ปลายปีจะไปเที่ยวส่วนไหนของโลกมันก็แฮปปี้กันทั้งนั้นแหละค่ะ เพราะวันหยุดเยอะ เทศกาลน่ารักจนเค้าเรียกกันทั่วบ้านทั่วเมืองแบบพร้อมเพรียงกันว่าเทศกาลแห่งความสุข เดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็ฮัมเพลง ดีดนิ้ว โยกหัวซ้ายทีขวาทีกันทั้งโลก ทริปนี้เราขอแนะนำอะไรง่ายๆ สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ควรจะไปเที่ยวที่ไหนดี และช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนี้ควรจะทำชีวิตเธอให้วีไอพีขึ้นได้ยังไงบ้าง? ทริปนี้เราขอแนะนำเช็คลิสต์ใน Nagoya, Japan ที่นี่เที่ยวง่าย งบพอดีๆ ไม่ลำบากลำบน แถมยังได้ไหว้ศาลเจ้าชื่อดังของญี่ปุ่น เป็นการบอกลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ดีงาม และเก๋กว่าเดิม
Everyone Can Fly Xtra Long.
ทริปนี้เราเดินทางกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ สายการบินล่าสุดของไทยที่เปิดบินตรงจากกรุงเทพ สู่ นาโกย่า ทุกๆ เที่ยวบินของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ บินด้วยเครื่องใหญ่อย่าง A330 ทำให้มีที่นั่งเพียงพอสำหรับทุกคนในราคาประหยัด และความวีไอพีที่บอกเป็นความวีไอพีที่ใครๆ ก็มีได้ แค่มี บัตรเครดิตแอร์เอเชีย แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด ธนาคารกรุงเทพ ข้อดีของบัตรใบนี้คือ สมัครฟรี! ไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ แถมความฟรีนี้ยังมีสิทธิพิเศษตามหลังต้อยๆ อีกมากมายเลยทั้ง Priority Check-in และ Express Bag Tag สำหรับกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้ท้องเครื่อง ไม่ต้องต่อคิวเช็คอินนานๆ แล้ว แค่มีบัตรใบนี้ใบเดียวเท่านั้น แถมยังได้รับกระเป๋าก่อนใครเพื่อนด้วย นี่ยังไม่รวมสิทธิพิเศษเลือกที่นั่ง Hot Seat ฟรี 4 ที่นั่งต่อปี และโหลดกระเป๋าใต้ท้องเครื่องฟรีอีก 4 เที่ยวบินต่อปีด้วยเช่นกัน แถมยังได้เป็นสมาชิกระดับ Platinum ของโปรแกรมสะสมคะแนน AirAsia BIG Loyalty ได้ฟรี
มาค่ะ! ขายของกันพอหอมปากหอมค่ะเรามาแนะนำที่เที่ยวแบบง่ายๆ กันบ้างดีกว่า รอบนี้ขอไม่ลงรายละเอียดเยอะ เน้นดูรูปสวยๆ ให้มี Vibes ของการเดินทางช่วงสิ้นปีที่น่าจดจำกันไว้ จะได้เป็นแรงบันดาลใจที่ดีในการทำงานปีต่อไปได้ชิลๆ Autumn Checklist in NAGOYA
NABANA NO SATO
ไฟลท์ที่เราเดินทางมานั้นออกเดินทางช่วงเช้าตรู่มาถึงนาโกย่าช่วงบ่ายๆ หลายคนอาจจะไม่ชอบไฟลท์แบบนี้แต่เราชอบมาก เพราะถึงแล้วสามารถเข้าโรงแรมและพักผ่อนเลยทันทีก็ได้ หรือเที่ยวชิลๆ แล้วค่อยเริ่มเป็นจัดเต็มในวันรุ่งขึ้น ทริปนี้เราออกเดินทางจากนาโกย่ามาที่ NABANA NO SATO ทันที ใช้เวลาแค่ประมาณ 45 นาทีเท่านั้นก็ถึงแล้ว!
