เค้าบอกว่าช่วงนี้ ‘อันดามันสวยกว่าทุกครั้งในที่เธอเคยเห็นแน่นอน!’ แหม แหม แหม เคลมกันขนาดนี้ไม่ใช่บริษัทัวร์ที่ไหนแต่เป็นเพื่อนฝูงที่กลับมาเล่าให้ฟังพร้อมทำหน้าอิ่มเอมปนซึ้งแล้วยุแล้วยุอีกว่าให้ลงไปเที่ยวดูสิ มันชวนจริงๆ นะแก ฟ้าเป็นฟ้า ส่วนน้ำทะเลก็ไล่สีจากอ่อนไปเข้มสวยจนลืมความเค็ม สวยจนต้องนั่งนิ่งๆ แล้วดูความระยิบระยับของน้ำจนพอใจ ทริปนี้ยังเที่ยวภาคใต้ ไม่ใช่เมืองฮิตใดๆ แต่เป็นเมืองแมสๆ อย่างภูเก็ตที่กลับมารอบนี้ก็พูดเหมือนเพื่อนที่เคยมาเม้าท์ต่อให้ทุกคนฟังว่า ‘อันดามันสวยกว่าทุกครั้งในที่เธอเคยเห็นแน่นอน!’
ทริปนี้ขอเที่ยวภูเก็ตแบบเน้นออกเกาะสวยๆ แบบลูกคุณหนูกับ Love Andaman แล้วพักผ่อนในโรงแรมเป็นหลัก 4 วันของเราเทใจให้สิมิลันและเกาะพีพีอย่างละวัน ที่เหลือนั้นขอตื่นสายๆ ใช้ชีวิตแบบเนิบที่สุดพักผ่อนในโรงแรมที่ว่ากันว่าหาดสวยที่สุดในภูเก็ตอย่าง Katathani Phuket Beach Resort ขอย้ำอีกครั้งว่านี่คือทริปภูเก็ตออกเกาะที่สวยกว่าทุกครั้งที่เคยเจอมา จนอยากให้ทุกคนตามรอยจริงๆ ?
Day 1 – ห้ามบินเช้า ต้องถึงบ่าย และ Skate ตอนเย็นเท่านั้น!
ความมุ่งมั่นของทริปนี้คือออกเกาะต้องเหนื่อยแน่ เพราะฉะนั้นวันอื่นๆ ห้ามมีอะไรที่ทำให้เพื่อนฝูงในทริปหน้างอเด็ดขาด! เราออกจากกรุงเทพช่วงเที่ยง เพื่อให้ถึงภูเก็ตประมาณบ่ายสามแล้วตรงดิ่งเข้าโรงแรมเช็คอินได้ทันที
ทริปนี้เราพักกันที่ Katathani Phuket Beach Resort ที่นี่เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ห้องพักพึ่งรีโนเวทมาไม่นาน เราพักกันในห้องประเภท Junior Suite อุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน มีเตียงนุ่มอยู่ 2 คนก็กว้างขวางมาก โซฟาที่นอนดูวิวทะเลยามเช้าได้เลยทันที จะต้องการอะไรอีกคะเนี่ย 55555
แต่ความสวยของที่นี่ไม่ใช่แค่ห้องพักเท่านั้น แต่เป็นหน้าหาดที่กะตะน้อย ยาวชนิดที่ว่าเดินจนเหนื่อยแถมทรายละเอียดเดินแล้วนุ่มนิ่มดีจริงๆ พร้อมด้วยริ้วมะพร้าวริมทะเล เราชอบที่เค้าดูแลสวนต่างๆ เป็นอย่างดี เขียวชอุ่ม ตัดสลับกับพื้นทรายและน้ำทะเลที่ใสมากช่วงนี้แล้ว คิดไม่ผิดเลยที่เลือกพักที่นี่
แล้วน่าจะเป็นเพียงไม่กี่โรงแรมที่มีคลาสเปิดสอน Surfskate โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนิดหน่อยพร้อมพื้นที่ให้พวกเราเล่นกันได้ฟรี หรือถ้าใครเล่นเป็นแล้วแต่ไม่ได้พกบอร์ดมาด้วยจากกรุงเทพ ก็สามารถติดต่อ Reception ได้เลย ซึ่งมีร้านแนะนำว่าสามารถยืมได้อยู่ใกล้ๆ โรงแรมประมาณ 5 นาที
