ไม่ใช่คนที่อินกับดอกไม้อะไรขนาดนั้น แต่ในเมื่อนัดกันแล้ว โอเคค่ะไปไงก็ไปกัน แต่ดั๊นนนนน! ไปติดงานอื่นตอนที่ซากุระที่ญี่ปุ่นกำลังจะบานพอดี เลยได้เทกันยกทริป ญี่ป่งญี่ปุ่นไม่ได้แล้วทั้งนั้น เทกันไปเทกันมา จนสุดท้ายก็จับพลัดจับพลูได้มาดูซากุระที่ไทเปกันแทน! ซะงั้น! อย่างงี้แหละเน้าะชีวิต สวยๆก็บุญหล่นทับกันตลอด 5555 เอ้า ไปก็ไป ไปไทเปกันค่า!
ไทเปรอบนี้เราเดินทางกับไป NokScoot (นกสกู๊ต) สายการบินราคาประหยัดที่บินด้วยเครื่องใหญ่เพียงสายการบินเดียวจากดอนเมืองสู่ไทเป ทำให้เราได้นั่งสบายๆ กันในราคาประหยัดด้วยเครื่องบินลำตัวกว้างอย่าง Boeing 777-200 ออกเดินทางจากดอนเมืองทุกวัน ตอนดึกๆ ทำให้ถึงปุ๊ป รับกระเป๋า ซื้อซิมแล้วก็เริ่มเที่ยวได้ทันที
อ่ะ ขอเริ่มเล่าจากความงงของตัวเองให้ฟัง เผื่อคนที่จะจองตามจะได้ไม่งง คือนกสกู๊ตมีที่นั่งชั้นประหยัดมากถึง 4ประเภทด้วยกัน! เออ เยอะมาก โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูได้ตามลิงก์นี้ มันมีทั้งที่นั่งแบบประหยัดแบบมาตรฐาน จนไปถึงที่นั่งเหยียดขาได้ยาวสุด และที่นั่งน่าหมั่นไส้อย่างที่นั่งคู่รัก ที่ชาตินี้ก็ไม่รู้จะมีโอกาสได้นั่งรึป่าว ได้แต่มองบนแล้วเดินผ่านไป…
สำหรับแพลนทริปสำหรับไต้หวันรอบนี้ คือมาเพื่อดูซากุระ! ดังนั้นอย่างอื่นถือเป็นน้ำจิ้มเหมือนกินกระเพราที่บางที่แม่ครัวก็เผลอใส่แครอทมาด้วย 55555 โดยคร่าวๆ คือเดินทางเดินทางไปดูซากุระที่ Wuling Farm แล้วกลับมาสวยๆกันต่อที่ไทเป แวะคาเฟ่นู้น ออกคาเฟ่นี้ ทำตัวเบาๆ ไม่ต้องวิ่งสี่คูณร้อยเก็บแต้มเอาทุกที่ ให้เหมือนเป็นการมาพักผ่อนจริงๆ
NOTE
- ไปเที่ยวไต้หวัน ไปซื้อซิมที่นู่นเอา คุ้มมาก! ราคาถูกไม่ต่างจากบ้านเรา 5 วันแค่ 300 บาท เล่นเน็ตได้ไม่อั้น แถมค่าโทรให้อีกด้วย มี 3 เจ้า ราคาเท่ากันหมด ถ้าอยู่ในไทเป เนตแรงเหมือนๆกัน นี่ทดลองด้วยการซื้อซิมจากสองเจ้ามาทดลอง ฮ่าๆ
- Taoyuan Airport MRT เปิดให้บริการแล้วนะ! ต่อไปนี้ถ้าไม่อยากนั่งบัสเข้าเมือง ก็นั่งรถไฟนี่แหละง่ายๆ แค่ 30 นาทีก็ถึง Taipei Main Station แล้ว ช่วงนี้ค่าโดยสารลด 50% จนถึงต้นเดือนเมษา 2017 กันเลย ชิวมั่ก
