72 ชั่วโมง กับ 26 โลเคชั่น รวมแลนด์มาร์คสุดคูล ร้านหรอยสุดปัง รีวิวเดียวไปตามได้เลย!
ถ้าปีนี้กำลังอยากหาทริปเที่ยวไทยเน้นกินดีๆ ซักทริปก่อนเก็บวันลาใหญ่ๆ สำหรับเมืองนอก เราขอแนะนำ สงขลา-หาดใหญ่ แบบ3 วัน 2 คืน นี่คือจังหวัดที่จะเปลี่ยนศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ธรรมดาให้กลายเป็นทริปกินแบบจุใจ มาเที่ยวจังหวัดที่ไม่ใช่เมืองผ่าน แต่อยากให้แวะพักนานๆ กับแหล่งรวมของหรอยที่อยากให้ทุกคนมาลอง
สงขลาเป็นจังหวัดที่เรามองข้ามไปข้ามมาตลอด จนได้มาคลุกคลีก็หลงรักเข้าอย่างจังจนอยากมาแนะนำให้ทุกคนไปลอง นี่คือ 26 โลเคชั่นที่เราคัดมาแล้วมาควรไป และสามารถไปได้ครบใน 3 วัน 2 คืน รวมแลนด์มาร์คน่าเยือน หลายร้านหรอยน่ากิน และเที่ยวชุมชนสุดโลคอลที่จะพานั่งเรือกอและออกไปงมหอยนางรมสดๆ มากินกัน 😊
รีวิวนี้เรียงตามไทม์ไลน์ สามารถเที่ยวตามได้ง่ายๆ ตั้งแต่ลงเครื่องจนกลับบ้าน เราขอแวะซัก 3 วันมาแวะพักสงขลา-หาดใหญ่ มั่นใจมากว่าอิ่มกับของอร่อยๆ ทั้งวัน และแฮปปี้กลับบ้าน พร้อมหลงรักสงขลา-หาดใหญ่กันแน่นอน!
อ้วนบะกุ๊ดเต๋
ลงเครื่องปุ๊ปก็ต้องรีบหาอะไรอร่อยๆ ร้อนๆ รองท้อง บะกุ๊ดเต๋ต้นตำรับจากสุไหงโกลกที่มีสาขาที่นี่อย่าง อ้วนบะกุ๊ดเต๋เราชอบรสชาติของซุปที่โคตรเข้มข้น เป็นสูตรต้นตำรับจากฮกเกี้ยน แน่นไปด้วยเครื่องยาจีน แถมส่วนต่างๆ ของมื้อก็สามารถเลือกได้ ทั้งเครื่องใน เนื้อหมู ซี่โครง และผักนุ่มๆ อย่างผักกาดขาวและเห็ดเข็มทอง
ที่นี่เค้าจะขายเป็น portion มาในหม้อใหญ่ๆ สำหรับ 1 คนขึ้นไป แต่เราแนะนำว่าหม้อ 1 คน ทาน 2 คนกำลังดีเลย
มันเดือยสถานีรถไฟ
ของคาวจบแล้วก็ต้องต่อของหวาน แต่มาถึงหาดใหญ่เราก็ขอลองชิมของหวานที่หาทานได้เฉพาะในหาดใหญ่-สงขลาเท่านั้น อย่างมันเดือย ขนมหวานที่อร่อยจึ้ง ที่ขายกันมายาวนานมากๆ
มันเดือยคือส่วนผสมที่ลงตัวมากๆ ของ ถั่วแดงต้มนำมาบด ลูกเดือย มันสำปะหลัง และสับปะรดเชื่อม พร้อมราดน้ำกะทิและโปะด้วยน้ำแข็ง ด้วยเลเยอร์ของส่วนผสมพอคลุกรวมกันมันกำลังดีเลย กินแล้วชุ่มฉ่ำ ชื่นใจมาก มาถึงหาดใหญ่แล้วควรต้องมาลองแก้วละ 25 เท่านั้น มี 2สาขาคือหน้าสถานีรถไฟ และ และตรงถนนหอมหวล
วัดฉื่อฉาง
วัดเก่าแก่ที่ไม่มีคนหาดใหญ่คนไหนไม่รู้จักอย่างวัดฉื่อฉาง ที่ผสมผสานศิลปะทั้งไทย จีนและธิเบต ทำให้วัดนั้นมีสีสันสวยสดสะดุดตา เราเลือกแวะไหว้พระกันที่วัดนี้ก่อนจะเริ่มเที่ยวหาดใหญ่สงขลากันอย่างจริงจัง เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมเทพ เซียนต่างๆ สายมูต้องไม่พลาดมาไหว้ รวมไปถึงบรรยากาศในวัดที่ไม่พลุกพล่าน มีหลายๆ จุดที่ถ่ายรูปสวย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่นี่เป็นวัดอย่าลืมสำรวมและแต่งกายให้เรียบร้อยกันด้วยน้า
Locals hdy.
