เพราะหลายๆ จุดหมายปลายทางในโลกนี้ไม่สามารถบินตรงจากกรุงเทพหรือในประเทศไทยได้ การเดินทางแบบแวะพักจึงสำคัญมากขึ้น จากหลายตัวเลือกที่มีนั้นเธอต้องเลือกแวะพักแบบมีสไตล์และคุ้มค่ากับการเดินทางของเธอให้มากที่สุด Singapore เลยกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ใกล้บ้านและคนไทยก็คุ้นเคยมากที่สุด แถมความดีงามของสนามบินที่ดีที่สุดในโลก กิจกรรมและอีเว้นท์ที่มีต่อเนื่องตลอดทั้งปี ที่ไม่เคยทำให้รู้สึกเหมือนกลับมาเที่ยวซ้ำๆ ในที่เดิม สิงคโปร์ยังคงใหม่สำหรับเราเสมอเมื่อกลับมาทุกๆ ครั้ง ?
Fly with The World’s Best Airline to Singapore
เรามาลองบินกับ Singapore Airlines เพื่อหา Experience การแวะพักต่อเครื่องที่สิงคโปร์ว่ามันดีงามยังไง มีกิจกรรมให้ทำเยอะและคุ้มค่าแค่ไหนก่อนเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในเครือข่ายของ Singapore Airlines ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาเหนือ ยุโรป รวมไปถึงแอฟริกาใต้ที่เธอสามารถบินตรงจากสิงคโปร์ไปได้แบบสะดวกที่สุด
แต่หากใครมีเวลาสั้นๆ ระหว่างการต่อเครื่องที่สนามบินชางงีอย่าลืมไปแลกรับบัตรกำนัลมูลค่า 20 ดอลล่าร์สิงคโปร์ หากรอต่อเครื่องเกิน 5 ชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง สามารถร่วมทัวร์สิงคโปร์ฟรีได้ โดยมี Jewel tour และอีกหลายโปรแกรมให้เลือก หรือถ้าอยากพักค้างคืนเที่ยวสิงคโปร์เองอย่างจุใจแบบเราก็ได้นะ
และนี่คือแพลนทริปคร่าวๆ เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้เธอตามรอยว่า.. เมื่อตัดสินใจมาแวะพักที่สิงคโปร์กับ Singapore Airlines ซัก 3 วันนั้นจะคุ้มค่าและสะดวกสบายแค่ไหน
เราออกเดินทางกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ซึ่งมีไฟลท์บินจากสุวรรณภูมิตั้งแต่เช้ายันค่ำ เธอเลือกเอาเลยค่ะว่าอยากจะไปแซ่บตั้งแต่เช้า หรือออกสายหรือค่ำให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทริปนี้เราเดินทางด้วยชั้น Business Class บนเครื่องบินโบอิ้ง 787-10 กับสายการบินที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 ซึ่งจัดอันดับโดย TripAdvisor ที่นั่งบนเครื่องบินลำนี้จัดที่นั่งแบบ Regional Business Class หมายความว่าเอาไว้สำหรับเที่ยวบินที่ไม่เกิน 8 ชั่วโมง โดยที่นั่งมีความกว้างถึง 26 นิ้ว เบาะสามารถปรับเอนเป็นเตียงนอนราบได้ ฉากกั้นระหว่างที่นั่งตรงกลางก็สามารถปรับระดับเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ ส่วนอาหารและการบริการบนเครื่องนั้น บอกได้คำเดียวว่า Perfect!