Muiu Inn ที่พักรอบนี้ดีจนอยากแนะนำ ปกติเราไม่ค่อยแนะนำที่พัก เพราะแต่คนละก็เลือกนอนตามที่ตัวเองถนัด อย่างเราจะไม่ค่อยชอบนอนโฮสเทล ถ้าไปกับเพื่อนหลายๆ คนจองโรงแรมและหารกันน่าจะถูกกว่า แต่รอบนี้ลองของ บอกเลยว่าสะอาดสะอ้านที่สุดเท่าที่เคยพักโฮสเทลมา! อีกเหตุผลนึง คือเจ้าของหล่อและน่ารัก (อันนี้ส่วนตัวนิดนึง ถ้าโชคดีก็จะเจอ 5555) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เราเลือกที่นี่ เพราะมันตั้งอยู่ใจกลางเมืองไทเปเลย จะไปขึ้นบัสก็สะดวก จะเดินไป Taipei Main Station ก็ง่ายหรือจะไปช็อปปิ้ง Ximending ก็เดินไป
ที่นี่ตกแต่งดูอบอุ๊น อบอุ่น โทนสีเหลืองๆ ทุกอย่างทำจากไม้ ห้องนอนก็อบอุ่นเพราะค่อนข้างเล็ก 555 อันนี้ทำใจไว้เลย คือเหมาะสำหรับเอาไว้นอนจริงๆ นั่นแหละ แต่ข้อดีสำหรับที่นี่คือมีผ้าห่มหนาๆ ให้ปกติโฮสเทลแม่งมีแต่บางๆ เหมือนผ้าห่มรถทัวร์ อ่ะๆ ซูมความนุ่มฟูววว ของเครื่องนอนให้เห็นแบบชัดๆ หลังการพิสูจน์การใช้งานด้วยตัวเองแล้ว
แถมผ้าเช็ดตัวเปลี่ยนให้ทุกวัน พร้อมแปรงฟันและอุปกรณ์ในห้องน้ำ ที่ไม่ต้องเตรียมมาเอง มีหนังสือนำเที่ยวภาษาไทยด้วย 555 แต่ เอ้อ.. ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมหมดนะ แต่สะอาดสะอ้านใช้ได้ ชอบสุดตรงที่ชักโครกที่แอลกอฮอล์ให้เช็ดนี่แหละ รู้สึกตูดสะอาดขึ้นเยอะ!
มาค่ะ เกริ่นเวิ่นเว้อแนะนำทั้งตั๋วถูก ที่พักดี มาเริ่มเที่ยวกันได้ซะที ซึ่งเราขอเล่าเป็น Bullet ไม่ได้เรียงตามวันนะ อยากจะให้เลือกอันที่สนใจ แล้วไปแพลนเพิ่ม ลดกันต่อง่ายๆ ว่าจะไปที่ไหนบ้างหนะ
Outside Taipei
- Wuling Farm
เป็นสวนใหญ่ๆ ที่เปิดให้เข้าเฉพาะช่วงชมซากุระระหว่างเดือน 2 – 3 ของทุกปี ซึ่งข้อดีของที่นี่คือ เขาจะทยอยปลูกเป็นส่วนๆไป แถมปลูกหลายพันธ์ ทำให้ค่อนข้างแน่นอนว่า ตลอดช่วงที่เปิดให้เข้าชม ยังไง๊ ยังไง ก็ต้องเจอซากุระแน่ๆ คือถ้าโชคดีมากๆ มาเหมาะเจาะตอน Full Bloom ก็จะเห็นทั้งเขาเป็นสีชมพู แต่อย่างเรามาระยะสุดท้ายแล้ว ก็ยังเห็นเยอะอยู่ แต่ไม่ตลอดทั้งฟาร์มเท่านั้นเอง เราว่าที่นี่ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากลุ้น มีเวลาน้อย ไม่ต้องมาเสี่ยงแขวนดวงไว้กับพยากรณ์ ฮ่าๆ
วิธีการเดินทาง
1.ขับรถไปเองก็ได้ แต่ขอเตือนว่าทางโหดมากกกกก โค้งเกือบ 8,000 โค้งได้มั้ง ขดกันเป็นลำไส้เลยทีเดียวถ้าดูจาก map อ่ะ พอขับไปถึง ก็ซื้อตั๋วเข้าตรงหน้าอุทยาน ซึ่งเขาจำกัดจำนวนคนต่อวันนะ ถ้าไปถึงช้า อาจจะอดเข้า
2.ขึ้นรถบัส ซึ่งเป็นตั๋วรวมไป-กลับ และค่าเข้าอุทยานไว้เลย รอบรถก็มีตั้งแต่ ตี4.30 ยาวๆไปทุกครึ่งชั่วโมง นั่งไปประมาณ 4 ชั่วโมง มีจอดแวะพักเข้าห้องน้ำ และซื้อของกินเล่น 2 ครั้ง ซึ่งห้องน้ำก็ตามมีตามเกิดอะเน้าะ ออกนอกเมือง ยังไงที่แวะจุดแรกจะสะอาดกว่าจุดที่สอง รอบนี้เราฝากเพื่อนที่ไต้หวันซื้อตั๋วให้ แต่จริงๆแล้ว มาซื้อล่วงหน้าซัก 1-2วันก็ได้ ราคา 730 TWD เท่านั้น สถานที่ซื้อตั๋ว คือ Bus Station อยู่ข้างหลัง Taipei Main Station เลย
