‘เซนได’ ชื่อนี้คุ้นๆ หูกันบ้างมั้ยคะนักเรียน ถ้าไม่คุ้นก็อยากให้ลองมากินถั่วแระอร่อยๆ ลิ้นวัวอย่างชั้นดี หรือเนื้อม้าที่ขึ้นชื่อ และเที่ยวในเมืองเซนไดที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่ความร่มรื่นของต้นไม้ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเธอก็จะรู้สึกสบายตา จากที่อาจไม่คุ้นหูกับชื่อเมือง คงเปลี่ยนมาเป็นอยากเที่ยวเซนได้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแน่ๆ ?
ทริปนี้เราขอพาบินตรงลงโตเกียวแล้วนั่งซินคันเซ็นแค่ 2 ชม.นิดๆ ออกไปยังเมืองเซนได ภูมิภาคโทโฮขุซัก 2 วัน แค่นี้ก็เต็มอิ่มกับเซนไดแบบง่ายๆ ให้เธอพร้อมตามรอย เอ้า! อากาศเริ่มหนาวแล้ว หยิบเสื้อกันหนาวตัวเก่ง ทำตัวให้อุ่นแล้วไปเที่ยวเซนไดดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือจะไปนั่งเหงามองหิมะก็หลงรักที่นี่แน่นอน
Fly Smooth As Silk to SENDAI.
เราออกเดินทางกับการบินไทย ตัวจริงเรื่องบินตรงแบบสบายต่างกันสู่ญี่ปุ่น ทั้งฟุกุโอกะ โอซาก้า นาโงย่า ซัปโปโร โตเกียว (นาริตะ / ฮาเนดะ) และเส้นทางใหม่ล่าสุดคือ เซนได เพื่อนๆ สามารถบินตรงกับการบินไทยไปเมืองเหล่านี้ได้ง่ายๆ จะไปกลับคนละเมืองก็สามารถทำได้ เช่นแวะเที่ยวโตเกียวก่อน แล้วไปกลับทางเซนได ก็สามารถทำได้!
และการบินไทยเป็นสายการบินพรีเมี่ยมที่ให้บริการแบบ Full Service ไม่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มก็มีให้เราทานกันตลอดทั้งไฟลท์จากกรุงเทพถึงญี่ปุ่น แต่ถ้าใครอยากนอนยาวๆ เหยียดขาสบายๆ ก็สามารถเลือกซื้อที่นั่งแบบ Preferred Seat ผ่านทาง แอปพลิเคชั่น / Thai Contact Center / เว็บไซต์การบินไทย รวมไปถึงสำนักงานขายบัตรโดยสารการบินไทยทุกที่ หรือถ้าเปลี่ยนใจกะทันหันก็สามารถซื้อที่นั่งแถวหน้าให้เหยียดได้ยาวๆ ที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้ทุกไฟลท์ของการบินไทย ดูเส้นทางและรายละเอียเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiairways.com
ทริปนี้เราอยากเที่ยวทั้งโตเกียวและเซนได เลยเลือกที่จะบินกับการบินไทยมาลงนาริตะไฟลท์เช้าเพื่อต่อชินคันเซ็นเข้าเซนไดในช่วงบ่ายๆ และพักผ่อนที่นั่นก่อนคืนนึง เราชอบเที่ยวแบบไปถึงที่แล้วขอเข้าโรงแรมก่อน 555 เพื่อให้ร่างกายรีเฟรชพร้อมเที่ยวในเช้าวันถัดมา การบินไทยมีไฟลท์บินหลายเวลาให้เลือกทั้งบินดึกถึงเช้า บินเช้าถึงบ่าย และขากลับก็เลือกได้ว่าอยากออกจากญี่ปุ่นช่วงเย็นเพื่อให้เที่ยวได้เต็มวันแล้วมาถึงกรุงเทพค่ำๆ ก็ทำได้
และขอแนะนำ JR EAST PASS บัตรโดยสารรถไฟและรถสาธารณะต่างๆ ที่สะดวกมาก เพราะเธอสามารถนั่งเส้น JR เที่ยวได้ทั่วโตเกียว และรอบๆ รวมถึงนั่งมาภูมิภาคโทโฮขุอย่างเซนไดและอาโอโมริได้ด้วย ความสะดวกของ Pass นี้คือนั่งซินคันเซ็นได้ แถมจองที่นั่งได้ ทำให้สะดวกกับเราในการเดินทางแถมไม่ต้องคอยมาจ่ายค่ารถที่ละเที่ยวเพราะ Pass นี้ซื้อครั้งเดียวก็ใช้ได้หมดเลย คุ้มมาก! เราซื้อ Pass นี้ผ่านทาง KKday ที่มีทั้งกิจกรรมอื่นๆ อีกเพียบให้เธอเลือกทำได้และไม่เฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ KKday ยังรวม Pass ต่างงๆ จากทั่วโลกให้เธอซื้อได้ในราคาที่ประหยัดและคุ้มค่ากว่าใครๆ ซื้อ JR East Pass ได้ทันทีพร้อมรับส่วนลดสุดพิเศษที่ https://www.kkday.com/th/product/6681?cid=9485
Night at SENDAI.