ช่วงที่เราเดินทางนั้นคือต้นเดือนพฤศจิกายน 18 อากาศกำลังเริ่มจะดี ใบไม้กำลังเริ่มเปลี่ยนสีอย่างสวยงาม ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ที่จัดแสดงไว้อย่างสวยงามและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล คนญี่ปุ่นดูเอ็นจอยมากๆ กับดอกไม้หลากสีในช่วงนี้ เดินดูกันเยอะแยะและถ่ายรูปกันจัดเต็มมากกกกก ที่นี่มีส่วนจัดแสดงทั้งส่วนกลางแจ้ง และปลูกในโดมแบบมีสีสันสดใส
ปลายปีบรรยากาศดีๆ แบบนี้อะไรก็ดูเข้าท่าไปหมด ช่วงสิ้นปีแบบนี้ประมาณต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไปจนถึงพฤษภาคม ยังมี Winter Illumination การจัดแสดงไฟที่แสนโรแมนติก มีอุโมงค์ไฟนับล้านๆ ดวงยอดฮิตให้เราเดินลอดผ่านไปพร้อมถ่ายรูปเก๋ๆ ที่นี่ยังมีธีมการจัดแสดงไฟที่แตกต่างกันออกไปทุกๆ ปี อย่างปีนี้ธีมหลักของเค้าเป็นภูเขาไฟฟูจิ เราชอบบรรยากาศของคนญี่ปุ่นที่มานั่งดูไฟกันมาก ซาบซึ้งและประทับใจกันเป็นแถวๆ
World’s Heritage ‘Shirakawago’
หมู่บ้านเล็กๆ เจ้าของรางวัลมรดกโลกในจังหวัด Gifu ที่นี่ถูกออกแบบในสไตล์กัสโซ-สึคุริ เป็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นเลย ด้วยวิธีการมุงหลังคาด้วยฟางข้าวแบบมัดรวมกันเข้าไว้แน่นๆ โดยไม่ใช้ตะปูตอกลงไปแม้แต่ดอกเดียว! เราสามารถเดินลงไปเที่ยวในหมู่บ้านได้ เพราะบางหลังได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เราเข้าไปชมวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่ยังเหลืออยู่บ้างหรือบางหลังก็เปิดขายของและอาหารอร่อยๆ แบบต้นตำรับของชุมชนนี้
หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านกลางหุบเขาทำให้เราได้เห็นใบไม้หลากสีช่วงที่เดินทางไป ความสวยงามของบรรยากาศรอบๆ ทำให้ทีนี่น่ารักมากขึ้นอีกเป็นกอง ถ้ามาตอนเย็นๆ ช่วงหิมะตกหนักกับผู้ชายดีๆ ซักคนคงจะฟินหน้าดู ชั้นจะแกล้งหนาวให้ได้!!!
ใกล้ๆ กันนั้นมีร้านอาหารร้านนึงชื่อว่า Matsuen เป็นร้านชื่อดังที่เสิร์ฟอาหารขึ้นชื่อของเมืองคือ ปลาอามาโกะย่างเกลือ ปลาอิวานะต้มซีอิ้ว และซาซิมะ พร้อมข้าวสวยและซุปร้อนๆ เป็นมื้อเที่ยงแบบบ้านๆ ที่เพอร์เฟคมากและประทับใจมากที่นี่
Takayama Jinya & Sanmachi Street
Takayama Jinya ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงนิดๆ จากหมู่บ้าน Shirakawago เป็นเมืองเก่าแก่ที่อยู่ในหุบเขาแอลป์ในเขตจังหวัด Gifu นี่แหละ อาคาร Takayama Jinya นี้มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ จนถึงทุกวันนี้โครงสร้างต่างๆ ก็ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี ที่นี่เคยเป็นทั้งที่พักของผู้ว่าราชการเมือง ที่ว่าการเมือง ข้าวของเครื่องใช้ยังสมบูรณ์ให้น่าศึกษา ด้านในช่วงใบไม้เปลี่ยนสียิ่งน่ารัก มีพื้นที่ให้นั่งถ่ายรูปสวยๆ เต็มไปหมด เรามั่นใจเลยว่าถ่ายรูปเพลิดเพลินกันแน่นอนจ้า
ใกล้ๆ กันนั้นยังมี Sanmachi Street ถนนคนเดินที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า ลิตเติ้ลเกียวโต เพราะโครงสร้างและมีการวางผังเมืองให้ใกล้เคียงกัน บ้านเรือนทั้งสองข้างทางนั้นเหมือนเกียวโตมาก ซ๊อปปิ้งกันสนุกเลยหละเพราะขายแต่ของน่ารักๆ กัน ทีเด็ดของเมืองนี้อีกอย่างนึงคือเนื้อย่างฮิดะ ที่เอาเข้าปากปุ๊ปไม่ต้องเคี้ยวให้เมื่อยเพราะละลายไปแล้วเรียบร้อย อร่อยมาก!
