เที่ยวจีนชิคกว่าที่คิด! ครั้งนี้เราพาบินลัดฟ้าไปเที่ยวจีนกับอีกรอบกับ ไทยแอร์เอเชียและไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ที่เมืองเซี่ยงไฮ้-หางโจว มหานครสุดชิคและเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในจีน ที่ผสมผสานทั้งคลาสสิกของเมืองท่าแบบเอเชีย และกลิ่นอายความยุโรปนิด ๆ จนกลายเป็นเสน่ห์ความเก๋ในแบบของตัวเองและได้ฉายาว่า ‘ปารีสแห่งตะวันออก’ เป็นเครื่องยืนยันว่ามหานครแห่งนี้ ต้องมีของดีซ่อนตัวอยู่แน่นอน
ที่นี่เค้าก็มีจุดเช็กอินชิค ๆ แบบใหม่แบบสับเพียบ รับรองว่าถูกใจสายอาร์ต สายคาเฟ่ และโดนใจสายถ่ายรูปให้เอนจอยกันตลอดทริป เซี่ยงไฮ้-หางโจว 3 วัน 2 คืน เที่ยวแบบเต็มแม็กซ์ เน้นถ่ายรูปแบบชิค ๆ จะมีย่านไหนมาให้อัพเดตความฮิปบ้างตามไปดูกัน!
Shanghai
จากอดีตเมืองท่าเล็ก ๆ ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนมีเรือมาจอดคับคั่งมากที่สุดในโลก และกลายเป็นมหานครหลักขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจีนที่ไม่เคยหลับใหล เป็นเหตุผลที่เราเลือกเดินทางกลับมาที่เซี่ยงไฮ้ อีกครั้งแบบไม่ต้องคิดเยอะ เพราะคิดถึงสีสันและบรรยากาศคึกคักของเมืองนี้
ฉายาปารีสแห่งตะวันออกไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะเซี่ยงไฮ้ยังถูกจัดอยู่ในมหานครไฮโซไฮซ้อติดท็อป 5 ของโลกอีกด้วย บรรดาตึกสำคัญ ๆ อย่างสถาบันการเงินและธุรกิจระดับโลกเค้าเลยถูกออกแบบให้มีความทันสมัยและสูงติดอันดับต้น ๆ ของโลก
และใครที่เป็นสายเที่ยวง่ายเน้นสะดวกสบาย เมืองนี้ตอบโจทย์ เพราะมีจุดเช็กอินที่สายอาร์ต สายคาเฟ่ฮอปปิ้ง สายช้อปปิ้ง และสายเก็บความอร่อยไม่ควรพลาด แถมตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อท่องเที่ยวในประเทศจีนอีกต่อไป สามารถเที่ยวได้ 30 วันต่อการเดินทาง 1 ครั้ง แถมการเดินทางเที่ยวในเมืองก็สะดวกเพราะใช้รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นหลัก แถมยังมีรถไฟฟ้า Shanghai Maglev Train ที่เร็วที่สุดในโลกใช้เดินทางออกจากสนามบินด้วยซ้ำไป รวมถึงจากเซี่ยงไฮ้นั่งรถไฟความเร็วสูงไปเที่ยวหางโจวก็ใช้เวลาเพียงแค่ 50 นาทีกับค่าใช้จ่ายหลักร้อยเท่านั้น
ครั้งนี้เราเลือกออกเดินทางบินตรงกับ Thai AirAsia X ที่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ-สุวรรณภูมิสู่เซี่ยงไฮ้ทุกวัน ชอบตรงที่มีไฟลท์ออกดึกถึงเช้า พอถึงก็พร้อมสตาร์ทออกตัวเที่ยวได้ทันที เดินทางแค่สี่ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงแล้ว แถมเครื่องใหญ่นั่งสบายมาก เหยียดขาเอนหลังได้แบบเต็มที่ ใครที่อยากพักผ่อนแบบเต็มอิ่ม อย่าลืมเลือกที่นั่ง Quite Zone ด้วยนะ หลับเพลินนึกว่าวาร์ปจากบ้านไปเซี่ยงไฮ้เลยทีเดียว