คาเฟ่เทสดีใจกลางเมืองหาดใหญ่ อย่าง Locals.hdy ที่ผ่านมาเห็นปุ๊ปก็สะดุดตาเลย จริงๆ เราเล็งร้านนี้ตั้งแต่เห็นในไอจี พอได้มาจริงก็ไม่ผิดหวัง ทั้งขนม กาแฟ และบรรยากาศมันผสมกันอย่างกลมกล่อม บรรยากาศดีมาก ในร้านจะมีทั้งโซนคาเฟ่และร้านอาหาร ตกแต่งได้สวยงามทุกมุม มีสวนเล็กๆ แต่งแต้มเติมความสดชื่นบริเวณ Outdoor ส่วน Indoor ก็เปิดแอร์เย็นสบายพร้อมด้วยกระจกบานใหญ่ เพดานสูง ปลอดโปร่ง นั่งกันเพลินๆ พร้อมกับเครื่องดื่มดีๆ ซักแก้ว และขนมซักชิ้นก็เติมเต็มมื้อเที่ยงดีๆ มื้อแรกในสงขลาได้แฮปปี้มาก
ถนนนิพัทธ์อุทิศ/ ถนนภราดร / ถนนประชารมย์
ในเมืองหาดใหญ่มีถนนหลายๆ สายที่มีกราฟิตี้น่ารักๆ ในเมือง รวมถึงตึกสไตล์ชิโนโปรตุกีส และตึกคลาสสิคต่างๆ ที่สามารถเดินถ่ายรูปถึงกันได้หมดบริเวณถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 2 และ 3
รวมไปถึงบริเวณถนนภราดร และถนนประชารมย์ ที่มีร้านกุ๊กกิ๊กๆ และคาเฟ่น่ารักเรียงรายให้เธอเดินเล่นกันเพลินๆ แวะร้านนู้น ร้านนี้ตลอดทั้งสองข้างทาง ถ้ามีเวลาได้แวะมาเดินแถวนี้อยากแนะนำ HUM Café กาแฟที่นี่ใช้ได้เลย ร้านเล็กๆ สุดอบอุ่นที่พี่เจ้าของใจดี และสุดถนนภราดรมีร้านขายเสื้อผ้าเปิดใหม่สำหรับผู้ชายสไตล์มินิมอลอย่างร้าน Prop’s House ให้ช้อปปิ้งกันได้เพลินเพลิน
The Lantern Hatyai Hotel
ทริปนี้เราพักกันที่ The Lantern Hatyai Hotel บอกตรงๆ ว่าเหนือความคาดหมายมาก ปกติเวลาไปต่างจังหวัดเราจะเผื่อใจไว้ประมาณนึงตลอดในเรื่องของที่พัก เพราะเป็นคนเรื่องมากประมาณนึง แต่ที่นี่เซอร์ไพร์สมากเพราะเตียงนุ่ม หมอนนุ่ม ผ้านุ่มดี รวมไปถึงผ้าเช็ดตัว คือใช้ของดีจริงๆ จนอยากอวย ด้วยราคาคืนละเริ่มต้นพันนิดๆ มันคุ้มค่าเกินราคาที่สุดเลย
เราพักห้องแบบ Suite ชั้นบนสุดของโรงแรมซึ่งมีแค่ 2 ห้อง แถมมี Terrace มองเห็นวิวหาดใหญ่แบบกว้างๆ พร้อมมุมให้นั่งรับลมชิลๆ เราจองมาในราคาประมาณ 2,500 บาท บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก
มัสยิดกลางสงขลา
มาถึงหาดใหญ่ถ้าไม่ได้ดูวิว Sunset ที่มัสยิดกลางสงขลาก็เหมือนมาไม่ถึงนะ เราเซ็ตเวลาไว้เลยว่าต้องมาที่นี่เท่านั้น ภาพพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าโดยมีวิวมัสยิดอยู่ด้านหน้าพร้อมเปลี่ยนเป็นภาพ silhouette มันน่าประทับใจจริงๆ เหมือนมินิทัชมาฮาลเลยแหละ