Balloon Ride in Gujo
Gujo หรือกุโจ เป็นอีกเมืองนึงที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนาโกย่าสามารถทำ Road Trip ขับมาเที่ยวได้ง่ายๆ สบายๆ ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างนึงที่ไม่ค่อยมีในญี่ปุ่นคือการขึ้นบอลลูนชมวิวเมือง ปกติแล้วถ้าลมไม่แรงจนเกินไม่สามารถลอยขึ้นไปได้จริงๆ แต่วันที่เราไปลมค่อนข้างแรงและภูมิประเทศรอบๆ เป็นหุบเขาซะเยอะเลยต้องมีเชือกเกี่ยวไว้โดยลอยสูงขึ้นไปประมาณ 25 เมตร ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ถ้าใครกลัวหรือไม่เคยลองขึ้นบอลลูนแล้วผ่านมาแถวนี้ก็อย่าลืมแวะมาได้นะ
Gujo Castle
ที่นี่ได้รับการจัดอับดับว่าเป็นปราสาทที่ตั้งบนเขาที่วิวสวยที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่ถูกใช้เป็นป้อมสังเกตการณ์มาก่อนมันเลยตั้งอยู่บนที่สูงเพื่อที่จะได้เห็นข้าศึกได้ง่ายเวลามาบุกรุก ตัวปราสาทด้านบนต้องเดินขึ้นไปประมาณนึงพอเหนื่อย แต่ไม่มากเกิน ยังไงก็ยังคุ้มค่ากับการเดินไปชมวิวด้านบนปราสาทอยู่ดี ด้านในปราสาทเป็นการบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองกุโจแห่งนี้ เมืองนี้ยังเป็นเมืองแห่งการผลิตอาหารจำลองตามหน้าร้านอาหารต่างๆ ในญี่ปุ่นด้วยนะ เอ้อด้านล่างปราสาทมีถนนเล็กๆ ตรงที่จอดรถบัสไว้ให้เดินเล่นกันด้วย มีร้านมันเผาร้านนึงที่มีรถติกสติกเกอร์มันเผาจอดหน้าร้าน อร่อยมากๆ เลยหละ!