มาถึงเซนไดช่วงกลางคืนก็ลุกรี้ลุกรนเลยแหละแก เพราะว่าที่นี่มีร้านมือสองที่ใหญ่ติดอันดับประเทศชื่อร้าน MANDAI Sendai-Izumi ความเก๋ของคนญี่ปุ่นไม่ใช่การเอาของมือสองมาโยนกองๆ ทิ้งรวมกันแล้วขายนะคะ แต่เค้ามีการทำความสะอาด แบ่งเกรดสินค้าและใส่ตู้ ใส่ไม้แขวนเรียงรายเหมือนของใหม่ไม่มีผิด แต่แตกต่างกันในเรื่องของราคาที่ลดลงไปเกินครึ่ง! เราใช้เวลาอยู่ใน MANDAI เกิน 2 ชั่วโมง เพราะมัวแต่ช๊อปปิ้งและเลือกของที่ถูกใจ มีหมดเลยแก๊ ทั้งเสื้อผ้าเอย ขนม(ของใหม่) แบรนด์เนม และเครื่องเล่นเกมส์ต่างๆ บอกบุญเพิ่มเลยว่าร้านนี้เปิด 24 ชม. แวะมาได้ตลอด
แล้วดูไฟหน้าร้านซะก่อน! ได้อีกหนึ่งรูปอัพไอจีแบบหว่องๆ กันอี๊กกกก จริงๆ MENDAI มีอีกสาขานึงใกล้สนามบินมากชื่อว่า Mandai Sendai-Minami สาขานี้จะใกล้สนามบินมากกว่า และใช้เวลาเดินเท้าแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น สำหรับเราแนะนำว่าไปกันหลายคนก็แท็กซี่เถอะ ซื้อของเยอะ เดินขนไม่ไหวหรอก
All Around SENDAI!
เราเลือกพักกันที่ Sendai Royal Park Hotel นี่คือโรงแรม 5 ดาวที่อยู่นอกเมืองนิดนึงแต่เพียบพร้อมและรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าและ Outlet เราพักที่นี่ด้วยกัน 3 คืน เพราะชอบบรรยากาศใบไม้กำลังเปลี่ยนสีของเมืองเซนได และตัวห้องของโรงแรมก็น่ารักมาก แถมยังเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิเวลาเสด็จมาเยือนภูมิภาคนี้ด้วยนะและความดีงามของห้องพักที่นี่คือมีระเบียงทุกห้องเป็นวิวสวนด้านหลังของโรงแรม ที่สวยทุกฤดูแตกต่างกันออกไป น่ารัก!