และบริเวณรอบๆ นั้นมันอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของนักท่องเที่ยว เด็กนักเรียน คู่รัก หรือครอบครัวมีจูงมือกันมาถ่ายรูปหัวเราะกันคิกคัก ไม่ว่าจะศาสนาไหนๆ คนที่นี่ก็อยู่รวมกันแบบแฮปปี้มากเลย เราเองที่เป็นผู้มาเยือนก็มีความสุขตาม 😊
อ้า
ร้านอาหารเหลาใกล้ตลาดกิมหยงอย่างร้านอ้า เป็นร้านที่หมุดไว้เลยว่าต้องมากินแกงส้มที่ร้านนี้ให้ได้ เพราะเพื่อนชาวหาดใหญ่บอกว่าแกงส้มร้านนี้คือที่สุดจริงๆ แล้วก็สมคำร่ำลือเพราะอร่อยแซ่บอย่าบอกใคร รวมไปถึงแฮกึ้นทอดก็ดีไม่ไหว จบวันด้วยออส่วน หมูสับต้มบ๊วย แนมด้วยปลาหมึกทอดกระเทียม โอโห้… รักหาดใหญ่เข้าแล้วจริงๆ นะเนี่ย
ร้านคนจะเยอะนิดนึงช่วงหัวค่ำ แต่คุ้มค่าการรอคอยทั้งรสชาติดีมาก ราคาเป็นมิตรแถมบริการทุกอย่างรวดเร็วรอไม่นาน
โชคดีแต่เตี้ยม
เราเริ่มวันที่ 2 ด้วยตำนานติ่มซำของหาดใหญ่กับ โชคดี แต่เตี้ยม ร้านติ่มซำที่ใครมาหาดใหญ่ก็ควรแวะมาทาน ตัวร้านเป็นห้องแถวหลายๆ ห้องต่อกันแต่บรรยากาศไม่แออัดจนเกินไป แถมมีสองฝั่งถนน และมีแอร์ด้วย คนขี้ร้อนแบบเราๆ แน่นอนต้องนั่งโซนแอร์อยู่แล้ว 555 ที่นี่เค้าจะให้เดินไปเลือกติ่มซำสดๆ ด้วยตัวเอง กวาดสายตาดูเร็วๆ น่าจะมีประมาณ 20 กว่าเมนูเลยนะ เลือกเสร็จก็รอนึ่งประมาณ 10-15 นาที เรียกว่ากินกันแบบสดใหม่ ไม่มีการนึ่งทิ้งไว้รอเลย
ส่วนที่โต๊ะก็จะมีปาท่องโก๋ สังขยาอร่อยๆ วางรอไว้ และสามารถสั่งบะกุ๊ดเต๋เพิ่มได้จากที่โต๊ะเลย บะกุ๊ดเต๋ร้านนี้รสชาติใช้ได้เลย เข้มข้นน้อยกว่าอ้วน บะกุ๊ดเต๋ แต่กลมกล่อมกว่า กินกับข้าวสวยร้อนๆ ยามเช้าคือดี! ส่วนติ่มซำก็เยี่ยมยอดไปหมด โดยเฉพาะซาลาเปาลาวา อร่อยจนแสงออกปากกันไปเลย 😊
ชุมชนบ้านเกาะแลหนัง
เค้าบอกว่าพื้นที่ไหนมีสามแม่น้ำบรรจบกันคือพื้นที่นั้นมีความอุดมสมบูรณ์มากๆ และที่ชุมชนบ้านเกาะแลหนังคือจุดนั้น เราออกจากตัวเมืองหาดใหญ่มาประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อมาชุมชนบ้านเกาะแลหนัง อำเภอเทพา ที่นี่เป็นชุมชนมุสลิมเข้มแข็งแบบ 100% และเป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อการท่องเที่ยวที่ไม่อันตรายแล้วนะ เรามาที่นี่เพราะความอุดมสมบูรณ์นั้นมาพร้อมกับอาหารทะเลอร่อยๆ ของโปรดเราอย่าง หอยนางรม!