MEOTO IWA
MEOTO IWA หรือหินแต่งงาน ที่ใครๆ ก็เรียกว่าหินสามี ภรรยา เอ้างง ทำไมมีหลายชื่อเหลือเกิน ที่นี่คือยอดฮิตมากในเรื่องของการขอพรเกี่ยวกับความรัก คนญี่ปุ่นเปรียบเสมือนหินก้อนใหญ่เป็นสามี ส่วนก้อนที่เล็กลงมาเปรียบเสมือนภรรยาที่ครองคู่แต่งงานกัน โดยมีเชือกฟางคล้องอยู่ด้านบนก้อนหินเหมือนคนแต่งงานกัน ที่นี่เลยฮิตมากในการมาขอพรขอคู่กัน
ขณะเดียวกันจุดที่เราไปนั้นเป็นศาลเจ้าด้วยชื่อว่า Futami Okitama Shrine ศาลเจ้านี้จะมีรูปกบเต็มไปหมดเพราะกบคือสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ น่ารักเชียวแหละ นึกถึงเกมส์ที่ฮิตๆ เล่นกันเลย 5555
Ise Jingu
นี่คือศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น Isejingu คือศาลเจ้าที่คนรักญี่ปุ่นและชื่นชอบการขอพรต้องมาให้ได้ซักครั้ง แม้จะห่างจากตัวเมืองนาโกย่าประมาณ 2 ชั่วโมงก็ต้องมาให้ได้ ที่นี่สร้างขึ้นมากว่า 2,000 ปีแล้วเป็นที่บูชาเทพพระอาทิตย์นั่นเอง เพราะตามตำนานนั้นเชื่อว่าองค์จักรพรรดิของญี่ปุ่นสืบทอดเชื้อสายมาจากเทพพระอาทิตย์ ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่กว้างมากๆ ออกแบบแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเลยมีการข้ามสะพาน ข้ามแม่น้ำผ่านเสาโทโรอิเพื่อความเป็นศิริมงคล ก่อนเข้าไปถึงศาลเจ้าส่วนในที่บูชาเทพพระอาทิตย์ มาถึงแล้วตั้งใจขอพรดีๆ อาจได้ผู้ญี่ปุ่นแซ่บๆ กลับไปก็ได้นะจ้ะ
ใกล้ๆ กันทางด้านหน้าของศาลเจ้ายังมีถนนการค้าชื่อว่า OKAGE YOKOCHO ที่นี่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับถนนจำลองที่จำลองบรรยากาศเก่าๆ แบบร้อยกว่าปีที่แล้ว มีร้านอาหาร ร้านช๊อปปิ้งต่างๆ เดินกินเพลินๆ ได้ไม่มีเบื่อเลย
Atsuta Shrine
กลับเข้ามาเที่ยวในตัวเมืองนาโกย่ากันบ้างดีกว่าก่อนกลับกรุงเทพ จริงๆ นาโกย่าก็เหมือนเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นนั่นแหละคือ อะไรๆ ก็ดีงามไปหมดทุกอย่าง เที่ยวง่าย สบายมาก เราแวะไปไหว้เจ้าเพิ่มเติม แหมมม… เธอ ทริปใกล้ปีใหม่ก็ต้องขอพร Atsuta Shrine เป็นศาลเจ้าที่นิยมมาขอพรมากในเรื่องให้ชีวิตประสบความสำเร็จและชัยชนะเหนือทุกๆ คน ในวัดนี่กว้างขวางมากและสงบร่มรื่นถ้ามีเวลาค่อยๆ เดินเข้าไปดชมนกชมไม้ระหว่างทางไปเรื่อยๆ เพลิดเพลินจริงๆ
วันที่เราไปไม่รู้เป็นวันอะไรเห็นเด็กๆ ทั้งชายทั้งหญิงใส่ชุดยูกาตะ กิมโมโนเดินกันเต็มศาลเจ้าเลย น่ารักมากๆ แต่ถ้าเผลอไปถ่ายรูปซี้ซั้วนะคนญี่ปุ่นไม่ชอบเรื่องนี้มากๆ ถ้าอยากถ่ายด้วย อย่าลืมขออนุญาตพ่อๆ แม่ๆ ก่อนนะจ้ะ
Sakae Shopping Area
เรากลับเข้ามาในตัวเมืองนาโกย่าเดินเล่นย่านช๊อปปิ้งอย่าง Sakae ย่านนี้คึกคักเหมือนเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียวหรือโอซาก้า มีร้านแบรนด์เนมหรูหรา ในช๊อปปิ้งกันเพลิดเพลินหรือจะหาคาเฟ่ซักร้านนั่งดูวิถีชีวิตของชาวนาโกย่าก็เพลินดีนะ ที่นี่ยังเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ของชาวนาโกย่ากันด้วยนะ แต่.. เผื่อเวลากันหน่อยก็ดีสำหรับสาวๆ ที่ชอบช๊อปปิ้นกันนานเพราะร้านค้าแถวนี้ยังปิดเร็วเหมือนเดิมคือประมาณ 20.00 ก็เริ่มปิดร้านกันหมดแล้ว