แถมตอนนี้ Thai AirAsia ยังมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ-ดอนเมืองสู่เซี่ยงไฮ้อีกด้วย สะดวกดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิก็ไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ได้ง่ายๆ จองเลยที่ www.airasia.com
01 The Roof – Hengji Xuhui World
Line 13 Madang Road Exit 5
โลเคชั่นแรกเราขอพามาเช็กอินแบบไม่ซ้ำกันที่ ‘The Roof’ ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ที่เพิ่งเปิดใหม่ไปเมื่อเดินพฤษภาคมนี้ ตรงบริเวณหัวมุมถนนของ Madang Lu และ Jianguo Dong Lu
จุดเด่นของเค้าที่เราชอบมากเลยก็คือตัวตึกสีแดงได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนแนวตั้งและห้องโถงที่มีความโอ่อ่า และมีทางเดิมเชื่อมตึกแต่ละชั้นเข้าด้วยกัน พอเราเข้าไปยืนตรงกลางถึงกับอึ้งในความยิ่งใหญ่ของตึก ที่พอตัดกับกิมมิกสวนเล็ก ๆ ที่เค้าเคลมว่าดีไซน์ให้ในกระถางกว่า 1,000 ใบยื่นออกมาจากตัวอาคาร ยิ่งโดดเด่นสะดุดตา ส่วนด้านในจะเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร บาร์ ร้านกาแฟชิค ๆ กว่า 20 ร้าน และสำนักงานด้านบนให้เดินเล่นกันแบบเพลิน ๆ
02 Xintiandi
Line 13 Xintiandi Exit 6
หากนั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานี Xintiandi จะเป็นอีกหนึ่งย่านสำคัญที่เหล่าคนชิค ๆ เก๋ ๆ มารวมตัวกัน ซึ่งหากจะอธิบายให้เห็นภาพของย่านนี้ ก็ฟีลเหมือนเดินเล่นอยู่ในย่านทองหล่อพร้อมพงษ์ ที่มีทั้งร้านอาหาร บาร์เก๋ ๆ ช้อปแบรนด์เนม คาเฟ่บรรยากาศดีให้แวะตลอดทางในบรรยากาศชิล ๆ ชาวต่างชาติก็เลยจะเยอะเป็นพิเศษ
ซึ่งเดิมก่อนที่ย่านนี้จะฮิปเก๋ขี้นชื่อ พื้นที่ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเซี่ยงไฮ้มาก่อน สังเกตดี ๆ ตัวสถาปัตยกรรมจะเป็นลูกผสมระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกและตะวันออกที่เรียกว่า ฉือคู่เหมิน (Shikumen) ซึ่งบ้านเรือนจะออกแบบประตูด้วยอิฐบล็อกแบบฝรั่งทั้งสองข้างทาง และร่มรื่นด้วยอุโมงค์ต้นเมเปิ้ลยาวตลอดแนว บรรยากาศดีมากและก็ยังสะท้อนความเป็นเซี่ยงไฮ้ได้ดีมากเช่นกัน โซนนี้ต้องถูกใจสายช้อปอย่างแน่นอน เพราะมีห้าง Xintiandi Style ที่เป็นห้างหรูขายของแบรนด์ Local Designer เก๋ ๆ ค่อนข้างเยอะ เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เพลินมาก