ที่นี่เค้ามีโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนที่น่าสนใจมากๆ คือการล่องเรือกอและสีสันสวยงามชมวิวทะเลและป่าโกงกาง พร้อมกินหอยนางรมสดๆ ที่มีพี่ๆ ชาวบ้านช่วยงมให้กินกันแบบเต็มอิ่ม 2 ชั่วโมง เป็นการกินหอยที่บรรยากาศดีมาก มีคนคอยงมสดๆ พร้อมแกะ และน้ำจิ้มก็มีเตรียมไว้ให้ด้วยนะ ดีงามไปอีก ทุกคนสามารถมาท่องเที่ยวชุมชนแบบเราที่บ้านเกาะแลหนังได้ เพียงแค่ทำการนัดล่วงหน้าที่เบอร์ 093-713-6145 (ก๊ะบ๊ะ) ราคาเรือลำละ 2,000 บาท นั่งได้ไม่เกิน 10 คน
ไก่ทอดเทพา แกงเขียวหวานไก่ถอดเสื้อ
จากชุมชนบ้านเกาะแลหนังประมาณ 10 นาที มาที่สถานีรถไฟอำเภอเทพา สถานีสุดท้ายก่อนเข้าสู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เราขอแนะนำให้มากิน ข้าวแกงเขียวหวานไก่ถอดเสื้อ ที่อร่อยมากๆ มีเพื่อนบอกเราว่าที่หาดใหญ่นอกจากไก่ทอดหาดใหญ่ที่อร่อยๆ แล้ว ก็มีไก่ทอดเทพานี่แหละที่ตีคู่อร่อยมาพร้อมกันเลย ความพิเศษของไก่ทอดของที่นี่คือการลอกหนังไก่ออกก่อนทั้งหมด เพื่อที่เวลาทอดไก่จะได้กรอบนอก นุ่มในและไม่อมน้ำมัน ทานคู่กับแกงเขียวหวานสูตรพิเศษ พร้อมข้าวสวยร้อนๆ บนกระทงใบตอง นี่คือมื้อเที่ยงราคา 50 บาทที่คุ้มค่าที่สุดในทริปนี้เลย
แกงเขียวหวานไก่ถอดเสื้อจะมีอยู่หลายๆ เจ้าติดกันบริเวณหน้าสถานีรถไฟเทพา โดยจะขายตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่ายหรือจนกว่าจะหมด แนะนำว่าไปเพื่อทานมื้อเที่ยงหลังจากเที่ยวชุมชนบ้านเกาะแลหนังแล้วดีที่สุด เป็นทริปกินช่วงเช้าของวันที่ 2 ที่ดีงามไปหมด เอ้อ! ร้านที่เราแวะชื่อร้านเจ๊เค่ง เจ๊น่ารักมาก ฉะฉานแข็งแรง ชอบแนะนำ ส่วนใครชอบกินหนังไก่ทอดเจ๊เค่งเค้ามีขายต่างหากด้วยนะเออ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา
จากอำเภอเทพา เราใช้เวลาเดินทางกันอีกประมาณ 1 ชั่วโมงเข้าตัวสงขลา เพื่อแวะพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลาปกติถ้าเที่ยวไทยเราแทบไม่แวะมิวเซียมเลย แต่ที่นี่พอเห็นตัวอาคารต้องมาจริงๆ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน ตัวอาคารดูแลรักษาดีมากๆ ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ชาติไทยที่เกี่ยวกับเมืองสงขลาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน รวมถึงจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้โบราณ สำหรับเจ้านาย เจ้าเมืองที่เคยดูแลสงขลาในอดีต
ที่นี่มีค่าเข้าคนละ 30 บาทเท่านั้น และเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงประมาณ 5โมงเย็น มุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก แถมเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจให้มาเดินดูกัน ถ้ามีเวลาควรแวะมาเช่นกัน
เมืองเก่าสงขลา- ถนนนครนอก
จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเราตั้งใจจะใช้เวลาอีกวันครึ่งที่เหลือในตัวเมืองเก่าสงขลา จึงเลือกนอนแถวนี้เพิ่มอีกคืนเพื่อเที่ยวในตัวเมืองเก่าตามลิสต์ที่ตั้งใจมีเกือบๆ 20 ร้านที่อยากไป 555 เริ่มตั้งแต่ถนนนครนอก ถนนนครในและถนนนางงาม โดยวันนี้จะเริ่มจากถนนนครนอกกันก่อน บอกเลยว่านี่เป็นการเที่ยวสงขลาครั้งแรกก็หลงรักแบบหัวปักหัวปำ
