นักเดินทางแต่ละคนย่อมมีจุดหมายทางปลายที่บอกกับตัวเองว่า “ชั้นต้องไปที่นี่…. ซักครั้งในชีวิต!” แต่ละคนก็ชอบแตกต่างกันไป บางคนอาจจะชอบปีนเขาสูง สูดกลิ่นดินหอมๆ หลังฝน เพื่อขึ้นไปเจอกับวิวอลังการที่ล้อมรอบตัวเองไว้ หรือบางคนอาจจะชอบเที่ยวในเมือง ดูความศิวิไลซ์และช๊อปปิ้งเพลินๆ กับดีลสุดคุ้มที่พลาดไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าทุกๆ คนนั้นก็ย่อมอยากมีสวรรค์น้อยๆ เป็นของตัวเองซักครั้งนึงในชีวิต และสวรรค์ของทะเลที่เอื้อมถึงได้และคนทั้งโลกใฝ่ฝันจะมาเยือน เรามั่นใจว่าที่นั่นคือ “มัลดีฟส์”หมู่เกาะกลางมหาสมุทรอินเดียที่จะบอกว่าสวยเฉยๆ ก็ยังน้อยไป เพราะที่นี่สวยที่สุด ทริปนี้เลยขอพาทุกคนกลับไปมัลดีฟส์อีกครั้ง เตรียมชุดว่ายน้ำสีสวยๆ แว่นกันแดดเวอร์ๆ หมวกปีกกว้าง และ Galaxy Note 9 ไว้เซลฟี่กับเพื่อน พร้อมบินตรงไปมัลดีฟส์แบบชิวๆ และใช้ชีวิตแบบหรูหรากับแก๊งค์เพื่อนพร้อมกัน!
*** วีดิโอและรีวิวนี้นำเสนอ Feature ต่างๆ ของ Samsung Galaxy Note9
และภายในเครื่องเท่านั้น ภาพนิ่งที่ไม่ได้ขึ้น Credit ใต้ภาพว่า ‘ถ่ายด้วย Galaxy Note9’
และภาพเคลื่อนไหวอื่นๆ ภายในวีดิโอ ถ่ายทำโดยใช้กล้องอื่น***
The One and Only Boutique Business Class to Maldives
เราออกเดินทางกับ บางกอก แอร์เวย์ส สายการบินพรีเมี่ยมแบบ Full Service เพียงสายการบินเดียวที่บินตรงจากสุวรรณภูมิสู่สนามบินมาเล่ (Male) ต้องอธิบายก่อนว่าสนามบินหลักของประเทศหมู่เกาะมัลดีฟส์คือสนามบินมาเล่นี่แหละที่เครื่องบินขนาดใหญ่สามารถบินไปลงได้ ใครๆ ที่มาเที่ยวมัลดีฟส์ต้องบินลงที่สนามบินนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะต่อเครื่องบินน้ำ หรือสปีดโบ๊ทไปต่อยังเกาะต่างๆ ฉะนั้นบินแบบสะดวกสบายที่สุดจากกรุงเทพมีเพียงสายการบินเดียวจ้า
ทริปนี้เราเลือกเดินทางโดยชั้นธุรกิจ ความแตกต่างของชั้นธุรกิจนั้นเรียกได้ว่า “พรีเมี่ยม” เพราะมีเพียง 12 ที่นั่งต่อ 1 เที่ยวบินเท่านั้น และจัดที่นั่งให้เราสะดวกสบายมากแบบ 2 – 2 นั่งกันเป็นคู่เพื่อนหรือคู่แฟนก็ได้นะคะเธอ เบาะที่กว้างกว่าตอลดการเดินทาง 4 ชั่วโมงครึ่งถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับเรา ยังไม่พอบางกอก แอร์เวยส์ยังบริการอาหารทานเล่น อาหารร้อน ของหวานและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน นั่งทานข้าวพลางจิบไวน์ขาว แล้วเมาท์กันเพื่อนไปพลางๆ
เอ้อ! และถ้าเดินทางในชั้นธุรกิจแบบนี้ยังจะได้รับ Amenities Kit ที่เต็มไปด้วยของใช้จำเป็นระหว่างเดินทาง อาทิเช่นลิปมัน แปรงฟัน ครีมบำรุงผิวหน้าอย่างดี แปรงฟันและถุงเท้าที่ช่วยให้การเดินทางนั้นสบายและ Comfy มากขึ้นด้วยนะ แถมผู้โดยสารชั้นธุรกิจยังจะได้รับ Tablet ส่วนตัวคนละหนึ่งเครื่องที่บรรจุเพลงและหนังใหม่ๆ ให้ดูได้ฟรีตลอดเที่ยวบิน
สำหรับเรามาเที่ยวทั้งที! เดินทางไปเที่ยวในที่ๆ ซักครั้งในชีวิตควรมา การเดินทางในชั้นธุรกิจที่ไม่ได้แพงจนเวอร์ แต่ความคุ้มค่าเกินราคาก็ถือเป็นช้อยส์ดีๆเติมเต็มการเดินทางให้มีความหมายมากขึ้นนะ
Let’s enjoy the sun!