และถ้าใครกังวลว่าออกมาอยู่นอกเมืองแบบนี้จะเดินทางสะดวกมั้ย? บอกเลยว่าไม่ต้องคิดมาก เพราะห่างจากตัวเมืองเซนไดแค่ 20 นาทีเหมือนอยู่แถวสาทรแล้วนั่งรถไปสยามนั่นแหละแก ไม่ได้ไกลขนาดนั้น แถมยังมี Shuttle Bus คอยรับส่งจาก Sendai Station ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. เอาเป็นว่า ห้องพักสวย วิวดีและเดินทางไม่ยาก
ส่วนอาหารเช้าของโรงแรมช่วง Autumn นี้บอกเลยว่าประทับใจเพราะมีผักให้ย่างกินเองกันสดๆ พร้อมนั่งชมวิวสวยสวยๆ ฮืออออ เธอลองนึกภาพตามนะว่าอุณหภูมิประมาณ 10 ต้นๆ ผสมกับใบไม้เปลี่ยนสี ผักย่างร้อนๆ เพื่อสุขภาพ มันฟินมาก
สำหรับสายช๊อปต้องถูกใจสิ่งนี้! เพราะโรงแรมนั้นอยู่ติดกับ Sendai-Izumi Premium Outlets ใกล้ชิดที่ว่าอยู่ข้างกันเลยอะ เธอสามารถเดินไปไม่กี่สิบก้าวก็ถึงและช๊อปปิ้งมันส์ๆ กันเพลินๆ ได้เลย แถมถ้าเป็นแขกที่พักกับโรงแรม ทางโรงแรมจะมีคูปองส่วนลดเพิ่มเติมให้ประหยัดได้มากขึ้น! ซื้อกันได้มากขึ้นด้วยนะ! โอ้โห แล้วแบรนด์ก็ไม่ใช่ ไก่กานะจ้ะ แบรนด์ดังๆ ที่เธอนึกออกหรือไม่คิดว่าจะมี ที่นี่ มีทุกอย่างเลย ? และช่วงที่เราไปใบไม้กำลังเปลี่ยนสี สวยมากกกกกกกกกกกกกกกก
Hungry Samurai: Sendai Food & Culture
ตอนบ่ายก็ได้เวลามาเที่ยวในเมืองเซนไดกันต่อ! จริงๆ บอกเลยว่าแพลนของเราสามารถแยกออกได้เป็น 2-3 วัน 555 แต่เราเวลาน้อยและอยาก Experience Sendai มาให้เพื่อนๆ ดูเป็นตัวอย่างให้มากที่สุด เลยพยายามอัดกันให้หมดใน 1 วัน เราซื้อทัวร์กับ Tohoku Local Secret Tour ข้อดีของการซื้อทัวร์แบบนี้คือ
1. มีไกด์คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษเดินคอยอธิบายสถานที่ต่างๆ ให้เราตลอดระยะเวลาในทัวร์ ให้เราได้ความรู้
2. ไม่หลงทางแน่ๆ ถ้ามีเวลาจำกัด แถมทัวร์นี้เป็น Joined Tour เพราะฉะนั้นเธอก็อาจจะเจอชาวต่างชาติคนอื่นๆ ที่ซื้อทัวร์นี้มาเหมือนกัน แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะมันเป็นกรุ๊ปเล็กๆ ที่เดินกันเหมือนไปกับเพื่อน ชิวๆ
3. ราคาไม่แพง รวมค่าเดินทางทุกอย่างและค่าเข้าสถานที่ต่างๆ รวมถึงอาหารท้องถิ่น 6 อย่างให้เราชิมตลอด 6 ชั่วโมง
ค่าทัวร์นี้ตกอยู่ที่คนละ 10,000 เยนเท่านั้น หรือคนละ 2,7xx บาทไทย ราคานี้ถือว่าโอเค ซื้อเวลาที่จะไม่หลง แถมมีไกด์ชาวญี่ปุ่นน่ารักๆ คอยอธิบายให้เราด้วย อิอิ เพื่อนๆ สามารถซื้อทัวร์เหล่านี้ออนไลน์ได้เลยที่ https://www.tohoku-local-secret-tours.jp/
เริ่มเมากันแต่หัววันที่ร้าน Fujiwara ใกล้ๆ กับ Sendai Station ร้านนี้คือร้านสาเกหนึ่งร้อยเยน 5555 เธอสามารถเลือกได้เลยว่าอยากลองสาเกแบบไหน ทั้งแบบนุ่มละมุนลิ้น ร้อนผ่าวซาบซ่านไปทั้งตัว 5555