อธิบายก่อนสำหรับคนที่ยังไม่เคยมา ตัวเมืองเก่าสงขลาจะแบ่งเป็นถนนสามเส้นหลักๆ สำหรับนักท่องเที่ยวคือถนนนครนอก จะอยู่ติดริมทะเล ถัดเข้ามาจะเป็นถนนนครในและติดกันจะเป็นถนนนางงาม จุดฮิตและร้านน่าไปในตัวเมืองเก่าสงขลาจะอยู่ใกล้กันเกือบทั้งหมดใช้เวลาเดินไปแต่ละจุดแค่ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ที่นี่เหมือนเดินเล่นในย่านเจริญกรุง เจริญนครในกรุงเทพฯ เหมือนจอร์จทาวน์ ในปีนัง แต่เลิศกว่าตรงที่ทุกอย่างถูกและอร่อย เป็นบิ๊กแฮปปี้สำหรับทุกคนแน่นอน 😊
ห้องสมุดยับ เอี่ยน ฉ่อย
มาเริ่มกันที่แรกกับแลนด์มาร์คใหม่ ห้องสมุดยับ เอี่ยน ฉ่อย ที่เค้าเปลี่ยนโกดังข้าวเดิมให้กลายเป็นห้องสมุดแบบ Open Air ที่ใครผ่านไปผ่านมาก็สามารถมานั่งอ่านหนังสือดีๆ ซักเล่มในโกดังเก่าที่คงโครงสร้างเดิมไว้ทั้งหมด ที่นี่มีเสน่ห์ ยิ่งกลายเป็นสถานที่เข้าฟรีและให้ความรู้ได้อย่างห้องสมุด ทำให้ที่นี่เป็นอีกสถานที่นึงที่มีคุณค่ามากๆ กลายเป็นห้องสมุดชุมชนต้นแบบแห่งแรกของสงขลาเลย ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ขึ้นอีกเยอะ
SAN Original Scent Store
ร้านขายเครื่องหอมเปิดใหม่ล่าสุดของย่านนี้ ที่นี่เค้ามีขายทั้ง Room Spray, Shower Gel, Candle และ Diffuser ความพิเศษอยู่ที่กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นที่ผลิตขึ้นมาใหม่โดยได้แรงบันดาลใจจากเมืองสงขลาแห่งนี้ เป็น Songkhla Collection ที่หยิบเอาเอกลักษณ์ของเมืองมาสื่อสารผ่านกลิ่นหอมๆ กลายเป็น Samila Lush, Soul Sumpannee และ Nora Shadow แถมขายในราคาไม่แพงเลย เราเองก็ได้ Samlia Lush Shower Gel กลับบ้านมาอาบน้ำไปก็คิดถึงสงขลาไป น้ำตาจะไหล 55555
Titan Project Space /หับ โห้ หิ้น
ใกล้ๆ กันคือ Titan Project Space พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ และวัฒนธรรมต่างๆ ของสงขลา อย่างช่วงที่เรามาคือนิทรรศการ Nora Shadow เพื่อสืบทอดโนราในความเป็นศิลปะร่วมสมัย ใครสนใจสามารถไปเดินดูกันได้ไม่เสียค่าเข้าชม ด้านในยังมีภาพวาดขนาดใหญ่ที่บ่งบอกวิถีชีวิตของชาวสงขลาตั้งแต่ในอดีตที่น่าสนใจ เป็นภาพที่ดูแล้วอบอุ่นมากๆ คิดถึงยายที่บ้านเลยแหละ
ส่วนใกล้ๆ กันคือโรงสีข้าวโบราณอายุกว่า 100 ปี หรือหับ โห้ หิ้น ด้านในก็มีนิทรรศการเล็กๆ ในการผลักดันให้สงขลากลายเป็นเมืองมรดกโลก ช่วงที่เราไปนั้นมีจัดการพื้นที่ไม่ดีเท่าไหร่เพราะเหมือนกำลังจะมีงานด้านใน และมีรถจอดอยู่จำนวนมาก
หับ โห้ หิ้น เป็นภาษาจีน ฮกเกี้ยน แปลว่ากลมเกลียว สามัคคี ก็ไม่แปลกใจเพราะที่นี่กลายเป็นพื้นที่ที่ทำให้ชุมชนได้มีกิจกรรมทำร่วมกันมากมาย นักท่องเที่ยวอย่างเราก็ได้ประโยชน์กับพื้นที่ดีๆ ตรงนี้ไปด้วย
Studio 55
เราจบวันบนถนนนครนอกที่ร้าน Studio 55 คาเฟ่ริมทะเลบรรยากาศดีๆ ที่ขนมอร่อยมาก เพราะเค้าทำเองทุกชิ้น เราสั่งเครื่องดื่มแบบ non-coffee เติมความสดชื่นยามเย็นให้หายเหนื่อย แล้วนั่งโซน outdoor รับลมเย็นๆ ดูวิวพระอาทิตย์ตกดินก่อนไปหามื้อเย็นอร่อยๆ ทาน เป็นเมืองเก่าสงขลาวันแรกที่ชุบใจดีจริงๆ!