นี่ยังไม่รวม SilverKris Lounge Bangkok ที่ใครๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นห้องรับรองที่อาหารการกินสมบูรณ์และดีที่สุดในสนามบินสุวรรณภูมิเลยนะคะ เพราะอาหารหลากหลายมาก รวมไปถึง Bar ที่เสิร์ฟทั้ง Mocktails และ Cocktails ให้เธอจิบเบาๆ แก้กระหายก่อนออกเดินทาง
เมื่อมาถึง Singapore เรียบร้อยแล้วเราก็มารับ Singapore Explorer Pass บัตรนี้คือ one time access ที่สามารถเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้มากกว่า 20 แห่ง รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมายเช่น แลกอาหารได้ฟรี โดยราคาบัตรสำหรับ 1 วัน (นับแบบ 24 ชั่วโมง) จะเริ่มต้นที่ 1,790 บาทต่อคน และสามารถซื้อบัตรได้จากตัวแทนจำหน่ายของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ได้ที่เบอร์ 02-652-2000 หรือ 02-308-2104 หรือ 02-123-5050 เดี๋ยวเราจะลองใช้ให้ดูว่ามันครอบคลุมและคุ้มกว่ายังไงบ้าง ? เอ้อออ! ลืมบอกว่าบัตรนี้จะต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวและเงื่อนไขการใช้งานต่างๆ ได้ที่ https://www.singaporeair.com/en_UK/th/plan-travel/packages/explore-singapore/
มาถึงสิงคโปร์ถ้าไม่แวะ The Jewel ก็เหมือนไปเที่ยวกรุงเทพแล้วลืมแวะพารากอนนะคะ! เพราะ The Jewel คือห้างสรรพสินค้า คือศูนย์รวมความบันเทิงและการพักผ่อนระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องที่ยกระดับให้ Changi นั้นเหนือกว่าสนามบินใดในโลกไปอีกสเต็ป Jewel Changi Airport มีทุกอย่างที่คนมารอเปลี่ยนเครื่องจะไม่เบื่อ ทั้งร้านอาหารอร่อยๆ หรือ Paid Lounge ที่หากเธออยากอาบน้ำก่อนออกไปเที่ยวในเมืองต่อ หรืออยากนั่งพักผ่อนและทานอะไรรองท้องที่นี่ก็มี Lounge ที่สามารถเข้าไปใช้ได้ หรือถ้ามี Priority Pass ก็สามารถใช้ได้ฟรีๆ
ไฮไลท์ของ Jewel Changi Airport คือน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลกอย่าง HSBC Rain Vortex เพราะสูงถึง 40 เมตร ให้เธอครีเอทมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ได้ทั้งวัน เอ้ออ ถ้าอยู่ถึงตอนกลางคืนช่วง 1 ทุ่มครึ่งเป็นต้นไปจะมี Light and Sound ให้ดูด้วยนะ บอกเลยว่าดี ปกติเราจะคาดหวังกับโชว์ฟรีไว้ประมาณ 5/10 แต่ที่นี่เราให้ 9/10 เลย ไม่เยิ่นเย้อน่าเบื่อ เพลงเพราะ ภาพสวย ดีมาก!!! อยากแนะนำให้เธอรอจังหวะที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านนะ เหมือนอยู่ในโลกอนาคตเลยหล่ะ
ความดีงามของห้างนี้คือมันเหมาะสำหรับทุกๆ คน เพราะมีกิจกรรมและมุมต่างๆ ให้เราเล่นได้เยอะ ยกตัวอย่างเช่น Canopy Bridge ทางเดินพื้นกระจกใสให้หวาดเสียวเล่นๆ / Manulife Sky net ทางเดินบนตาข่ายที่ด้านล่างเป็นพื้นโล่งให้เห็นความสูง เหมือนเราเดินท่ามกลางธรรมชาติบนใยแมงมุม และ Discovery Slides ซึ่งตัวสไลด์ถูกออกแบบโดยบริษัทจากเนเธอร์แลนด์ที่สามารถเล่นได้สนุกจริงๆ ด้วยการสไลด์ลงไปด้านล่างให้พอหวาดเสียวเล่นๆ โดยเด็กหรือผู้ใหญ่หัวใจเด็กก็สามารถเล่นด้วยกันได้ทั้งหมดเลยนะ
รวมไปถึง Changi Experience Studio ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่บอกเล่าเรื่องราวการสร้างสนามบินตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน แถมยังมีพวก Interactive games ให้เธอเล่นหลายรูปแบบเลย
เราใช้เวลาใน Jewel Changi Airport ตั้งแต่สายๆ ยันค่ำยังรู้สึกว่าน้อยเกินไปเลยด้วยซ้ำเพราะว่าที่นี่มีอะไรให้เธอทำมากกว่าแค่เดินช๊อปปิ้งสวยๆ แต่มันมีชีวิต! เราเอ็นจอยมากนะ ลองหลับตาแล้วนึกภาพตามละกันว่าเธอมาเปลี่ยนเครื่องที่นี่ซัก 6 ชั่วโมง แต่ 6 ชั่วโมงของเธอนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะมี Jewel Changi Airport ที่เอาความสนุก มันส์ และเปลี่ยนเวลาการรอเครื่องที่น่าเบื่อให้หมุนเร็วกว่าเดิม ?
More fun in Sentosa!