หลังจากเก็บของเข้าห้องอะไรเรียบร้อยแล้วเราก็ออกมาเล่น Skate ริมทะเลชิลๆ พร้อมกับดูวิวพระอาทิตย์ตกดินของที่นี่ เป็นโมเมนท์ที่ดีมากๆ มันไม่ได้สวยแบบหวือหวาอะไร แต่ทำให้เรารู้สึกว่าแค่ได้นั่งมองก็มีความสุขแล้ว
ที่โรงแรมยังมีบาร์ริมทะเลให้เธอนั่งสูดกลิ่นไอของทะเลกันให้เต็มปอดชื่อว่า Coconut Bar ช่วงบรรยากาศยามเย็นโพล้เพล้กำลังดี เรียกน้ำย่อยก่อน Dinner ได้เพอร์เฟคที่สุดค่ะคุณ
มาถึงภูเก็ตจะให้ไปกินอย่างอื่นได้ยังไง! เพราะที่โรงแรมมีร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงอย่าง Chanadda Royal Thai Cuisine เป็นตำรับชาววังแท้ๆ ขนาดจาน ช้อน ส้อม ยังหนักไปหมด 555 ขอแนะนำให้สั่งหมูฮ้อง ใบเหมียงผัดไข่ของที่นี่ใส่กุ้งแห้งกรอบๆ ด้วยนะ อร่อยมาก ทุกเมนูจัดจานมาอย่างอลังการจนตกใจ สารภาพตามตรงว่าตอนแรกดูถูกไว้ก่อนเลยจ้ะแม่ว่าสวยแต่รูปรึเปล่า แต่พอชิมเท่านั้นแหละ โอ้โห! อร่อยทุกอย่างเลยอะ แถมบางจานขอเบิ้ลสองเลยค่ะพี่ 5555555 เป็นการจบวันแรกได้ดีงามและหลับฝันดีแน่นอนเชียว
Day 2 – Similan Islands
เรารู้แหละว่าถ้าจะไปสิมิลัน ต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือทับละมุ ซึ่งอยู่ที่พังงา ถ้าไปจากภูเก็ตต้องตื่นเช้าหน่อยคือออกจากโรงแรมไม่เกิน 06.30 เพื่อไปถึงท่าเรือช่วงประมาณ 8 โมงเช้า ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปพังงาก่อนเลยคืนนึงดีมั้ย แต่คิดไปคิดมา ไม่อยาก Unpack กระเป๋าใหม่ อยากอยู่ที่เดียวทุกคืนไปเลย เลยตัดสินใจนอนโรงแรมเดียวกันทั้ง 3 คืน ซึ่งถือว่าคิดถูก สำหรับเราไม่ได้แย่ แค่ตื่นเช้าขึ้นนิดนึง นั่งมองวิวสวยๆ ระหว่างทางไปพลางๆ แถมไม่ต้องย้ายกระเป๋าหลายโรงแรมด้วย
เราไป One Day Trip กับ Love Andaman เป็นบริษัททัวร์ที่ชิคและเป็นระบบระเบียบดีมากๆ เราเองไม่ค่อยเที่ยวเกาะหรือเที่ยวไทยบ่อยๆ พอมาเจอแบบนี้เห็นแล้วก็ประทับใจ ราคาสมเหตุสมผล มีของว่างและเครื่องดื่มทั้งตอนก่อนขึ้นเรือ และหลังจากกลับมา และที่สำคัญไกด์ของ Love Andaman มีสิ่งที่เรียกว่า Service Mind ที่ดีมากๆ ไม่เคยพบเคยเจอที่ไหนที่สามารถนำเราคึกได้ท่ามกลางบรรยากาศร้อนๆ ได้ตลอดทั้งวัน
นั่งเรือออกจากท่าเรือทับละมุประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที เรือก็พาเรามาถึงเกาะ8 เป็นที่แรก ที่นี่ถือเป็นไฮไลท์ของหมู่เกาะสิมิลันเลยหละ เพราะมีหินรูปร่างคล้ายเรือใบที่สามารถสามารถเดินขึ้นไปชมวิวกันต่อได้ระยะทางก็พอเรียกเหงื่อแต่ไม่ถึงกับเหนื่อยมาก