แต้เฮี้ยงอิ๊ว
เราแวะทานมื้อเย็นก่อนกลับเข้าที่พักกันที่ร้าน แต้เฮี้ยงอิ๊ว ร้านอาหารเหลาอีกร้านที่อยากแนะนำให้ทุกคนมาทาน เพราะอร่อยมากๆ ร้านนี้เห็นว่าเปิดมากว่า 80 ปีแล้วเป็นอาหารไทยจีนสูตรแต้จิ๋วที่รสชาติดีมากๆ ใช้คำว่าโคตรอร่อยได้เลย เราสั่งกันมามีหลายอย่างมากๆ และอร่อยทุกอย่าง แต่ประทับใจจนต้องสั่งจานที่สองคือยำมะม่วงทรงเครื่องที่ดีงามจนอยากให้มาลองด้วยตัวเอง และเมนูปลาต่างๆ ที่ขายเป็นชิ้นกำลังดี อร่อยแบบอร่อยจริงๆ นั่งทานกัน 3 คนสั่งเต็มโต๊ะไม่ถึงพัน ถ้าได้กลับไปสงขลาจะแวะทานที่ร้านนี้อีกแน่นอน
ร้านจะเปิดสองช่วงเวลาคือมื้อกลางวัน 11.30-14.00 และมื้อเย็น 17.00-20.00 อย่าพลาด ต้องมาเท่านั้น ร้านจะอยู่เยื้องๆ ศาลหลักเมืองสงขลาที่ตอนกลางคืนก็เปิดไฟสวยเป็นแลนด์มาร์คมาถ่ายรูปชิคๆ ได้อีกที่เลย
ฮับเซ่ง
เราเริ่มเช้าวันที่ 3 กันที่ร้านฮับเซ่ง จะเรียกว่าโรงน้ำชาหรือร้านโกปี๊ก็ตามสะดวกเพราะที่เสิร์ฟมื้อเช้าอร่อยๆ ให้เธอได้แน่ๆ ทั้งขนมจีบ ซาลาเปา บ๊ะจ่าง ไส้กรอกไข่ดาว และสังขยาสูตรพิเศษจากป้าบ่วยเจ้าของร้านที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น เรามากันตั้งแต่เจ็ดโมงช่วงก่อนคนจะเยอะเพราะอยากเก็บภาพร้านสวยๆ มาฝากทุกคน
ร้านนี้เป็นอีกร้านที่ทุกคนควรแวะจริงๆ เพราะอร่อยทุกเมนูฟูลฟีลยามเช้าด้วยอาหารที่ทำให้ท้องอิ่มก็พร้อมเดินเล่นเที่ยวในเมืองเก่าสงขลากันต่อเก็บภาพสตรีทอาร์ตสวยๆ ที่มีอยู่ทั่วเมืองกันไปเลย
บ้านจงดี
เราแวะไปซื้อขนมฝากที่บ้านกันที่บ้านจงดี ร้านของป้าจงดีในบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่ป้าและทีมทำกันเองภายในบ้าน วันนี้เลยขอซื้อทุกขนมที่ป้าทำทั้งทองเอก สัมปันนี มะขามกวนสามรส และขนมข้าวเม่า อร่อยทุกอย่างเลย ป้าจงดีใจดียิ้มใหญ่ เอากลับไปฝากที่บ้านก็คงยิ้มดีใจไม่ต่างกันแน่ๆ ขนมอร่อยขนาดนี้
ร้านยินดี
เดินตามตรอกต่างๆ มาอีกซักประมาณ 5 นาทีแวะร้านขายของฝากยินดี ที่เค้าคัดของดีเมืองสงขลามารวมกันไว้ที่นี่ให้เราเลือก ทั้งกะปิเคย แกงไตปลาบรรจุขวด ซีอิ้วหวานอย่างดี และเม็ดมะม่วงหิมพานต์คัดพิเศษ แน่นอนว่าซื้อทุกอย่างที่ร้านแนะนำ เพราะแพคเกจจิ้งที่ตั้งใจทำ และหอบกลับไปฝากที่บ้านได้ง่ายๆ อยากให้ทุกคนแวะมาซื้อกันเยอะๆ