พอขึ้นรถปุ้ป คนขับจะแจกกระดาษให้ เป็นเวลารถขากลับ อย่างเราไปรอบ 6โมงเช้า ก็จะได้กลับโดยรถคันเดิมเนี่ยตอนบ่าย 3 แต่จริงๆ รถเริ่มวิ่งกลับตั้งแต่ บ่าย2ครึ่ง ดังนั้นใครอยากกลับก่อน ก็ไปขอเปลี่ยนรอบได้ เมื่อถึงฟาร์มแล้ว
ก็นั่งๆนอนๆเม้ามอยหอยสังข์ไป แป้ปๆก็ถึงแล้ว โดยรถบัสจะไปหย่อนเราจุดบนสุด แล้วค่อยๆให้เดินชมดอกไม้ริมสองข้างทางลงมาเรื่อยๆ ระยะทางเดินคร่าวๆประมาณ 4 กิโลเมตร จะว่าใกล้ก็ใกล้ จะว่าไกลก็ไกล แต่ยังดีที่ตลอดทางเป็นทางราบ เด็กเดินได้ ผู้สูงอายุเดินดี
ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำว่าอย่าเป็นบ้าหอบฟางไปดีที่สุด เลือกกระเป๋าที่เหมาะสม อย่างเราแบกทั้งกล้อง มือถือ แผนที่ กระเป๋าตังค์ หรือแม้กระทั่งพกอาหาร ขนม และน้ำ ทั้งหมดก็เอาอยู่ด้วย #LongchampTH ใบเดียว ถ่ายรูปได้ไม่เคอะเขิน เข้ากับการไปปิคนิคแบบลูกคุณ ท่ามกลางดอกไม้สีชมพูโปรยปรายสุด อ้อ! แต่ใครขี้เกียจแบก เขาก็มีจุดที่ขายอาหาร และขนม ซึ่งมีน้ำร้อนให้กดเติมบะหมี่ด้วย
ระหว่างทาง นอกจากซากุระแล้ว วิวรอบตัวก็สวยไม่แพ้กันเลย อย่างตรงนี้เป็น Fishing Point ซึ่งจริงๆไม่น่ามีปลาแล้วนะ เพราะน้ำตื้นมาก 555 แต่น้ำสีฟ้าดีจัง เห็นละสดชื่นน
เท่าที่สังเกต ซากุระที่นี่มีหลายพันธุ์มากกก เดินๆไปก็จะเอ้ะ ทำไมต้นนี้สีเข้มกว่าเมื่อกี้ และจะต่างจากญี่ปุ่นนิดหน่อย ตรงที่ปลูกบนเขา ต้นเลยจะสูงใหญ่ ไม่ได้อยู่ระดับสายตาขนาดนั้น แต่มองรวมๆแล้วก็สวยไปอีกแบบ แต่แอบบอกก่อนว่า ถ้าตามรอยไปเร็วๆ นี้ไม่รู้จะทันอยู่รึป่าว ก็มันธรรมชาติอะเน้าะ ร่วงโรยแบบบังคับไม่ได้ แต่เก็บไว้เป็น Shortlisted ไปดูได้เลย สำหรับปีหน้าแน้
- Xinbeitou
เป็นเมืองน้ำพุร้อน ที่เดินทางสะดวกเว่อๆ ด้วย MRT สายสีแดง เพียง 30 นาทีจากใจกลางเมือง แนะนำสุดๆสำหรับใครที่อยากสัมผัสธรมชาติ แบบไม่ต้องเหนื่อย หรือเดินทางกับผู้ที่นั่งรถนานๆไม่ได้ ซึ่งจะไปครึ่งวัน ทั้งวัน หรือจะนอนค้างเลย ก็แล้วแต่ศรัทธา มีพิพิทธภัณฑ์ จุดชมวิวบ่อน้ำร้อน (ที่เราไปแล้วฝนตกหนักมาก มองไม่เห็นอะไรเลย) จุดแช่น้ำร้อนสาธารณะ
แต่ที่แน่ๆ ห้ามลืมโฉบไป ชมห้องสมุดที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับโลก แล้วนั่งหย่อนก้นอ่านหนังสือที่ชอบซักชั่วโมง มันฟินดีจริงๆนะ
