‘ย่านหลังสวน’ เวลาใครพูดถึงย่านนี้ก็จะนึกถึงความเจริญที่หรูหราใจกลางกรุงเทพฯ ลากยาวมาตั้งแต่ราชดำริ หลังสวนและวิทยุ เป็นย่านที่มีต้นไม้แสนร่มรื่นให้ความรู้สึกเย็นสบายตลอดทั้งวัน หลังสวนในวันธรรมดาคือ CBD ใจกลางกรุงเทพฯ สุดจอแจเหมือนหนุ่มนักธุรกิจไฟแรง แต่ในวันหยุดหลังสวนก็เปลี่ยนตัวเองใส่ชุดคูลๆ เป็น Life Style Area ที่มีความชิลอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ ความร่มรื่นตลอดทั้งวันและลมโชยที่พัดมาเป็นระยะในช่วงปลายปีแบบนี้ ยิ่งทำให้หลังสวนไม่เหมือนที่ไหนในกรุงเทพฯ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้ทุกคนอยากออกมาใช้ชีวิต
วีคเอนท์นี้ขอชวนทุกคนไปเดินเล่นและพักผ่อนในย่านหลังสวนตั้งแต่เช้าจรดเย็น พักผ่อนแบบ Staycation ในโรงแรมหรูจิบกาแฟคุณภาพพร้อมวิวดีๆ กินของอร่อยแบบเฮลตี้ฟู้ด พร้อมช้อปปิ้ง Accessories ดีไซน์ดีๆ สุดโมเดิร์นและแนะนำให้มิกซ์แอนด์แมตซ์กับไลฟ์สไตล์เพื่อช่วยให้ทุกคนมองภาพความสุขในวันหยุดย่านหลังสวนนี้ชัดเจนมากกว่าเดิม
Kimpton Maa-Lai Bangkok
Staycation ในปีนี้เป็นอะไรที่ยอดฮิตมากๆ เราเองช่วงล็อคดาวน์ก็นอนบ่อยมาก รู้ตัวอีกทีปีนี้ก็นอนโรงแรมมากกว่านอนบ้านซะแล้ว ย่านหลังสวนยังเป็นทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรมหรูเยอะพอสมควรเลย รอบนี้เราเลือกพักกันที่ Kimpton Maa-Lai Hotel ที่บรรยากาศร่มรื่นมากแถมยังเป็น Pet Friendly Hotel อีกด้วย
เราพักผ่อนกันในห้องแบบ Grand Premium Room – Corner Room แม้จะซื้อว่า Grand Premium แต่มันคือห้อง Suites ชัดๆ เพราะมีพื้นที่ห้องรับแขกแยกส่วนออกมาจากห้องนอน แถมมี Sofa Bed อันใหญ่ให้เอกเขนกได้เต็มที่
เวลามาพักผ่อนแบบ Staycation เรามักใช้เวลาในห้องพักเยอะเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเช็คเมล์ อ่านหนังสือชิวๆ ล้วนต้องใช้สายตาหนักๆ ตลอดทั้งวัน วิธีที่เราเลือกและถนอมสายตาที่ดีที่สุดคือสวมแว่นตาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวเองรวมถึงกิจกรรมที่ทำ และแว่นตา MYKITA ก็เป็นแว่นตาที่เราเลือกหยิบออกมาใส่มากที่สุดในบรรดาหลายๆ อันที่มีตามแต่ละกิจกรรมที่เลือกทำ เช่น MYKITA Birch ซึ่งใช้สำหรับเวลาอยู่ในบ้านหรือที่ Indoor นี่คือแว่นตาลูกผสมของนวัตกรรมและเอกลักษณ์แสตนเลทสตีลของ MYKITA ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่นำเทคโนโลยีเปริ้นท์สามมิติมาผลิตแว่นตาโดยใช้วัสดุพิเศษในการผลิตทำให้เป็นแว่นที่มีคาแรคเตอร์คูลๆ แถมใช้งานได้จริงก็ยังเบา สบาย