ข้าวหน้าปลาไหล Hitsumabushi
นี่เป็นสิ่งนึงที่มานาโกย่าห้ามพลาดเด็ดขาดคือข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยจนไม่อยากกลับไปกินที่ไหนอีกแล้ว ข้าวหน้าปลาไหลถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนาโกย่าเลยทีเดียว และการกินนั้นต้องพิถีพิถันกันเป็นพิเศษนะคะ จะมาจ้วงเอาจ้วงเอาไม่ได้เด็ดขาด ข้าวหน้าปลาไหลหนึ่งถ้วยใหญ่ๆ นี้ให้เราตัดแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเหมือนหน้าพิซซ่า โดยให้กินแบบไม่ต้องปรุงอะไรเลยก่อนหนึ่งส่วนแรก ส่วนอีกสองส่วนนั้นให้ปรุงรสตามเครื่องเคียงที่ร้านเตรียมไว้ให้อาจจะเป็นสาหร่าย ซอสพิเศษ หรือน้ำซุป จะได้ลองหลายๆ รสชาติ ส่วนสุดท้ายนั้นให้เราเลือกเองว่าสามแบบที่ทานไปนั้นชอบแบบไหนที่สุด ก็ซ้ำแบบเดิมอีกหนึ่งรอบจนอิ่มแปล้กันไปเลย เก๋มะ คิดได้เนาะคนญี่ปุ่น กลับบ้านมานี่แบ่งกระเพราหมูสับเป็นสี่ส่วนเลย
ขากลับเราเดินทางกลับกับไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์เหมือนเดิม เพราะอยากใช้สิทธิพิเศษจากบัตรแอร์เอเชีย แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด ธนาคารกรุงเทพ อย่างเต็มที่ เพื่อนๆ รู้มั้ยว่า บัตรเครดิตใบนี้นอกจากสิทธิพิเศษที่บอกไว้ตอนต้นนั้นยังไม่หมด เพราะยังสามารถแลกเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นบนเครื่องบิน ราคา 60 บาทได้ฟรีๆ อีกด้วย คือสั่งแค่อาหารล่วงหน้าก็พอ ส่วนน้ำฟรีนั้นค่อยมาเอาบนเครื่องก็ได้ ยังไม่พอ! ตอนบัตรเครดิตใบนี้ยังทำให้เราเป็นสมาชิก AirAsia Big Loyalty โดยอัตโนมัติทำให้ได้สิทธิพิเศษจองตั๋ว BIG Sale 0 บาทก่อนใคร และยังได้รับส่วนลดเพิ่มเติมจากราคาตั๋วอีก 40 บาท ไม่ว่าจะจองสายการบินไทยแอร์เอเชีย หรือ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ อีกด้วย!
โห.. ถ้าจะบอกว่าอวยก็ยอมอะ! เพราะมันดีมากจริงๆ ตั้งแต่สมัครบัตรได้ฟรีๆ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเริ่มต้นซักบาท นี่คือสิทธิประโยชน์ดีๆ สำหรับคนเตรียมพร้อมและรักในการเดินทาง มันจะช่วยเติมเต็มทริปของเธอให้พิเศษขึ้นอีกเยอะ อย่าลืมก่อนทริปหน้าจะมาถึงให้ บัตรเครดิตแอร์เอเชีย ธนาคารกรุงเทพ เป็นเพื่อนร่วมทางคนใหม่ที่จะทำให้เธอ VIP ขึ้นแต่ประหยัดและได้สิทธิพิเศษมากกว่าเดินอีกมากมาย
นาโกย่าสำหรับเราถ้ามีเวลาจะกลับมาเที่ยวอีกแน่ๆ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ อยากบอกเพื่อนๆ ที่หลงรักญีปุ่นว่าไม่ควรพลาดจริงๆ ประเทศนี้มีอะไรให้เราเซอร์ไพรส์กันได้อีกเยอะมาก ถ้ามีเพื่อนเธอไปเที่ยวนาโกย่ามาแล้วบอกว่ามันดีมากๆ จริงๆ อย่าพึ่งเชื่อนะ! จนกว่าจะได้ลองมาเที่ยวด้วยตัวเองซักครั้ง