Inside Taipei
- Cafe & Food
Fujin Street
ถนนขึ้นชื่อเรื่องความฮิป ถิ่นกาแฟและร้านค้าสวยงาม ราวกับเด้งหลุดออกจากแมคกาซีน ที่กระจุกตัว แทรกซึมไปกับบ้านเรือนและร้านโลเคิลๆ พอดีว่าวันที่ไปฝนตกทั้งวัน เลยจะฝังตัวอยู่ในร้านใดร้านนึงนานหน่อย อ่อ…ร้านกาแฟที่นี่ บังคับสั่งขั้นต่ำคนละ 1 แก้วนะ พวกขนม/อาหารเนี่ย ก็ไม่นับนะจ้ะ
แต่ถ้าจะให้เพลินจริงๆ ลองเลือกวันที่อากาศดีๆซักวัน มาเดินหลงไปหลงมา หาร้านใหม่ๆ ถ่ายรูปตึก โอ้ย อยู่ได้เป็นครึ่งวันเลย
Chun Shui Tang Tea House (Chiang kai shek memorial hall branch)
อยากบอกว่า ใครแวะมาเจียงไคเช้คแล้ว อย่าลืมไปกินชานมไข่มุกของโปรดเราด้วย! เดินไปเลยที่ National Theater Concert Hall (ฝั่งซ้ายมือถ้าหันหน้าเขาอนุสาวรีย์)
นางเป็นร้านขายชานมไข่มุกที่มีอาหารด้วย แบบนางเคลมว่า ของนางอ่ะ ต้นตำหรับ สูตรดั้งเดิมจากไถจง ขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยปี 1980 โน้นแหนะ โดยเอกลักษณ์ของร้าน คือ เม็ดไข่มุกจะเล็กพอดีหลอด ดูดปรื้ดแบบไม่ต้องออกแรง และตัวชานั้นหอมเหลือเกิน กินเพลิน หมดไม่รู้ตัว
Taipei Fish Market
จะต้องสาธยายความดีงามของที่นี่กันอีกเท่าไหร่ ว่ามันดี ดี ดีจริงๆ สะอาด สะอ้าด ลบภาพจำมหาชัยบ้านเราไปได้เลย ถ้าใครชอบกินปลาดิบ ที่นี่คือสวรรค์ย่อมๆในราคาเบาๆ แต่ถ้าใครไม่กินของดิบ ก็มีโซนอาหารทะเลปรุงสุกให้เลือกสรรค์
ถ้าชิวหน่อย ก็เลือกเป็นกล่อง แล้วไปนั่งกินด้านนอก หรือถ้าในกล่องไม่ถูกใจ ด้านในมีร้านซูชิที่ปั้นตามสั่ง แต่ปิดรับคิวตอนบ่าย 2 และชั้นสอง มีร้านชาบู ที่ขายเป็นชุดๆ รวมถึงด้านนอก ก็มีโซนปิ้งย่างพร้อมเสิร์ฟนาจา มาเถอะ รับรองไม่ผิดหวัง และอย่าลืมกินชีสเค้กด้วย!
Hong Fan Tian
ถ้าญี่ปุ่นมีร้านชาการิกิ (Shakariki) ฉันใด ที่ไต้หวันก็มีร้านเร่อเฉา (rechao) ฉันนั้น โดยจริงๆแล้วมันคือ ร้านขายอาหาร ที่คนมาเพื่อกินเบียร์ เอ้ะ! ไม่งงซิ คือเหมือนเป็นร้านข้าวต้ม ขายอาหารตามสั่ง ฟรีข้าวสวย ไว้ให้กินเป็นกับแกล้มเบียร์อารมณ์นั้น ซึ่งฮอตฮิตมากในหมู่วัยรุ่น และคนทำงาน คืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ช่วงหัวค่ำนิคนแน่นเอี้ยดดด!
การันตีความเมา ด้วยสาวเชียร์เบีย และลังเปล่าที่รอเก็บขวด ตั้งวางไว้ข้างๆโต้ะ เมนูแนะนำ คือ มันทอดพริกไทยดำ เคี้ยวกรุบกรับเพลินสุดๆ และเต้าหู้ผัดไข่เค็ม กินกับข้าวสวยร้อนๆ นิหมดจานไม่รู้ตัว และเบียร์สด 18 วัน!