หรือ MYKITA Niken ก็เป็นอีกอันที่เรามีไว้ใส่ Indoor เหมือนกัน เพราะน้ำหนักเบามากๆ และเท่ห์ด้วยทรงกรอบ aviator รวมถึงสีของแว่นมีความโดดเด่น เป็นสีส้ม matte เข้ากับโทนผิวคนเอเชียอย่างเรา ว่าไม่ได้นะแว่นตาเป็นอีก Accessories ที่ช่วยขับและเพิ่มเอกลักษณ์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลออกมา แถมยังอยู่บนหน้าเราตลอดเวลาที่เราใส่ เพราะฉะนั้นมันจะช่วยทำให้เราน่าดึงดูดและน่าสนใจมากขึ้น เผลอๆ อาจจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ผ่านประโยคหวานๆ ว่า ‘ขอโทษนะคะ แว่นตาของอะไรหรอคะ’
เราไม่รู้ว่าปกติไหมสำหรับคนไทย แต่สำหรับเราเป็นคนที่มีแว่นตาหลายอัน ใส่ตามวาระโอกาสที่ต่างกัน ทั้งแว่นสายตา แว่นแฟชั่น รวมไปถึงแว่นกันแดด เหมือนเป็นของสะสมที่สามารถเอามามิกซ์แอนด์แมตซ์ให้เข้ากับ OOTD แต่ละวัน แต่บอกเลยไม่ว่าจะเพศไหนๆ แว่นตาก็เป็น Accessories ที่จะช่วยให้เราขับความเป็นตัวเองออกมาได้มากที่สุด ไม่เชื่อลองพาเพื่อนไปช่วยเลือกแว่นตาซักอันจากปกติที่ถามกันแค่ว่า สวยหรือไม่สวย แต่สำหรับแว่นตาเพื่อนจะถามเราว่า ‘มึงว่าเข้ากับรูปหน้าและไลฟ์สไตล์ของมึงปะหละ’ เราขอพาไปแวะ MYKITA Bangkok Flagship Store ร้านแว่นตาชื่อดังจากเบอร์ลิน ซักนิดก่อนไปเที่ยวกันต่อ
MYKITA Bangkok Flagship Store
คำว่า MYKITA มาจากคำสองคำคือคำว่า MY ที่แปลว่าฉัน และ KITA ที่แปลว่าโรงเรียนอนุบาลในภาษาเยอรมัน เพราะโรงงานผลิตแว่นของแบรนด์นั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ของโรงเรียนอนุบาลมาก่อน MYKITA ผลิตแว่นเองทั้งหมดด้วยนวัตกรรมต่างๆ และวัสดุที่นำมาผลิต แว่นตาทุกชิ้นของแบรนด์ถูกผลิตที่เบอร์ลินทั้งหมดก่อนส่งไปจำหน่ายต่อทั่วโลก และที่กรุงเทพนั้นคือเป็น Flagship Store แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริเวณ Valaa Langsuan ด้วยนะ
เข้ามาในร้านปุ๊ปก็รู้เลยว่าไม่ผิดร้านแน่ๆ เพราะ MYKITA WALL ซึ่งเป็นชั้นวางแว่นแบบเดียวกันกับ MYKITA ทั่วโลก ที่นำเข้าวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ มาจากเยอรมันทั้งหมดเพื่อให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานของ MYKITA รวมไปถึงทีมอินทีเรียก็บินตรงมาติดตั้งด้วยตัวเองด้วย
ภายในร้านไม่ใช่แค่การเดินดูแว่นตาอย่างเดียว แต่มีบริการจักษุแพทย์ประจำตรวจวัดสายตา ด้วยเครื่องมือฟูล อิมพอร์ตจากเยอรมันนีเป็นความภาคภูมิใจที่มีเพียงไม่กี่เครื่องในไทย ถ้าใครนึกภาพไม่ออกว่าตัวเองใส่แว่นทรงไหนดี เครื่องนี้สามารถถ่ายรูปเปรียบเทียบให้ได้เลย คราวนี้ก็ไม่ต้องมโนให้ลำบากละ แถมยังมีความแม่นยำของการวัดสายตาก็ระดับ HD เลยทีเดียว