เช้าวันที่ 2 ใน Singapore เราเริ่มใช้บัตร Singapore Explorer Pass อย่างที่บอกว่ามันสามารถใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า 20 แห่งภายในเวลา 24 ชม. เธออาจต้องวางแผนดีๆ เพื่อให้ใช้ได้คุ้มที่สุดภายในระยะเวลาที่จำกัด เราเริ่มตอนเช้าที่ Sentosa– Island of Adventure บัตรใบนี้สามารถเลือกเล่นกิจกรรมได้หลากหลายมากๆ รอบนี้เรามาลอง Skyline Luge Sentosa (2 Ride Combo) สามารถเล่นได้ 2 รอบ คือเราต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปด้านบนเขา เพื่อนั่ง Skyluge เป็นเหมือนรถคันเล็กๆ ให้เราไหลลงมาตามทาง น่าเสียดายที่เราถ่ายรูปไว้ไม่ได้เพื่อความปลอดภัย แต่บอกเลยว่าดีมาก มันส์มากนะ
หลังจากนั้นเธอสามารถไปเข้า Trick Eye Museum และ S.E.A. Aquarium™ โดยใช้บัตร Singapore Explorer Pass ใบเดียวบอกเลยจ้ะว่าคุ้มมาก เพราะค่าเข้าแต่ละที่ก็ไม่ถูกนะจ๊ะ
ช่วงบ่ายหลังทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เธออาจจะแวะเดินมาหลบร้อนและดูงานอาร์ตเท่ๆ โดยใช้ Singapore Explorer Pass เข้า National Gallery Singapore ช่วงนี้มีงานศิลปะที่ Collab กับ TeamLabs อยู่ด้วยนะ น่ารักมาก อ้อ! ความดีงามของมันคือมีคาเฟ่ให้เธอนั่งชิว จิบกาแฟ ทานกับเบเกอรี่อร่อยๆ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนออกไปเที่ยวกัน
Gardens by the Bay คือ Landmark ที่ต่อไปของเราที่สามารถใช้ Singapore Explorer Pass เรามาที่นี่ทุกครั้งเวลามาเที่ยวสิงคโปร์ เพราะชอบ และไม่เบื่อเลย พอเดินเข้าไปมันได้ฟีลอยู่ในป่าอะ ชอบกลิ่นแดดชื้นๆ ไอน้ำ และดอกไม้หอมๆ ที่นี่คือปอดและสวนพฤษศาสตร์ของคนสิงคโปร์ เราแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 1.30 ชม. เพื่อเดินดูทั้ง โดมดอกไม้ (Flower Dome) พื้นที่จัดแสดงสวนดอกไม้ที่จำลองบรรยากาศของดอกไม้จากทั่วโลก และ โดมป่าเมฆ (Cloud Forest) จำลองป่าฝนและน้ำตกขนาดใหญ่พอๆ กับ The Jewel เข้ามาแล้วก็สดชื่นมากจ้า
ส่วนช่วงเย็นเราเลือกสถานที่ Sunset แบบใหม่! ใหม่สำหรับเราตั้งแต่เคยมา Floating Doughnut* คือเรือล่องในแม่น้ำของสิงคโปร์เพื่อดูพระอาทิตย์ตกดินพร้อมจิบ Singapore Sling เก๋ๆ ดูวิว Marina Bay Sand และย่าน CBD ของสิงคโปร์ พร้อมกับคุณ Merlion ที่อยู่ไกลๆ เรือจะแล่นเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ประมาณ 45 นาที เป็นอีกโมเม้นท์ที่คนชอบเที่ยวสิงคโปร์ควรมาลอง
สำหรับ Dinner มาถึงสิงคโปร์เราก็ต้องลอง ปูผัดผงกระหรี่กินกับหมั่นโถว ทำไมกินที่ไทยมันไม่อร่อยแบบนี้! เราทานกันที่ร้าน Jing Restaurant* ในย่านริมน้ำใกล้ๆ กับ Merlion เลย ราคาก็ประมาณนึง ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับรสชาติ ความอร่อย และบรรยากาศให้ 8/10 เลยจ้า
ก่อนหมดวันเตรียมพลังเฮือกสุดท้ายและใช้บัตรเบ่งอย่าง Singapore Explorer Pass อีกรอบเพื่อขึ้นไปดูวิวที่ Singapore Flyer เพื่อดูวิวรอบเกาะสิงคโปร์ที่เจริญขึ้นทุกวี่ทุกวัน ชิงช้าจะค่อยๆ หมุนช้าๆ เพื่อให้เธอเต็มอิ่มกับวิวด้านหลังที่กว้างขวาง เปิดไฟสวยงาม เป็นอีกโมเม้นท์ดีๆ ก่อนกลับไปนอนให้เต็มอิ่มพร้อมเดินทางต่อ ?