มีขายเฉพาะตามร้านนั่งแบบนี้เท่านั้น ในร้านสะดวกซื้อหาไม่เจอนะจ้ะ คือคอนเซปประมาณว่า เป็นเบียร์ที่จะได้รสเบียร์สดถ้ากินภายใน 18วันนับจากผลิต เออ ลองแล้วก็นุ่มใช้ได้เลย
- Market
COMMUNE A7
เป็นตลาด Foodtruck เปิดใหม่สดๆร้อนๆ บรรยากาศดีงาม อยู่ใกล้กับตึก Taipei 101ด้วย จะแวะมาเดินเล่น ถ่ายรูป หรือส่องหนุ่มหน้าตาดี ก็มากันได้ตั้งแต่เย็นๆ จนถึงดึก คือเราว่าเป็นอีกทางเลือก ถ้าเบื่ออาหารในห้าง หรือใต้ตึก 101 แล้ว แต่ไม่อยากไปไหนไกล ก็แค่เดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง
อาหารมีหลากหลาย ตั้งแต่ เบอร์เกอร์, อาหารอิตาเลี่ยน, ราเมง และอื่นๆ ราคาแรงพอประมาณ แต่บรรยากาศดี คอนเฟิร์ม!
Gongguan Night Market
ตลาดนี้ใครที่อยากหาซื้อรองเท้ากลับบ้าน ต้องไม่พลาด เพราะเป็นย่านที่รวบรวมรองเท้ากีฬาทุกแบรนด์ดัง มาขายหั่นราคากันแบบกระเป๋าเงินสั่นระริกระรี้ แต่นอกว่านั้นแล้ว กงก๋วนยังอุดมไปด้วยของกิน! ทั้งร้านข้างทางที่ละลานตา และเมนู ชานมไข่มุกคุณลุง สาขาเดียวที่นี่ ที่ตักไข่มุกร้อนๆ หอมน้ำตาลทรายแดง มาผสมกับชานมและเลือกได้ว่าใส่น้ำแข็งหรือไม่ น่าจะถูกใจคนชอบกินหวาน และรักเม็ดไข่มุกใหญ่ๆนุ่มๆ
และยังมี Mala Yuanyang Hotpot ยอดฮิต ที่ถ้าไปสาขา Ximenting อาจจะต้องรอคิวข้ามวัน(อันนี้เว่อ) ซึ่งถึงแม้ราคาแรง แต่คุณภาพนางก็ได้จริงๆ ยิ่งอากาศหนาวๆเข้าไปซดซุปร้อนๆ นิยอมใจเลย
- Attention
Longshan Temple
วัดชื่อดังของไทเปขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ คนเยอะทั้งวัน ทุกวัน ใครมาไหว้แล้ว ก็อย่าลืมหยิบธูปแจกฟรี จากทางด้านขวา ไปไหว้พระใหญ่ก่อน
จึงจะค่อยวนมาไหว้ขอผัว เอ้ย! ขอคู่ จากเทพเจ้าด้านในนะจ้ะ สำหรับคนที่นกอยู่ ตอนขอก็ง่ายๆ อยากได้แบบไหนก็ลิสไปให้หมด แต่เยอะมากๆ ระวังเจ้าหาไม่เจอ และสำหรับคนมีคู่แล้ว ก็สามารถขอให้รักยืนยาว หรือขอลูกก็ได้นะ // (รูปล่างโฟกัสผิดไปนิสนึง ฮี่ๆ)
Taipei Fine Art Museum
เป็นอีกที่ๆอยากให้มากัน เพราะพิพิธภัณฑ์ที่นี่ ไม่น่าเบื่ออย่างที่เราคุ้นๆกัน งานที่จัดแสดงจะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป้นแบบ Interaction คือมีอะไรให้เล่น ให้เป็นส่วนตัว แต่น่าเสียดายที่ไปตรงช่วงกำลังเปลี่ยนพอดี เลยได้ดูเป็นงานแสดงภาพถ่ายของศิลปินชาวไต้หวัน เกี่ยวกับผู้คน เมือง และความคิดที่สะท้อนออกมาจากฝนงานทั้งชีวิตเขาแทน ก็เรียบๆ แต่ทรงพลังดี
และชั้นล่าง อันนี้ให้เข้าชมฟรี จัดแสดงผลงานที่เข้าประกวด Taipei Art Award 2016 กับงานจากหลายๆศิลปินใน Theme ‘Collecting& So On’ มีอันนึงเป็นดิน จากหลายๆเมืองทั่วประเทศญี่ปุ่น เอามาเรียงต่อกันได้เป็นเฉดไล่สี คิ้วโคตรๆ