03 Fascino Bakery & Cafe อยู่ใน Xintianti
Line 13 Xintiandi Exit 6
จะบอกว่าย่าน Xintiandi ใช้เวลาเดินเล่นได้ทั้งวันก็ไม่ครบ ถ้าเมื่อย ๆ แนะนำให้แวะโฉบเข้าไปพักจิบกาแฟยามบ่ายก่อนได้ ที่นี่จะมีคาเฟ่ให้เลือกเยอะมาก ร้านดัง ๆ ที่คนอาจจะต่อคิวเยอะหน่อย เช่น Essence Cafe, Momi Cafe & Bookstore, Grey Box Cafe, Arket, %Arobica ถ้าเหล่าคาเฟ่ฮอปปิ้งปักหมุดมาที่นี่ก็เอนจอยกันได้ตลอดทั้งวัน แต่เราขอแวะไปที่ร้าน ‘Fascino Bakery & Cafe’ เพราะคนไม่เยอะแถมหน้าร้านหน้าใจเค้าก็เก๋ไม่เบา มีความเป็นยุโรปนิด ๆ ที่สำคัญเบเกอรีและพาสทรีในร้านฉ่ำมาก อบกันวันต่อวันความหอมแตะจมูกตั้งแต่เปิดประตูและอร่อยจริงไม่จกตา
เราชอบย่านนี้มากๆ เพราะเดินเล่นสนุก ยิ่งอากาศเย็นๆ ฟ้าสวยๆ ยิ่งดีเลย ถ่ายรูปสวย ไม่เหมือนเมืองจีนในภาพจำเลยซักนิด แต่เป็นจีนที่พัฒนาเหมาะแก่การมาเที่ยวจริงๆ
04 World Expo Museum
Line 13 World Expo Museum Exit 2
พามาเก็บภาพสวย ๆ กันต่อที่พิพิธภัณฑ์เวิลด์เอ็กซ์โป ที่เคยเป็นพื้นที่จัดงานเซี่ยงไฮ้เอ็กซ์โปในปี 2010 ปัจจุบันที่นี่ก็ยังคงเปิดให้เข้าชมทั่วไป โดยจะมีห้องนิทรรศการถาวรและชั่วคราวไว้สำหรับจัดแสดงสินค้า ประวัติศาสตร์ต่าง ๆ มีห้องสมุด โรงภาพยนตร์ รวมถึงช่วงนี้ก็มีจัดนิทรรศการดัง ๆ อย่าง Van Gogh Alive ให้รับชมกัน
แค่เดินเล่นข้างนอกตัวสถาปัตยกรรมก็สวยจึ้งสมฐานะที่ได้เป็นเจ้าภาพ เชื่อว่าต้องสะดุดตากับตัวโครงสร้าง Jubilant Cloud ที่เป็นกระจกขนาดใหญ่ต่อกันเป็นรูปทรงแปลกตา และพื้นที่จัดแสดงสาธารณะภายนอกอย่าง Historical Valley ที่หุ้มด้วยแผงคอมโพสิตทองแดงและอลูมิเนียม เพราะสวยโดดเด่นมาแต่ไกล ยิ่งพอตัวอาคารใหญ่มาก ถ่ายรูปออกมาเหมือนเรากำลังเดินเล่นอยู่ในองค์การนาซ่าหรือฐานทัพอวกาศที่ไหนสักที่เลย
05 The Bund
อีกหนึ่งโลเคชั่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ ที่ใครไม่มาเยือนก็เหมือนมาไม่ถึงเซี่ยงไฮ้คือ ‘The Bund’ หรือภาษาจีนจะเรียกว่า ‘Waitan’ ตั้งอยู่แถวบริเวณริมแม่น้ำหวงผู่ ตรงนี้เรียกว่าเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่พัฒนาเป็นสวนสาธารณะเลียบแม่น้ำยาวกว่า 2 กิโลเมตร ให้เดินทอดน่องชมวิวสวย ๆ ของเซี่ยงไฮ้ได้แบบเพลิน ๆ แนะนำให้มาช่วงเย็น ๆ เป็นต้นไป เพราะจังหวะที่แสงพระอาทิตย์กำลังตกดินยิ่งทำให้บรรยากาศของเมืองนี้โรแมนติกขึ้นเป็นพิเศษ