แอบบอก! รวมค่าเข้าสถานที่เที่ยววันนี้ถ้าซื้อแยกไม่ใช้บัตร Singapore Explorer Pass ก็ปาเข้าไป 3,000 กว่าบาทละจร้า บัตรนี้คุ้มสุดไปเลย
1St Time with Vespa Tour
เช้าวันสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพ (หรือเพื่อนๆ ที่ตามรอยเราอาจจะต้องบินไปเที่ยวที่อื่นต่อ) เราไปลองสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำเลยใน Singapore คือ Vespa Sidecar Tour* นี่เป็นทัวร์ Vespa Sidecar แรกของโลกเลยนะคะ ที่เธอสามารถลองได้ในสิงคโปร์ เป็นครั้งแรกของเราเหมือนกันบอกเลยว่าสนุกมาก ทัวร์จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงขับไปตามแลนด์มาร์กต่างๆ ของสิงคโปร์ ผ่านจุดสำคัญๆ มุมใหม่ๆ ที่จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อมานั่ง Vespa แบบนี้เท่านั้น Vespa จะจอดเป็นจุดๆ ให้เราได้ถ่ายรูป รวมถึงใน Haji Lane ด้วยนะ เก๋มาก Priority มากค่ะ ขับรถเข้าไปจอดเหมือนเป็นดาราที่ใครๆ ก็รุมถ่ายรูป ทัวร์นี้สามารถ Design เส้นทางที่เราอยากเดินทางได้ด้วยนะ สามารถดูได้ที่ https://www.sideways.sg/
จากนั้นเราก็ไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน Lokkee ร้านนี้จะทำให้เธอลืมอาหารจีนทุกๆ ร้านที่เคยทานมา เพราะดีไซน์เก๋ น่าทาน เหมือนทานในร้าน Fine Dining เก๋ๆ ตามเมืองใหญ่อย่างลอนดอนและนิวยอร์ก เราแนะนำให้สั่ง Flaming Pineapple Beef สัปปะรดเผาทั้งลูกที่ด้านในคือเนื้อตุ๋นกับซอสเกรวี่อร่อยๆ และ Firecracker Chicken Nest ที่มีกิมมิคเก๋ๆ คือไข่แดงที่ทำมาจาก มะม่วง หวาน หอมอร่อย โอ้ย เลิศทุกเมนูเลยเน้อ ร้านนี้อยู่ในห้าง Plaza Singapura ราคาดีไม่แพง แถมอร่อยสมคำร่ำลือเด้อ
ก่อนกลับกรุงเทพถ้ายังมีเวลาเหลืออาจจะไปคาเฟ่นั่งทานเค้กอร่อยๆ และกาแฟฉ่ำๆซักแก้วก่อนกลับกรุงเทพหรือเดินทางไปเที่ยวที่อื่นต่อแค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว ?
ถ้าจะเปรียบสิงคโปร์เป็นเพื่อนซักคนนึง ที่นี่คือเพื่อนที่เรารู้จักกันไม่นานก็สนิทได้ง่าย เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกันมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่มาเจอกันที่ไหนก็มีเรื่องราวสนุกๆ ให้เราคุยกันและรู้จักกันมากขึ้นทุกครั้ง สิงคโปร์ก็เหมือนกันไม่ว่าจะมาเที่ยวที่นี่บ่อยแค่ไหน หรือจะมาแวะเปลี่ยนเครื่องเพื่อไปเที่ยวที่อื่นต่อกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ที่นี่ก็ยังเหมือนเดิม คือมอบความสนุกและความทรงจำดีๆ ให้เราทุกครั้ง
อ้อ! สำหรับใครที่บิน Singapore Airlines แล้วเดินทางมาสิงคโปร์สามารถแลกรับอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ WiFi แบบพกพาสำหรับ 3 วัน 2 คืนจำนวน 2GB ฟรี จนถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ได้ด้วยนะ
* Floating Doughnut, Vespa Sidecar Tour และร้านอาหารต่างๆ ที่กล่าวมา ไม่รวมอยู่ใน Singapore Explorer Pass นะจ๊ะ