หลังจากที่เรือมาจอดเราก็ร้องโอ้โหกับเพื่อนกันใหญ่ เพราะไม่คิดว่าน้ำจะใสขนาดนี้ ใสจนมองเห็นพื้นทรายด้านล่างแล้วมัวแต่นั่งเหม่อมองไปเรื่อยๆ ตอนที่แสงกระทบแล้วเป็นประกายระยิบระยับมันสวยมากจริงๆ
ชายหาดที่นี่ก็กว้างขวาง อย่าลืม! เดินตามหาครอบครัวปูเสฉวนกันด้วยนะ ที่นี่มีเยอะประมาณนึงเลย
หลังจากนั้นเราก็เดินขึ้นไปจุดชมวิวด้านบน ที่นี่สามารถเดินขึ้นไปได้ 2 Step แนะนำว่าไปให้ถึงด้านบนสุด Step ที่ 2 สวยและลมโชยดีมากๆ
ทีมของ Love Andaman จะให้เราชิลๆ กันตามอัธยาศัยแต่จะมีไกด์คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ทั้งอำนวยความสะดวก ช่วยดูลูก เลี้ยงเด็ก หรือแม้แต่เป็นช่างภาพจำเป็น เค้าก็ทำให้หมดพร้อมหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสไม่มีบ่นกันเลยตลอด 1 ชั่วโมงนิดๆ บนเกาะ8
จากนั้นเราก็ไปดำน้ำกันต่อเกาะ 7 และเกาะ 9 สองเกาะนี้เราไม่ต้องลงจากเรือ แต่สามารถคว้าชูชีพ และแว่นตาดำน้ำแล้วกระโดดต๋อมลงไปได้เลย
จริงๆ แล้วทริปหมู่เกาะสิมิลันจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 เกาะที่เราต้องไปคือ 4,7,8 และ 9 ทั้งนี้การจะไปเกาะไหนอันดับแรกนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและลมในแต่ละวันทางทีม Love Andaman จะแจ้งให้เราทราบก่อนออกเดินทางทุกครั้ง มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและสวยงามสมใจแน่นอน
เกาะสุดท้ายก่อนกลับขึ้นฝั่งคือเกาะ4 เราพักทานอาหารเที่ยงกันที่นี่ พร้อมกับนั่งชิลเล่นกันเพลินๆ และมีเวลามากกว่าทุกเกาะ ใครอยากเล่นน้ำใสๆ ก็ทำ ใครอยากงีบนอนฟังเสียงคลื่นก็ทำ หรือใครอยากวิ่งเล่นกับเจ้านกชาปีไหนและค้างคาว ก็ทำได้ นกชาปีไหนหน้าตาน่ารักและตลกมากและไม่ค่อยกลัวคนด้วยนะ
ส่วนใครที่กลัวว่าจะไปเที่ยวเกาะแล้วไม่สะดวก ต้องบอกว่าที่ Love Andaman มีผ้าเช็ดตัวผืนกลมให้ยืมฟรีๆ เอามาเป็นพร็อบหรือเอามาใช้จริงๆ ก็ได้ แถมที่บริเวณท่าเรือมีห้องอาบน้ำให้บริการพร้อม เที่ยวเกาะเสร็จ อาบน้ำให้สะอาดแล้วพร้อมเที่ยวต่อได้เลย
เรือจะกลับมาถึงฝั่งประมาณ 17.00 น. ที่ท่าเรือมีไอศกรีมที่เป็น Signature อย่างไอศกรีมลุงแดงคอยให้บริการฟรีๆ พร้อมมะม่วงน้ำปลาหวาน และขนมเปี๊ยะไส้ไข่เค็มมาดามยุที่เป็นขนมรองท้องก่อนกลับขึ้นฝั่ง ทุกอย่างที่พูดมาไม่มีอะไรต้องจ่ายเพิ่มแล้วทั้งนั้นเพราะฟรีหมดเลย!