โซนนี้จะมีตึกสูงระฟ้าที่ดัง ๆ อยู่หลายแห่งทั้ง Oriental Pearl, Shanghai Tower และ Jin Mao Tower สายถ่ายรูปรีบเตรียมชุดสวยมาอัพภาพลงไอจี เพราะว่ามีมุมเก๋ ๆ ที่มองออกไปเห็นตึกสไตล์ยุโรปด้านหลังแบบปัง ๆ เยอะมาก ได้ฟีลเหมือนไปเที่ยวยุโรปเลย
หากมองไปยังฝั่งตรงข้ามจะเห็นวิวของบรรดาตึกสกายไลน์เซี่ยงไฮ้ ภาพซิกเนเจอร์ที่เรามักจะผ่านตาบนโปสการ์ดหรือโฆษณาของเซี่ยงไฮ้ ซึ่งตึกย่านนี้จะเป็นสไตล์ Eclecticism ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ตั้งของสถาบันการเงินและธุรกิจใหญ่ ๆ ระดับโลก เราว่านี่คือเสน่ห์ของประเทศจีน โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ๆ ที่ผสมกลมกลืนความคลาสสิกและความทันสมัยได้เป็นอย่างดีเลย
และการมาเที่ยวจีนครั้งนี้พิเศษกว่าที่เคย เพราะเราพก AirAsia Passport มาด้วย ข่าวดี! ตอนนี้เค้ามีภารกิจเที่ยวพิชิตพอยท์ แจก ‘AirAsia Passport’ สมุดแสตมป์ที่ระลึกพร้อมคู่มือการท่องเที่ยวให้ไปตะลุยบินกับ 8 รูทเมืองแฟนตาซีใกล้บ้าน เพื่อลุ้นรางวัลพิเศษ ยิ่งเที่ยว ย่ิงได้พอยท์ เอาไว้แลกรับส่วนลดเที่ยวบินแบบจุก ๆ เพื่อน ๆ สามารถรับ AirAsia Passport ได้ฟรี! ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง สุวรรณภูมิและเชียงใหม่ หรือซื้อบนเที่ยวบินระหว่างประเทศ (รหัส FD และ XJ) ในราคา 99 บาท
สำหรับคนรักการเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ แค่ประทับตราเส้นทางต่างประเทศครั้งแรก ก็รับเพิ่มคะแนน 2,000 Airasia Points ไปเลย หรือใช้แทนเงินสดได้ประมาณ 150 บาท ไปเป็นส่วนลดเที่ยวบิน อาหาร น้ำหนักกระเป๋าและสิทธิอื่น ๆ อีกมากมายในเที่ยวบินครั้งถัดไปได้เลย *100 airasia points ประมาณ 7.5 บาท
06 Shanghai Natural History Museum
Line 13 Shanghai Natural Museum Exit 1
มาเปิดหูเปิดตาเปลี่ยนบรรยากาศกันต่อที่มิวเซียม ซึ่งความพีคของเซี่ยงไฮ้ที่เล่นใหญ่ตลอด ก็คือที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน! ความเล่นใหญ่ถัดไปก็คือที่นี่จำลองสัตว์ทุกสายพันธ์ทุกสปีชีส์บนโลก ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ ฟอสซิล แร่ธาตุจาก 7 ทวีปทั่วโลก ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ที่มีไดโนเสาร์จนถึงปัจจุบันไว้เป็นคอลเลกชันมากกว่าสองแสนชิ้น