Paper museum
พิพิธภัณฑ์กระดาษที่หาเจอแบบงงๆ และไปมาแบบงงๆเช่นกัน 55 หลักๆคือ มี Workshop การทำกระดาษ การทำลายพิมพฺ ลายสกรีน และการเย็บสมุด รวมถึงประวัติศาสตร์ของกระดาษ ว่าผลิตยังไง สมัยก่อนมีกระดาษเราใช้อะไรแทน แต่ละประเภทกระดาษมีความสำคัญต่างกันยังไง บลาๆ
เหมาะกับการพาลูกเด็กเล็กแดงมาเล่นมากๆ นอกจากนี้ยังมีงานแสดงอีกอันที่ชอบมากๆ เป็นการนำกระดาษสีขาว บางๆหน่อย มาแขวนเป็นมู่ลี่กั้น ให้เดินแหวกเข้าไป คือแขวนละเอียดมาก หาทางออกแทบไม่เจอ 55
อ่ะๆ ใครยังไม่จุใจ ตามไปอ่านไทเปในแบบฉบับอื่นๆต่อกันได้ที่นี่ และนี่ เลยนะ
ส่วนขากลับเราเดินทางกลับด้วย NokScoot เหมือนเดิมแต่เปลี่ยนชั้นโดยสารนะฮ้า รู้เลยว่าต้องอดหลับอดนอนจากคืนก่อนกลับเพราะมัวแต่เมาท์กันเพลินก่อนนอนแน่ๆ เรากลับกรุงเทพกับ ScootBiz เป็นชั้นธุรกิจของนกสกู๊ต
บอกตรงๆ ว่าอย่าคาดหวังว่ามันต้องหรูหราหมาหอนนะ แต่ความสะดวกถือว่าดีมาก เพราะ ScootBiz เนี่ยสามารถโหลดกระเป๋าได้มากถึง 30กิโล แต่ถ้าไม่จุใจก็ซื้อเพิ่มได้อีก 10 กิโล ถือเพิ่มขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ มีอาหารให้ สามารถเช็คอินที่ช่องพิเศษและเดินสวยๆ ขึ้นเครื่องก่อนไม่ต้องต่อคิว พร้อมเลือกที่นั่งได้ฟรี แถมเบาะหนังกว้างกว่าชั้นประหยัด และเอนนอนได้เยอะกว่าแน่นอน
ราคาแพงกว่านิดหน่อยแต่ความสะดวก จากที่นั่งสบายอยู่แล้วจะเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว เอาจริงๆว่าเกือบ 4 ชั่วโมงจากไทเป ได้กินอิ่มๆ แล้วงีบไป จะมารู้ตัวอีกทีก็ถึงแล้วกรุงเทพแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวล จากการไปไต้หวันมาหลายรอบ เมื่อมีคนบอกว่า ไต้หวันก็เหมือนญีปุ่นแต่ถูกกว่า ซึ่งเราขอเถียงเอ็นขึ้นคอ ว่าไม่จริงอะ! ไต้หวันก็คือไต้หวัน มันก็มีเอกลักษณ์ของมันที่ญี่ปุ่นไม่มี มีความน่ารักในแบบของตัวเอง โดยสำหรับเราไต้หวัน เป็นอีกเมืองนึงที่ไปได้ไม่รู้เบื่อ มันก็เหมือนฮ่องกง หรือสิงคโปร์ที่เหมือนจะเล็กๆ แต่ก็ขยันผุดนิทรรศการ ร้านค้า งานใหม่ๆ และเป็นต้องได้เสียเงินกับของจุ๊กจิ๊กๆ เล็กๆแต่รวมแล้วราคาไม่น้อย ทุกครั้งที่ไป ฮ่าๆ
แต่ไต้หวันจะเพิ่มขึ้นมาตรงที่ ธรรมชาติเยอะ และสมบูรณ์มาก ทั้งป่าเขา ทั้งทะเล ทั้งดอกไม้ โอ้ยยยย! พูดแล้วก็ยังมีอีกหลายๆ ที่ในไต้หวันที่เรายังไม่ได้ไป และหวังว่าคงได้มาอีกหลายๆรอบ อยากจะค่อยๆชิมกันไปเรื่อยๆ เหมือนเวลาจีบผู้อะ ทีละนิดๆ จะได้ไม่เบื่อกันซะก่อน :)