ก่อนกลับภูเก็ต เราแนะนำให้แวะทานอาหารเย็นที่ Juumpo Family Recipes เป็นร้านอาหารต้นตำรับพื้นบ้านแท้ๆ ของชาวพังงา ที่ทำออกมาได้น่าทานและอร่อยมากๆ ทุกเมนู แนะนำให้สั่งปลาเจี๋ยน และมะเขือม๊อบ อร่อยแบบไม่เคยทานที่ไหน แถมบรรยากาศสบายๆ คุณแม่เจ้าของร้านก็ออกมาต้อนรับทุกครั้งที่เรากลับมาทาน
ทานเสร็จก็นอนหลับปุ๋ยสบายๆ ไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึงโรงแรม เป็นการเที่ยวทั้งวันที่ฟินมาก เห็นทะเลสวย ได้ทานของอร่อยๆ ทั้งวัน นั่งรถกลับมาก็แอร์เย็นๆ เที่ยวไทยกับคนที่พูดภาษาเดียวกันมันดีแบบนี้นี่เอง สิมิลันมันดีแบบที่ใครหลายๆ คนคาดหวังจริงนะ ถ้าเธอเป็นพวกหวังสูง ยังไงก็ไม่ผิดหวังแน่นอน ?
DAY 3 – Pi Leh Lagoon, Phi Phi Islands
วันที่ 3 ของทริปเที่ยวเกาะรอบนี้เราไม่พลาดเกาะที่ใครๆ ก็บอกกันว่าสวยนักสวยหนาอย่างเกาะพีพี เราออกเกาะกับ Love Andaman เหมือนเดิม การบริการ อาหาร และพนักงานจากที่พังงาดียังไง ที่ภูเก็ตก็ดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทริปนี้เราออกจากท่าเรือน้ำลึก Visit Panwa ไม่ต้องตื่นเช้าเหมือนไปสิมิลันแล้ว 555 ดีใจมาก
จากท่าเรือจะใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึงบริเวณที่เรียกว่า Phi Leh Lagoon (ปิเล๊ะ ลากูน) ตรงนี้สวยมากเป็นลากูนขนาดใหญ่เหมือนสระว่ายน้ำที่ใส่แจ๋วและน้ำไม่ลึกสามารถเดินได้เลยบางจุด ตรงนี้เป็นมุมฮิตที่ปกติถ้าฤดูกาลท่องเที่ยวจะคราคร่ำไปด้วยเรือของนักท่องเที่ยวแต่ปัจจุบันสถานการณ์แบบนี้ทำให้ที่นี่พิเศษสำหรับคนที่อยู่ในไทยโดยเฉพาะ
เมื่อเราถึงที่ปิเล๊ะ ลากูน แล้ว จากเรือของ Love Andaman จะมีเรือไม้หรือที่เรียกกันว่าเรือหัวโทงของชาวบ้านมารับเราจากเรือเพื่อไปถ่ายรูปสร้างภาพเก๋ๆ บริเวณรอบปิเล๊ะ โดยมีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นี่แหละค่ะ นาทีทองของทุกคน เรือไม้ ฟ้าสีใส น้ำทะเลสีสวยและชุดจี๊ดๆ ที่เธอเตรียมมาเฉิดฉายกับมันให้เต็มที่! แถมมีถ้ำไวกิ้งที่บริเวณหน้าถ้ำเป็นหาดสวยมาก
หลังจากที่เที่ยวปิเล๊ะลากูนเสร็จแล้วเราจะย้ายจากเรือหัวโทงกลับขึ้นเรือใหญ่เข้าฝั่งที่เกาะพีพีดอน ซึ่งเป็นเกาะหลัก บนเกาะก็จะมีร้านอาหารต่างๆ คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกและร้านโรตีที่อร่อยมากคอยให้บริการอยู่ เพื่อที่ช่วงบ่ายทุกคนจะออกเดินทางไปเล่นน้ำสวยๆ กันต่อที่เกาะไผ่แล้วกลับขึ้นฝั่ง แต่… เรามีธุระนิดหน่อยเลยให้ทาง Love Andaman ติดต่อเรือ Speedboat จากเกาะพีพี กลับเข้าภูเก็ตในราคาคนละ 500 บาท แต่อยากบอกเลยว่าคิดผิดมาก ไม่ควรทำที่สุดเพราะเรือคนละเรื่องกับตอนที่นั่งกับ Love Andaman ลำเล็ก ร้อนและอึดอัดมาก หายใจแทบไม่ออกตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที ย้ำเลยว่าไม่ควรทำ ควรไปเกาะไผ่ต่อสวยๆ เท่านั้น!