เกียดฟั่ง
สายหน่อยเดินเยอะจนเริ่มหิว เราเล็งร้านนี้ตั้งแต่มื้อเช้าช่วงคนเยอะๆ พอคนเริ่มซาปุ๊ปก็เสียบทันทีกับร้านเกียดฟั่ง ที่เสิร์ฟสตูหมูรสชาติเด็ดพร้อมซาลาเปาลูกเบ้อเร่อให้ชิมกัน เอาจริงๆ เราแฮปปี้กับอาหารทริปนี้ทุกมื้อเลย มันอร่อยทุกอย่าง ประทับใจตัวเองที่เลือกถูกร้านทุกที่ 555 เพราะฉะนั้นตามรอยได้เลยค้าบ
เอ้อ! อย่าลืมสั่งหมูกรอบหอมๆ อร่อยๆ มากินคู่กับสตูด้วยนะ มันดีที่สุด แต่ไปให้ไวเพราะหมดเร็วมากกกกกกกกกกกกก
บันหลีเฮง
เยื้องๆ กันมีร้านไอติมอร่อยอีกร้านชื่อ บันหลีเฮง ไอศกรีมถั่วเขียวโบราณที่ขายมานานกว่า 80ปี โดยเป็นสูตรที่ขึ้นเรือสำเภามาจากจีนฮกเกี้ยนกันเลยทีเดียว เราสั่งกันแบบคอมโบคือมีทั้งถั่วเขียว และไข่แข็งพร้อมโรยด้วยฝอยทองและเครื่องมากมาย อร่อยคุ้มค่าถ้วยละ 40 บาทมากๆ จำชื่อนี้ไว้ บันหลีเฮง ต้องแวะมากินกันให้ได้เลย!
ป้ามล ขนมไข่
ก่อนกลับกรุงเทพฯ เพื่อนๆ ที่เห็นเราอยู่สงขลาไลน์มาบอกว่า ‘มึงอย่าลืมแวะไปกินป้ามล ขนมไข่นะ อร่อยมากกก’ เราไม่รอช้ารีบจัดสรรเวลาก่อนไปสนามบิน แวะไปชิมขนมไข่ที่เพื่อนบอก ตอนแรกสั่งถุงเล็กๆ 8 ชิ้น พอคำแรกเข้าปากเท่านั้นแหละ… โอ้โห โคตรอร่อย บอกเลยว่าเกิดมาจะ 30 ปี ไม่เคยกินขนมไข่ที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย จบด้วยการสั่งเพิ่มอีก 50 ชิ้นใส่กล่องกลับไปฝากครอบครัวที่กรุงเทพฯ
สงขลาเป็นเมืองที่เรามองข้ามไปมากๆ มาตลอด เพราะคิดว่าเป็นเมืองทางผ่านไปเที่ยวมาเลเซีย หรือก่อนไปสามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นเมืองที่คงไม่มีอะไรน่าเที่ยวแวะแปปเดียวแล้วก็ผ่านไป แต่หลังจากได้มาสัมผัสและคลุกคลีแค่ 3วัน ก็บอกเลยว่าไม่พอจริงๆ เพราะยังเหลือร้านหรอยอีกหลายร้านให้ลองกัน และขอคอนเฟิร์มว่าที่นี่เป็นเมืองพัก ไม่ใช่เมืองผ่าน เป็นเมืองที่ควรตั้งใจมาและให้เวลากันซัก 3-4 วันกำลังดี มันจะเป็นทริปที่ทุกคนมีความสุข ไม่ว่าจะมากับแฟน กับเพื่อนหรือพาครอบครัวมาเที่ยว เราเชื่อว่าทุกต้องต้องแฮปปี้มากแน่นอน ถ้าปีนี้ยังไม่ได้เริ่มเที่ยวไทย.. สงขลาเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับเรา ไว้กลับมาเที่ยวกันอีกครั้งดีไหม?