เหล่าสาวกกล้องยังต้องกรี้ดกราดกับคอเล็คชั่น MYKITA x LEICA เค้าว่ากันว่าเป็นความลงตัวและคูลที่สุดในเยอรมันนี เพราะ MYKITA คือผู้ผลิตดีไซน์แว่นตาที่ดีที่สุดและ LEICA คือเจ้าแห่งเลนส์ความคมชัดบนกล้อง ทั้งสองได้ร่วมผลิตแว่นตาที่มีเอกลักษณ์ของแบรนด์ LEICA และใช้เลนส์ที่ผลิตโดย LEICA อีกด้วย อยากให้แวะมาดูด้วยตัวเองเพราะแต่ละชิ้นส่งตรงจากเบอร์ลินเลย
เราเองก็เป็นลูกค้า MYKITA เหมือนกันสิ่งนึงที่ชอบมากๆ สำหรับแบรนด์นี้คือเรื่องของน้ำหนักที่เบาจนไม่รู้สึกว่าสวมแว่นตาอยู่ แถมตัวแว่นนั้นมีการใช้เทคโนโลยีเฉพาะของ MYKITA อย่าง Spiral Hinge ซึ่งเค้าศึกษามาแล้วว่าทนกว่าการใช้น็อตและสกรูอีก อยากให้ไปลองมันเบาและทนทานดีมากๆ
CRAFT Café
คาเฟ่เก๋ๆ อย่าง Craft Café ในโรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok ยังมีบรรยากาศยามเช้านั้นดีมากๆ เหมาะแก่การมานั่งทอดอารมณ์ เดินเล่นในสวนสวยๆ ของโรงแรม พร้อมนั่งจิบกาแฟอร่อยๆ กับครัวซองค์ซักชิ้นรับแดดยามเช้า ที่นี่ยังเป็น Pet-Friendly สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาพักผ่อนบริเวณคาเฟ่หรือเข้าพักในโรงเรมเลยก็ได้เช่นกันนะ
แดดเช้าๆแบบนี้ต้องมีแว่นกันแดดดีๆ เราอยากแนะนำ MYKITA Kayo แว่นกันแดดทรงกลม ที่กรอบแว่นบางเหมือนไร้ขอบที่ 0.5 มม. ความเบาไร้ขีดจำกัดและยังโมเดิร์นคลาสสิคกับเลนส์สีดำ เวลาใส่ออกแดดมันคูลชะมัด และแว่นกันแดดทรงนี้มีจำหน่ายเฉพาะในสาขา Flagship Mykita Bangkok เท่านั้นด้วย
Sarnies Roastery
เราเป็นแฟนคลับร้านนี้ตั้งแต่สาขาแรกที่ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 44 จนตอนนี้เปิดเพิ่มสาขาสองของกรุงเทพในซอยต้นสนก็ยังไม่วายขอตามมาทาน All Day Breakfast ของที่นี่ด้วย บรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเองที่นั่งคนเดียวก็ไม่เขิน บรรยากาศในร้านก็อบอุ่นมากๆ กระจกรอบด้านส่องกระทบไม้สนให้ความรู้สึกฟีลกู้ดเวลานั่งมอง คลอเคลียกับกลิ่นกาแฟหอมๆ หรือถ้าดื่มไปหลายแก้วแล้ววันนี้แบบเรา อาจจะลอง Cascara Mango Tonic ฉ่ำๆ ทานคู่กับ Breakfast อร่อยๆ อย่างวันนี้เราสั่ง BLT ก็เป็น Brunch หรือ Late Lunch ที่ไม่เลวเลย
ทางจักรยานลอยฟ้าสวนลุม–สวนเบญจกิตติ