ช่วงบ่ายของวันหลังจากเสร็จธุระต่างๆ เรากลับมาเอ็นจอยไลฟ์ที่โรงแรมอีกรอบ ที่ Katathani Phuket Beach Resort มีสระว่ายน้ำหลายสระมาก โดยเฉพาะสระริมทะเลด้านหน้า คล้อยบ่ายเมื่อไหร่รีบใส่ชุดว่ายน้ำตัวเก่งวิ่งลงสระแล้วต่อด้วยทะเลกันเลยนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังว่าสวยปังทั้งสระทั้งหาดจริงๆ!
ส่วนเราเป็นสาวในกระแสก็ต้องกลับไปไถ Skate กันต่อด้วยความที่พื้นที่ของโรงแรม กว้างมากๆ จึงมีโลเคชั่นสวยๆ สำหรับเล่น Skate และเก็บภาพได้แน่นๆ
เราทาน Dinner กันที่ห้องอาหารชื่อว่า Fisherman’s Wharf มีทั้งอาหารไทยและ อาหารอิตาเลี่ยน จะบอกว่าอาหารไทยที่นี่อร่อยมาก โดยเฉพาะพวกยำเนื้อย่าง ราดหน้าหมู อาหารทานง่ายๆ จานใหญ่ เรากินที่นี่ตั้งสองมื้อ ส่วนพวกสปาเก็ตตี้ พิซซ่าก็อร่อยไม่แพ้กัน พอโตขึ้นวันไหนที่เน้นทำกิจกรรมเยอะๆ เราเลือกที่จะทานอาหารในโรงแรมไปเลยเพราะสะดวก ยิ่งช่วงนี้แล้วด้วยไม่อยากออกไปไหนไกลๆ หรือหลายที่ต่อวันเพราะความเสี่ยงค่อนข้างเยอะ ทานในโรงแรมก็อร่อยและสบาย
DAY 4 – Back Home!
ใครๆ ก็รู้ทริปของพวกเราคือการปล่อยเบลอวันสุดท้าย นอนตื่นสาย มาทานอาหารเช้า นั่งเหม่อมองฟ้า มองทะเลไปเรื่อยๆ มีความสุข ห้องอาหารเช้าที่นี่ชื่อชมทะเล ที่นั่งเป็นแบบ Open Air อากาศยามเช้าของภูเก็ตก่อนแดดจะแรงก็ลมโชยเบาๆ ทำให้นั่งทานอาหารได้เพลินๆ อาหารก็มาตรฐานโรงแรมทั่วไปเลย ทานได้ทุกคนแน่นอนและมีให้เลือกหลาหลาย
ช่วงสายๆ หน่อยอยากแนะนำให้ไปนอนเล่นหน้าหาด นอนบนเปล เช็คอีเมล์ อ่านหนังสือ ฟังเพลง อะไรก็ว่าไปที่จะทำให้เธอชิลที่สุดก่อนกลับไปเผชิญกับงานหนัก หรือความรู้สึกงงๆ กับการ Work From Home แค่นี้ก็เป็น 4 วันเต็มในภูเก็ตที่เปิดเผยไทม์ไลน์ได้ไม่หลงไม่ลืมกันแน่นอน
ทริป 4 วันครั้งนี้กับภูเก็ตเป็นโมเมนท์ที่เต็มอิ่มมาก เราไม่ได้เที่ยวเกาะมานานมาก การมา รอบนี้กับสิ่งที่ได้พบยิ่งประทับใจเข้าไปใหญ่ สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าทะเลภูเก็ตและเกาะต่างๆ ช่วงนี้จะสวยมั้ย อยากให้เธอลองมาเห็นด้วยตนเองซักครั้งเราเชื่อว่าจะเป็นโมเมนท์ที่เธอจะจดจำไปตลอดทั้งชีวิต มาเก็บเกี่ยวความสวยงามของทะเลไทยช่วงนี้ไปด้วยกันนะ