จากนั้นเราก็ไปเดินเล่น Sendai Morning Market หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Sendai Asaichi ที่นี่ชื่อตลาดเช้าก็จริง แต่มันเปิดทั้งวัน อยู่ใกล้ๆ กับ Sendai Station เหมือนกัน ถ้าหิวผลไม้ญี่ปุ่นสดๆ ก็แวะมาหาซื้อได้ที่นี่ หรือถ้าอยากกินของทอดอร่อยๆ อย่าง cream-croquette ในตลาดนี้ก็มีร้านนึงดังมากเลย ถ้ามาวันหยุดคนจะต่อแถวยาวรอซื้อกันทั้งวัน! เราจำชื่อร้านไม่ได้จริงๆ แต่ถ่ายหน้าร้านมาให้ดูแล้วนะ ร้านเล็กๆ แบบนี้รสชาติไม่ธรรมดานะฮ้า
เดินต่อไปอีกนิด เธอจะเจอร้าน Taikichi ร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ มองเผินๆ อาจจะดูไม่มีอะไร แต่ที่นี่ขายขนม Taiyaki เค้กรูปปลาที่ไส้อร่อยๆ ขนมยอดนิยมของญี่ปุ่น แต่ความพีคของร้านนี้คือมีไส้ที่อาจจะหากินจากที่อื่นได้ยากหน่อย เช่น Zunda Mochi ไส้โมจิถั่วแระญี่ปุ่นของดังของที่นี่ หรือ แกงกระหรี่ลิ้นวัว ที่เป็นของดังอีกเหมือนกัน! แต่เสียใจด้วยที่ไม่ได้ลองมาให้ เพราะพวกเราชอบกินไส้ครีมนุ่มๆ หอมๆ มากกว่า บอกเลยว่าดีงาม ไส้ไม่หวานจนเกินไป ชิ้นละแค่ 150เยน
เราเดินเข้าไปในย่านช๊อปปิ้งที่ชื่อว่า CLIS ROAD ดูเผินๆ มันอาจจะเหมือนถนนช๊อปปิ้งธรรมดาทั่วไปถูกมะ แต่.. จริงๆ แล้วเนี่ยในย่านช๊อปปิ้งแบบนี้มีศาลเจ้าแห่งนึงซ่อนอยู่ชื่อว่า Mitaki Fudoson ที่นี่คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าถ้าอยากค้าขายดี ขายอะไรก็หมดเป็นเทน้ำเทท่าต้องมาไหว้ที่นี่แหละ เพราะมี Sendai Shiro อาศัยอยู่ Sendai Shiro คือคนที่มีชีวิตอยู่จริงๆ ในช่วยปลายสมัยเอโดะต้นสมัยเมจิ มีตำนานมากมายเกี่ยวกับ Sendai Shiro เช่น แม้ว่าเค้าจะตาบอดแต่ถ้าเค้าไปร้านไหนหรือไปที่ไหน ที่นั่นก็จะเจริญรุ่งเรืองมากๆ เพราะฉะนั้นถ้าไปตามร้านต่างๆ ในเซนได จะเห็น Sendai Shiro นั่งเหมือนแม่นางกวักในไทย แตกต่างกันตรงที่ Sendai Shiro ไม่กินน้ำแดง
ร้านต่อมาเราชอบมาก! ชื่อว่าร้าน Abehei Kamaboko ที่นี่เธอสามารถนั่งล้อมวงกับเพื่อนปิ้ง Fish Cake แสนอร่อยหรือที่เรียกว่า Sasa-Kama Fish Cake เสียบไม้ไผ้ให้เรานั่งปิ้งกินกันเอง รสชาติเหมือนลูกชิ้นปลาเนื้อแน่นๆ แต่อร่อย ไม่เค็มหรือหวานจนเกินไป คล้ายๆ ทาโร่ชิ้นใหญ่ แต่มันสนุกตรงที่ได้ปิ้งเล่นกันเองนี่แหละ 555
Follow the footsteps of Date Masamune