ทางจักรยานลอยฟ้า สวนลุม-สวนเบญจกิตติ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าสะพานเขียว นี่คือสะพานลอยฟ้าเป็นสกายวอล์กแห่งแรกๆ ของกรุงเทพเลยนะ แต่เพิ่งถูกปรับปรุงใหม่เมื่อสองปีที่แล้วทำให้สวยและปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมเพื่อเชื่อมสวนลุมพินีและสวนเบญจกิตติเข้าไว้ด้วยกัน เราไม่ค่อยซื้อเท่าไหร่เวลามีคนบอกว่าสะพานญี่ปุ่น 5555 ที่นี่กรุงเทพฯ ยังไงมันก็เป็นกรุงเทพที่สวยงามขึ้นเรื่อยๆ สะพานนี้ยาวมากๆ ระหว่างทางจะเห็นทั้งความหรูหราของเมืองในย่านหลังสวนและวิทยุ แต่ก็ยังสอดแทรกความเป็นสตรีทของกรุงเทพอยู่เป็นระยะ ทั้งบ้านเรือน ผู้คน คลองที่ยังใช้เรือสัญจรกันอยู่
เราแนะนำให้มาช่วงเช้าถึงสาย หรือหลังสี่โมงเย็นเป็นต้นไปเป็นช่วงที่แสงกำลังสวยและไม่ร้อนเกินไป ยิ่งช่วงหน้าหนาวแบบนี้บรรยากาศกำลังอบอุ่นเลย บนสะพานเขียวมีทั้งทางเดินและทางจักรยานยาวกว่า 1.3 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นเวลาเดินเล่นกันเพลินๆ อย่าลืมเผื่อช่องทางแบ่งปันกันด้วยนะ
และสำหรับใครที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยๆ อยู่กลางแดดจ้าเยอะๆ เราอยากแนะนำ MYKITA Studio 7.4 ที่ MYKITA ตั้งใจดีไซน์ขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับ Everyday Looks สำหรับทุกคน เป็นแว่นที่พกติดตัวไว้ก็หยิบมาใส่และแมตซ์กับการแต่งตัวได้ง่ายขึ้น เป็นทรง Panto กับเลนส์สีฟ้าที่ขาแว่นเป็น Spiral Hinge บางและเบามาก ผสมกับเลนส์สีฟ้าอ่อนที่ทำให้มองภาพได้สบายตาและเป็นสีพิเศษเอ๊กซ์คลูซีฟเฉพาะ Flagship Mykita Bangkok เท่านั้น
Samantao Heritage Coffee
ออกมาปิดท้ายวันไกลจากหลังสวนซักนิดแต่ยังสามารถเดินถึงกันได้ เดินได้หรือนั่งรถก็หลักหน่วยนาทีเท่านั้น Samantao Heritage Coffee แม้คาเฟ่แถวนี้จะเยอะมากๆ แต่ที่นี่ไม่เหมือนใครเพราะเป็นหนึ่งเดียวในย่านนี้ที่ขายกาแฟแบบโบราณพร้อมขนมปังนึ่งสังขยาอร่อยๆ
บริเวณร้านเป็นบ้านทรงไทยและศาลาไทย แถมมีบึงเล็กๆ กับต้นไม้สีเขียวที่ร่มรื่นเต็มบริเวณในพื้นที่โรงแรมปาร์คนายเลิศเก่า ถ้าเที่ยวเหนื่อยๆ มานั่งชิลปิดท้ายตรงนี้ก็ไม่เลวเลยนะ เราอยากแนะนำให้ลองสั่งกาแฟโบราณใส่เนย ทานคู่กับไข่ลวก หรือขนมปังนึ่งจิ้มสังขยาหอมๆ อร่อยมากเลย
นี่คือ 6 โลเคชั่นย่านหลังสวนและรอบๆ ที่สามารถมาใช้ชีวิตในวันหยุดได้อย่างชิลๆ ระยะเดินทางถึงกันหมดในช่วงบรรยากาศดีๆ ปลายปีแบบนี้ มาแต่งตัวเท่ๆ รับลมเย็น และเลือก Accessories ที่จะช่วยให้เราขับความเป็นตัวเองออกมาได้มากที่สุดอย่างแว่นตาของ MYKITA ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความเท่และความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีชั้นนำจากเบอร์ลิน ให้ OOTD ของเธอคูลกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา