ทริปแรกหลังคลายล็อคดาวน์กับโค้งสุดท้ายของการเที่ยวทะเลไทยแบบส่วนตัว อยากชวนทุกคนไปใช้ชีวิตแซ่บๆ ให้ร้อนกว่าอากาศบ้านเรากันที่ ‘กระบี่’ ขอข้ามขั้นตอนพรรณนาว่ากระบี่ดียังไง เพราะใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าอยากเที่ยวทะเลไทยที่สวยที่สุด โมเม้นท์เป็นส่วนตัวและฉ่ำที่สุดต้องเที่ยวตอนนี้ ก่อนที่จะเริ่มเปิดประเทศอีกครั้ง แต่ทริปนี้ขออวยที่พักที่เราพึ่งไป Staycation มาล่าสุด โรงแรมระดับลักชูรี่ที่พึ่งเปิดใหม่ได้ไม่ถึงปี แถมเน้นความเป็นส่วนตัวสูงและมี Private Pool ทุกห้อง ที่นี่คือ ‘ Banyan Tree Krabi ‘
มาเริ่มเก็บเสื้อผ้าน้อยชิ้นแพ็คใส่กระเป๋า ออกเดินทางไปพักผ่อนแบบเนิบๆ แต่ชื่นใจ ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น แช่น้ำเย็นๆ นั่งจิบแชมเปญ เที่ยวเกาะห้องแบบ Go Local ด้วยเรือหัวโทงจากชาวบ้าน และนั่งปิกนิกริมหาดพร้อมปลาการ์ตูนและตัวเงินตัวทอง นี่คือทริปเที่ยวกระบี่แบบพักผ่อนเยอะๆ ใช้ชีวิตแบบลักชูรี่ในโรงแรมให้คุ้มและออกไปปิกนิกสวยๆ บนเกาะ กับทริปก่อนสิ้นปีนี้เที่ยวเบาๆ ให้ทะเลช่วยเติมพลังทุกคนไปพร้อมกัน
แล้วทริปนี้ใช้จ่ายแบบสังคมไร้เงินสดด้วยบัตรเครดิต Citi บัตรเครดิตที่เป็นยังคงเป็นเพื่อนเดินทางที่ดีที่สุดของเธอเสมอไม่ว่าจะเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศ แถมมาพร้อมส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมาย และคะแนนที่คุ้มค่ากว่าใครใช้เยอะแค่ไหนก็เตรียมแลกตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศกันได้เลย!
Lunch with Saffron
เราออกจากกรุงเทพช่วงสายๆ แน่สิทริปนี้มาพักผ่อนไม่เน้นมาดูแสงชงแสงเช้าอะไรทั้งนั้นค่ะ เน้นว่าตื่นกี่โมงก็บินหลังจากนั้นไม่ทรมานตัวเองแน่นอนหน้าร้อนนี้ 5555 เราออกจากกรุงเทพช่วงสายๆ มาถึงที่ บันยันทรี กระบี่ ก็ทันมื้อเที่ยงพอดี แต่ก่อนจะถึงมื้อเที่ยงก็ต้องตะลึงกับวิวบริเวณ Lobby สวยซะไม่มี เห็นวิวป่าเกาะอยู่ข้างหน้าแสนประทับใจ Welcome Drink and Snack ก็เป็นน้ำอัญชัญ มะม่วงสมูทตี้ และกล้วยเคลือบช็อคโกแลต แต่ที่น่ารักปุ๊กปิ๊กที่สุดก็ไม้จิ้มนี่แหละ
ที่นี่สร้างมาในคอนเซปต์เป็นดินแดนของพญานาคถ้าสังเกตการตกแต่งต่างๆ จะมีเกล็ดพญานาค บันไดเลื้อยๆ และสีโทนสีเขียวบริเวณจุดต่างๆ และในห้องพัก ทำให้ดูมีมนต์ขลัง หรูหรา และน่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา
สำหรับมื้อแรกของเรา เรารับประทานกันที่ห้องอาหาร Saffron ซึ่งเป็นอาหารไทยที่ปรุงอย่างพิถีพิถันและใช้วัตถุดิบแบบพรีเมี่ยมที่สุด เพราะฉะนั้นจะใช้เวลาพอสมควรในการปรุง แต่ก็ไม่ทำให้เราหิวแน่นอนเพราะเค้าจะเสิร์ฟ Appertizer และไอศกรีมให้เราล้างปาก หรือทานระหว่างรอเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารมื้อหลักต่างๆ สำหรับเราอาหารที่นี่อร่อยใช้ได้เลย ยิ่งการเสิร์ฟออกมาแต่ละจานทำให้รู้ว่าเค้าประณีตมากจริงๆ สำหรับเราชอบต้มข่าหอยเชลส์มากที่สุด หอยหนึบมากแม่
ถ้าเป็นที่อื่นๆ หรือ Staycation ในกรุงเทพ เราคงเลือกเดินกลับห้องแล้วนอนเลื้อยเป็นงูเหลือมกินหมา แต่ที่นี่เป็นโรงแรมใหม่ล่าสุดที่เปิดได้ยังไม่ถึงปี เราเลยถือโอกาสเดินดูความสวยงามรอบๆ โรงแรมซะหน่อยว่ามันดีย์งามแค่ไหน จะบอกว่าที่นี่มีทั้งสระเด็ก สระผู้ใหญ่ และสวยๆ ทั้งนั้น สวยจนเปลี่ยนใจใส่ชุดว่ายน้ำออกมานั่งจิบม็อกเทลเก๋ๆ ริมสระ ดูวิวช่วงบ่ายที่แดดไม่ได้แรงมากนัก ทำให้เห็นวิวเกาะฝั่งตรงข้าม
พอเริ่มคล้อยบ่ายก็เริ่มหิวอีกแล้ว! ที่นี่ยังมี Signature อีกหลายอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ Bird’s Nest ลองจินตนาการว่าเป็นลูกนกตัวน้อยๆ ที่รอแม่มาป้อนอาหารอยู่ในรัง แต่เปลี่ยนนกหนอนต่างๆ เป็น Afternoon Tea Set ที่อลังการและทานได้อิ่มมากๆ แทน ฟีลตรงนี้ดีมาก อยากให้ลองมานั่งจิบน้ำชาช่วงบ่ายจนไปถึงใกล้พระอาทิตย์ตกดิน แต่ถ้าไม่อยากทาน Afternoon Tea ก็สามารถสั่งอาหารมาทานมาทานได้ด้วยนะ
ช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกเราแวะมาเดินเล่นที่หน้าหาดกันต่อ ต้องบอกเลยว่าหาดที่นี่สวยมากๆ วิวเกาะห้องและเกาะผักเบี้ยด้านหน้าคือให้ 10/10 ไปเลย แล้วด้วยคอนเซปต์ของโรงแรมที่ได้ฟีลลิ่งเหมือนพักผ่อนในเมืองบาดาลของพญานาค การได้เห็นพระอาทิตย์เต็มดวงลับขอบฟ้าก็ไม่ต่างจากเงยหน้าขึ้นมามองจากใต้บาดาล เป็นไงหละ! จินตนาการล้ำเลิศศศศ
Day 2 – Hong Islands
เช้าวันที่ 2 เราสามารถเช่าเรือหัวโทงโดยติดต่อกับโรงแรมให้ทางโรงแรมจัดหาเรือท้องถิ่นได้ในราคาพิเศษ แถมบริเวณหน้าหาดสามารถขึ้นและลงเรือได้ทั้งตอนเช้าและตอนบ่าย ทำให้สะดวก ทานอาหารเช้าสวยๆ ก่อนออกไปเที่ยวเกาะห้องกันต่อ
เอ้อออ! อาหารเช้าที่นี่อลังการมาก เราทานกันที่ The Naga Kitchen มีทั้งไลน์บุฟเฟต์ของอาหารไทยและอาหารนานาชาติ แถมมีอาหารท้องถิ่นสลับให้บริการทั้งขนมจีน โรตี ชาชัก และใครที่เป็นสายแอลกอฮอล์ ที่นี่มีบริการแชมเปญยามเช้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย เลิศ!!!
เราออกเดินทางไปเกาะห้องกันโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจากโรงแรม เกาะห้องช่วงนี้เงียบสงบและสวยมาก เลยมีโอกาสไปนั่งปิกนิกบริเวณริมหาด ให้ทางโรงแรมเซต Comfort Foods เบาๆ พร้อมเครื่องดื่มไปทำคอนเทนต์เก๋ๆ ริมหาด
บรรยากาศช่วงนี้เหมาะแก่การเที่ยวไทยมากเพราะเงียบ สงบ ทะเลสวย คนไม่เยอะ อยากให้รีบมากันเลย
เราเดินพอเหนื่อยขึ้นไปดูวิวเกาะห้องบนจุดชมวิว สวยอลังการไม่แพ้กัน ฮือออ อยากให้มาเที่ยวกันจริงๆ นะ มันสวยจริงๆ ช่วงนี้ ดีแบบไม่เคยมีมาก่อน 555
ช่วงบ่ายเรากลับมาพักผ่อนกันที่ห้องแบบ Presidential Beachfront Pool Villa ซึ่งเป็นห้องพักระดับสูงสุด มีทั้งหมด 2 ชั้น 3 ห้องนอนและพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ปาร์ตี้กันแบบจุกๆ ได้ทั้งคืน พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวที่เห็นแล้วต้องร้องอื้อหือ! คือมันสวยปังมากๆ โดยเฉพาะตอนเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน มานั่งชิลในห้อง เม้าท์มอยกับเพื่อน พร้อมเล่นน้ำในสระส่วนตัวแบบ Private ที่สุด ที่สำคัญห้องพักแบบนี้สามารถพักได้ถึง 6-8 คนเลยนะ
ช่วงเย็นเรามานั่งพักผ่อนกันที่ The Cabana เป็นเบาะนุ่มๆ พร้อมมุมที่เป็นตาข่ายให้เราสามารถเหยียดเอนได้เต็มที่ และเบื้องหน้านั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Sunset View ที่สวยมากๆ ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ชะนีอย่างเรากับแก้วแชมเปญในมือนั้นถือว่าเป็นของคู่กันพร้อมภาพแบบ Silhouette สุดปังจริงๆ
ส่วนใครเป็นสายชอบดื่ม ชอบสังสรรค์ที่นี่มีบาร์ริมทะเลสุดปังชื่อว่า Kredkaew Bar (เกล็ดแก้ว) ไปนั่งชิลๆ ริมทะเลกันได้ แปลกมากที่ยุงแทบไม่มีเลยในวันที่เราไปนั่งชิลกัน แต่เค้าก็มียากันยุงแบบสเปรย์คอยพ่นให้ตลอดนะไม่ต้องกังวล
ส่วนอาหารเย็นนั้นเรากลับมาทานที่ The Naga Kitchen ที่เดียวกับที่ทานอาหารเช้า รอบนี้เป็นอาหารเย็นแบบ Fine Dining เสิร์ฟประมาณ 3-4 คอร์ส สอบถามกับโรงแรมให้จัดเป็นเซ็ตหรือสั่งทานเป็น A La Carte ได้เลย อร่อยเหมือนกันที่นี่จะเป็นอาหารไทยแบบฟิวชั่นนิดนึงแต่รสชาติก็ไม่แย่ เป็นการจบวันที่ไม่เลวเลยนะ
เช้าวันสุดท้ายเราเลือกเล่นเป็นกิจกรรมริมชายหาดของที่นี่ เค้าจะมีทีม Recreation Team คอยดูแลให้ทุกๆ อย่าง ทั้งการสอนเบื้องต้น แนะนำกิจกรรม และคอยดูแลความปลอดภัย อย่างวันนี้เราเลือกเล่น Clear Kayak และ Sup Board อากาศดีๆ ลมโชยเบาๆ และน้ำใส ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ความสนุกก็มากกว่าอยู่ดี แนะนำว่าถ้าอยากได้ภาพสวยๆ ควรมาเล่นช่วงเช้าเพราะน้ำจะลงเยอะช่วงบ่าย
เราใช้เวลาช่วงสายหน่อยเลือกเป็นทานอาหารเช้าในห้อง อยากได้ภาพเก๋ๆ แบบทานบนเตียงกันไปเลย อาหารเช้าที่นี่ใช้วัตถุดิบดีมากๆ เลยนะ ควรทานมาก ต่อให้คืนก่อนหน้านั้นจะปาร์ตี้หรือเมาแค่ไหนก็ควรตื่นมาทานอาหารเช้าแบบสดใสๆ
ก่อนกลับกรุงเทพฯ เราแวะไปทำสปาที่ Banyan Tree Spa สปาของ Banyan Tree นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้ว และที่นี่ก็ยังตอกย้ำและไม่ทำให้ผิดหวังเหมือนกัน เราเลือกเป็นนวดอโรมา 1 ชั่วโมง เป็นช่วงเวลาที่ฟินเหลือเกิน 5555 ปิดท้ายทริปนี้ด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นลูกสาววังบาดาลพร้อมขึ้นไปใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์แบบสดใส และสดชื่นอีกครั้ง
การเที่ยวไทยสำหรับเราช่วงนี้ก็มีทั้งแนว Adventure , Staycation และผสมๆ กันไป ส่วนทริปนี้เราจัดให้อยู่ในหมวดของ Staycation ล้วนๆ ถ้าใครกำลังเหนื่อยจากงาน เหนื่อยจากการทำงานหนัก หรือเหี่ยวเฉาจากการอดเดินทางไปต่างประเทศ ขอแนะนำเลยว่าที่นี่นี่แหละที่จะทำให้เธอมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ทะเลและที่พักดีๆ สามารถช่วยเยียวยาทุกอย่างได้จริงๆ นะ อยากให้มาลอง
และสำหรับใครที่ใช้บัตรเครดิตซิตี้ฯ รับโปรโมชั่นที่พิเศษกว่าใคร
เข้าพักระหว่างวันที่ 1 พ.ค. 64 – 20 ธ.ค. 64
– ราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 9,999 บาทสุทธิ* ต่อห้องต่อคืน ที่ห้อง Partial Ocean Pool Suite พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน
สิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติม*
– ฟรีอาหารเช้าสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 1 ท่าน โดยนอนเตียงร่วมกับผู้ใหญ่ มูลค่า 600 บาทสุทธิ
– ส่วนลด 15% สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ที่ทุกห้องอาหาร (ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์)
– ส่วนลด 15% สำหรับสปา ที่ Banyan Tree Spa Krabi
(ไม่สามารถใช้ร่วมกับการทำทรีตเมนต์บนใบหน้า และโปรโมชั่นอื่นๆ ได้)
*ทุกโปรโมชั่นต้องเข้าพักอย่างน้อย 2 คืนต่อเนื่อง และขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพักที่ว่าง ณ ขณะนั้นและ โปรโมชั่นดีๆ แบบนี้มียาวทั้งปีจนถึง 20 ธันวาคม 2564
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่
โทร. 075 811 888
อีเมล reservations-krabi@banyantree.com
เว็บไซต์ www.banyantree.com/en/thailand/krabi
*เงื่อนไขของโปรโมชั่นเป็นไปตามที่โรงแรมกำหนด