หลังจากกินอิ่มๆ กันเสร็จแล้ว สายมูอย่างเราก็ต้องไหว้พระไหว้เจ้าบ้าง เรานั่ง Loople Sendai เที่ยวเซนได กันต่อ Loople นี้จะคล้ายๆ กับรถ Hop In Hop Off ในประเทศอื่นๆ นั่นแหละ แต่ที่เซนไดจะเป็นรถดีไซน์พิเศษน่ารักๆ วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ทุกวันตั้งแต่ 09.00-16.00 ความถี่ทุกๆ 20 นาทีในวันธรรมดาและ 15 นาทีในวันหยุด ราคาก็งดงามเพียงแค่คนละ 630 เยนเท่านั้นเองนะ
Date Masamune มาเที่ยวเซนไดแล้วไม่รู้จักชื่อนี้ไม่ได้นะคะ! เจ้าของฉายามังกรตาเดียว อดีตผู้ปกครองเมืองและเป็นผู้รวบรวมภูมิภาค Tohoku ให้เป็นหนึ่ง ด้วยนิสัยที่เหี้ยม ใจกล้าและกล้าได้กล้าเสียของเค้า ทำให้ได้รับการยกย่องและเคารพนับถือจากคนในภูมิภาคนี้ ท่านเป็นซามูไรที่เด็ดเดี่ยวแม้มีตาข้างเดียวเพราะสูญเสียตาข้างนึงไปเพราะไข้ทรพิษตั้งแต่ยังเด็ก เราตามรอยท่าน Date Masamune ไปที่ Zuihoden ที่นี่สวยมากๆ เป็นทั้งศาลเจ้าและเป็นสุสานของ Date Masamune รวมถึงคนในครอบครัวของท่านรุ่นถัดๆ มา ด้านในสวยมาก แต่ทางขึ้นนั้นก็ชันใช้ได้เพราะอยู่บนเนินเขา เดินเหนื่อยหน่อยแต่ได้รูปสวยแน่นอนเด้อ มาถึงแล้วก็อย่าลืมไปไหวและขอพรจากท่านกันด้วยนะ
เรานั่ง Loople Sendai ไปต่อที่ Sendai Aoba Castle ปราสาทที่ได้ชื่อว่าแพงที่สุดในญี่ปุ่นแต่ตอนนี้เหลือเพียงซากปราสาทเนื่องจากถูกไฟไหม้ ที่นี่ยังมีรูปปั้นของ Date Masamune ด้วย แถมจากจุดยุทธศาสตร์ที่เอาไว้ดูข้าศึกบ้านเมือง กลายมาเป็นจุดชมวิวเซนไดที่สวยที่สุดมุมหนึ่ง เอ้อ.. อย่าลืมลองไปชิมของดังเซนไดอย่าง Zunda Mochi กันด้วยมีหลายร้านให้เลือกอยู่ตรงจุดที่ขายของฝากกัน เพื่อนเราบางคนบอกว่าไม่อร่อย ขนลุก แต่เราว่าอร่อยดี โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่เป็นถั่วแระปั่น กลมกล่อมละมุนๆ
จุดสุดท้ายที่เราแวะไปในพาร์ทกลางวันที่ Sendai คือ Osaki Hachimangu Shrine ศาลเจ้าที่ Date Masamune สร้างขึ้นมาบูชาเทพเจ้าแห่งสงคราม และให้เป็นวันประจำตัวและประจำตระกูลของท่านเลยด้วย ที่นี่ก็เลยจะมีคนมาไหว้ขอพรเพื่อให้ช่วยคุ้มครองและดูแลรักษาอยู่ตลอดทั้งวัน ภายในวัดก็ร่มรื่นมาก แต่ถ้าดึกกว่านี้จะกลายเป็นหลอนแทนละแหละ
มาต่อกันที่พาร์ทกลางคืนของ Sendai ที่อยากแนะนำ! เพราะเมืองเล็กๆ นี้มีอะไรให้เราทำกันอีกเยอะ สำหรับใครที่อยากชุ่มคอตอนกลางคืน หรือร้านสัมผัสแสงสีของเมืองเซนได เราแนะนำให้ไปเดินที่ถนน Iroha Yokocho ย่านนี้จะมีร้านต่างๆ เปิดเรียงรายในช่วงเย็น เราเลือกไม่ถูกว่าจะกินร้านไหนดี เลยเลือกทัวร์ของ Tohoku Local Secret Tour ในการพาเราเดินซัก 3 ร้านแวะกินของอร่อยในแต่ละร้านที่แตกต่างกัน เพื่อให้พวกเธอตามรอยได้ หรือถ้าอยากมีไกด์คอยช่วยเหลือก็ซื้อทัวร์มาก็ได้ในราคา 10,000 เยน ราคานี้รวมอาหารและเบียร์หรือสาเกแล้วทั้งหมด 3 ร้าน คุ้มมากจ้ะแม่!