คือเรียกได้ว่าโออ่าอลังการตั้งแต่ทางเข้า เดินทั้งวันก็ไม่ครบ โดยเฉพาะห้องที่จัดแสดงไดโนเสาร์ก็สวยงามเหมือนเดินเล่นอยู่ในหนัง Night of The Museum สำคัญค่าเข้าราคาเบา ๆ แค่ 30 หยวน ตีเป็นเงินไทยประมาณ 145 บาทเท่านั้นเอง! (อย่าลืมเช็กวันกันดี ๆ นะเพราะว่าที่นี่ปิดวันจันทร์)
07 China Art Museum
Line 8 China Art Museum Exit 3
Next Station ต่อไปสายอาร์ตตัวจริงต้องมาเช็กอิน เพราะที่นี่คือที่สุดของที่สุดเพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย สไตล์ตึกเค้าจะออกแบบให้มีเอกลักษณ์ความจีนผสมผสานกับความโมเดิร์น มีความชิคความเก๋ของตัวตึกสีแดง โดดเด่นด้วยดีไซน์หลังคาที่แผ่ออกมาจากตัวตึกเหมือนมงกุฎโบราณ ด้านในจัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่ เช่น โอเปร่า บัลเลต์ รวมถึงงานไฟน์อาร์ตที่สลับสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละช่วง
แต่ละงานน่าสนใจมาก เราเลยใช้เวลาเดินดูเพลิน ๆ เกือบทุกห้องเลย
08 Bullet Train to Hangzhou
อีกหนึ่งความดีงามของการมาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ คือสามารถแวะไปเที่ยวอีกเมืองได้ง่าย ๆ โดยเราจะนั่งรถไฟความเร็วสูงข้ามเมืองไปเปลี่ยนบรรยากาศกันที่ ‘หางโจว’ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นด้วยรถไฟหัวกระสุนฟู่ซิง ที่วิ่งได้เร็วถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง! ถ้าไปเที่ยวเชียงใหม่ก็คือน้อง ๆ เครื่องบิน ไม่ต้องไปรอสนามบินให้เสียเวลาเลย
เราเริ่มต้นออกเดินทางกันที่สถานี Shanghai Hongqiao Railway Station สู่ Hangzhoudong Railway Station จะบอกว่าที่นั่งเค้าสะดวกสบายมาก นั่งแปปเดียวไม่กี่อึดใจก็ถึงหางโจวแล้ว
Hangzhou
หางโจวเป็นเมืองแห่งสายน้ำที่เก่าแก่และเงียบสงบมาก เราจะเห็นคนขับจักรยานแบบจริงจังมากอยู่แทบทุกจุดของเมือง เพราะที่นี่เปลี่ยนมาใช้ระบบการจักรยานเพื่อลดปัญหาจราจรมาตั้งแต่ปี 51 แต่ชาวต่างชาติอย่างเราถ้าเดินทางสะดวกที่สุดก็คงต้องเป็นแท็กซี่ เสียดายมากวันที่เราไปช่วงบ่ายก่อนกลับฝนตกหนักตลอดทั้งวันเลยเก็บหางโจวได้แค่ 3 ที่ ไว้จะกลับมาใหม่อีกแน่ ๆ
09 Lingyin Temple
ที่แรกที่เราแวะอยากชวนไปแวะคือ ‘วัดหลิ่งอิ่น’ วัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีนตั้งอยู่บนเขาใกล้ทะเลสาบซีหู ไฮไลต์ที่วัดนี้โด่งดังก็คือ เป็นวัดที่จี้กงเริ่มเข้าสู่การบวชเรียน ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ได้ วัดนี้ถูกสร้างแล้วก็ทำงานบูรณะไปกว่า 10 รอบตั้งแต่ปี 328!
พอผ่านทางเข้าวัดก็จะเจอกับวิหารกษัตริย์สวรรค์ ด้านหน้าจะมีแผ่นป้ายโลหะที่เป็นลายมือจักรพรรดิคังซีเอาไว้ด้วย ข้างในประดิษฐานพระพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตรย ส่วนตัววิหารหลักจะมี 3 ชั้น ด้านในมีพระพุทธรูปองค์สำคัญสามองค์ที่เรียกว่า ‘สามมหาโพธิสัตว์’ ให้เรากราบไหว้กันแบบกรุบกริบ
เพราะไฮไลต์ถัดมาคือการเดินทัวร์ชมพระพุทธรูปหินแกะสลัก ประติมากรรมหินสลักที่ตั้งเรียงรายหลายร้อยรูปตามแนวเขา ซึ่งพระจี้กงให้ชาวบ้านช่วยกันแกะสลักเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ยอดเขาแห่งนี้ลอยไปที่อื่น 55555 ด้านในเดินเพลิน ๆ เพราะบรรยากาศร่มรื่นมาก
010 Jingci Temple
ใกล้ ๆ กันจะเป็น ‘วัดจิ้งฉือ’ อีกหนึ่งวัดพุทธที่ดังมากในหางโจวและต่างประเทศ ด้วยความที่วัดนี้เป็นหนึ่งในสี่วัดโบราณในประวัติศาสตร์ที่สามารถชมวิวทะเลสาบซีหู ซึ่งเป็นทะเลสาบขึ้นชื่อของหางโจวที่ใคร ๆ ต่างก็ยอมรับในความสวยงามไม่มีที่ติ และยังเป็นวัดที่จี้กงย้ายมาอยู่ภายหลังจากพำนักที่วัดหลิ่งอิ่นอีกด้วย
อีกหนึ่งไฮไลต์ของวัดนี้ก็คือระฆัง ที่ตีแล้วดังก้องกังวานไปทั่วทะเลสาบจนได้ชื่อเสียงหนาหูมาครอบครอง และถ้าหากเดินชมวิวจนทั่วอยากให้เดินขึ้นไปชิมวิวบนชั้นสูงสุด ก็จะเห็นเจดีย์เหลยเฟิงแบบเต็ม ๆ ในมุมสูงได้เลย
011 Xi Lake
โลเคชั่นสุดท้ายคือ ‘ทะเลสาบซีหู’ ทะเลสาบน้ำจืดที่สวยอันดับต้น ๆ ของจีน ล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน ยิ่งพอปลูกดอกไม้หลากสีสันรอบ ๆ ยิ่งทำให้ที่นี่สวยขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ขนาดที่มาร์โคโปโล นักเดินทางชื่อดังในตำนานที่เคยเดินทางมาเที่ยวทะเลสาบซีหู ยังบอกว่าทะเลสาบซีหูสวยเหมือนนั่งอยู่บนสวรรค์! เราเองที่ไปตอนฝนตกบรรยากาศยังสวยมาก ๆ น่าเสียดายไว้จะกลับมาเที่ยวอีก ความดีงามคือที่นี่มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ถ้าอากาศดี ๆ สามารถล่องเรือชมความงามของทะเลสาบซีหูแบบสโลวไลฟ์ก็ฟีลกู้ดไปอีกแบบ
Fly back home from Hangzhou with AirAsia
สำหรับใครที่แพลนเที่ยวเซี่ยงไฮ้-หางโจวแบบเรา ข้อดีคือไม่ต้องนั่งย้อนไปหา เพราะแอร์เอเชียมีบินตรงจากกรุงเทพ-ดอนเมือง สู่หางโจวด้วยเช่นกัน เธอสามารถแพลนแบบบินตรงลงเซี่ยงไฮ้ จากสุววรณภูมิแล้วกลับกรุงเทพ-ดอนเมืองจากทางหางโจวก็สะดวกสบาย มีเวลาเที่ยวมากขึ้น 1 วัน เพราะไฟลท์จากหาวโจวจะออกช่วงค่ำ ทำให้มีเวลา Explore เมืองน่ารักๆ แบบนี้เพิ่มเติม
เที่ยวจีนเดี๋ยวนี้ง่ายกว่าเดิมเยอะ แถมแอร์เอเชียยังมีบินตรงหลายเมืองทำให้เธอสามารถเที่ยวกันได้แบบทั่วๆ สัมผัสประสบการณ์หลากหลายของการเที่ยวจีน ปลายปีแบบนี้อากาศกำลังดี เปิดใจไปจีนแล้วจะหลงรักที่นี่แบบเรา