ร้านแรกชื่อว่าร้าน Yaki- Tori Ishi-Kawa ที่นี่จะดังเรื่อง Izakaya ปิ้งย่างหลากสไตล์เที่ยวเหนื่อยๆ เดินมาทั้งหมด ได้ปิ้งย่างซักไม้กับเบียร์เลิศๆ นี่ก็ยิ้มออกละนะ 555
ร้านต่อมาก็มากินพวกซาซิมิกันซะหน่อย ชื่อร้านว่า Nidaime ตอนเราไปพอเจ้าของร้านและคนในร้านรู้ว่าเป็นคนไทยก็หันมายิ้มและทักทายกันใหญ่เลย ดีใจอะ พวกนางรักคนไทย ร้านนี้แนะนำเลยค่ะว่าต้องทานเนื้อม้า ของดีมากๆ อร่อยที่สุด เราไม่เคยทานมาก่อนยังรู้สึกว่าชอบเลย แถมไม่มีกลิ่นด้วยนะ
ส่วนร้านสุดท้ายก็เอาใจสายแบ๊วหวานๆ กันซักหน่อย ชื่อร้าน Nanbu Iroha นั่งจิบสาเกรสเบาๆ กับโอเด้งแสนอร่อยในหม้อ ต้มไปคุยไปกันเพลินๆ หรือจะสั่งไก่ทอดมาให้อยู่ท้องก็ดีงามมีความสุขกับอากาศและบทสนทนายามเย็นอะเนอะ
แต่ถ้าใครไม่ถนัดสายนั่งชิวจิบเบียร์แบบนี้ เราแนะนำเลยนะ ให้พักที่ Sendai Royal Park Hotel ที่เราไปพัก เพราะเค้ามี Dinner แบบ Glamping ในเต็นท์เก๋ๆ ด้วยนะฮ้า แถมหน้าหนาวก็เปลี่ยนเป็นแบบนั่งเอาขาสอดเข้าไปในผ้าห่มไฟฟ้า เป็นโมเม้นท์น่ารักๆ ที่เธอและเพื่อนๆ จะต้องชอบและรักเซนไดขึ้นอีกเยอะเลยหละ แถมราคาไม่แพงด้วยนะ ที่สำคัญมี Free Flow 2 ชม.ด้วยนะฮ้า เปรมปรีดาเลยทีนี้ 5555 จะบอกว่าสเต็กเนื้อและหอยเชลล์คือดีมาก!
สำหรับเรา Sendai เป็นอีกเมืองเล็กๆ ที่เธอควรมาใช้เวลากับมันสั้นๆ ก็ยังเที่ยวได้ค่อนข้างเยอะ เป็นอีกเมืองที่เธอจะต้องเพิ่มเติมเข้าไปใน Wishlist การเที่ยวญี่ปุ่นของเธอ แถมเดี๋ยวนี้เดินทางได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกับการบินไทย เพราะมีเที่ยวบินตรงสู่เซนไดแล้ว อย่าลืม! ออกเดินทางหาประสบการณ์ให้กับตัวเองตลอดเวลานะ แล้วมาเล่าเรื่องเซนไดของเธอให้เราฟังด้วยหละ ?
ก่อนกลับกรุงเทพเราเหลือเวลาว่างวันนึงในโตเกียวเลยเลือกไปดูวิวมุมสูงจาก Tokyo Skytree และ teamLab Planets TOKYO แน่นอนว่าถ้าไม่อยากต่อคิวนานๆ หรือหลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบไปถึงแล้วบัตรสำหรับวันนี้หมดแล้ว! แนะนำให้ซื้อผ่าน KKday แบบเราไปก่อน ราคาถูกกว่า ได้บัตรแน่นอนแถมไม่ต้องต่อคิวนานด้วยเน้อ
พิเศษ! ซื้อบัตรไปชมวิวโตเกียวมุมสูงจาก Tokyo Skytree ได้ทาง https://www.kkday.com/th/product/10759?cid=9485 ซื้อบัตรไปดูความอลังการของ teamLab Planets TOKYO พร้อมส่วนลดพิเศษและไม่ต้องรอคิวนานได้ทาง https://www.kkday.com/th/product/22396?cid=9485