ถึงมัลดีฟส์ปุ๊ปเรารีบเดินทางต่อไปยังที่พักทันที! รอบนี้เราพักกันที่ Clubmed Kani ความดีงามอย่างหาที่สุดไม่ได้ของที่นี่ คือ ทุกอย่าง ’All inclusive’ จ่ายครั้งเดียวจบ ไม่ต้องปวดหัว มานั่งคิดยิบคิดย่อย เอ๊ะ รวมอันนั้นรึยัง อันนี้รึยังแม้กระทั่งคลาสเรียนกิจกรรมทางน้ำต่างๆ ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลายมาก ส่วนคนที่เล่นไม่เป็นหรือไม่เคยเล่นมาก่อนก็ไม่ต้องกลัวเพราะมีครูคอยสอนให้ด้วย ส่วนเอกลักษณ์ของที่นี่อย่างนึงคือ พวก G.O หรือ Gentle Organizer ถ้าเปรียบกับที่อื่นๆ พวกเขาก็คือ พนักงานบริการของโรงแรม คอยเช็คอิน ดูแลกิจกรรมนั่นแหละ แต่ต่างกันตรงที่ เขามีหน้าที่สร้างความบันเทิงให้เราด้วย ทุกคนเฟรนด์ลี่สุดๆ เป็นกันเอง ชวนคุยตลอด เป็นแบบสบายๆ ทำให้เราอยากได้อะไรก็เอ่ยปากบอกเขาได้ แบบไม่เกร็งเลย อีกอย่าง G.O เนี่ยเป็นพนักงานจากหลายเชื้อชาติมากๆ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ออสเตรเลีย และไทย! ไม่ต้องกลัวว่าภาษาไม่แน่นแล้วจะหมดสนุก คือถ้าใครมาอยู่นานๆ หลายวันหน่อยอาจกลายเป็นเพื่อนซี้กันได้เลยนะ แถมมีการแสดงจาก G.O ให้ดูทุกคืนไม่ซ้ำกันเลยด้วยแหละ
ที่พักรอบนี้ของพวกเราเป็นแบบ OverWater Suite คือห้องพักแบบเป็นส่วนตัวแตกเป็นกิ่งก้านออกไปในมหาสมุทรอินเดีย แยกออกเป็นหลังๆ ของใครของมัน แถมมีทางเดินลงไปเล่นน้ำในทะเลได้ด้วยนะฮ้า อ้อ! ข้อดีของการพักแบบนี้คือเราจะมีเลาจน์ส่วนตัวอย่าง Manta Lounge ให้นั่งชิวๆ กันได้ทั้งวัน พร้อมเครื่องดื่มแบบไม่จำกัด และทางเข้าพร้อมเช็คอินเฉพาะแบบส่วนตัว ไม่ต้องรอคิวนานและเป็นส่วนตัวสูงมาก
ทริปนี้เราพกมือถือที่ฉล๊าดฉลาดมาเที่ยวด้วย Note9คือเพื่อนใหม่ล่าสุดของเราในทริปนี้ บอกตรงๆ ว่าไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยเวลาที่ต้องเปลี่ยนมือถือบ่อยๆ เพราะมันคือเพื่อนที่รู้ใจเรามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างตอนนี้ก็เปลี่ยน S Pen มาให้เราใหม่ เพราะมี Bluetooth ที่สามารถสั่งงานระยะไกลได้ด้วย เราชอบมากๆ คือการกดสั่งชัตเตอร์ของกล้องได้! ต่อไปนี้เวลาไปเที่ยวคนเดียวหรือไปเที่ยวกับแก๊งค์เพื่อนก็ไม่ต้องมีคนเสียสละเป็นคนถ่ายหรือถือกล้องอีกแล้ว เพราะแค่เจ้า S Pen ด้ามเดียวก็เก็บภาพเพื่อนๆ ได้ทุกคน ไม่มีใครน้อยหน้าใครเลย
คนมาเที่ยวมัลดีฟส์ก็ต้องมาใช้ชีวิตชิวๆ กันอยู่แล้ว นอนเล่น จิบแชมเปญ เอ็นจอยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและพักทุกอย่างที่หนักหน่วงเอาไว้ก่อน กิจกรรมของที่นี่เลยจะชิวมาก และ Clubmed ที่เราเข้าพักก็เป็นรีสอร์ทแบบ All Inclusive คือรวมทุกอย่างเอาไว้แล้วไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ ในรีสอร์ท อย่างพวกเราวันแรกก็เริ่มเล่นกิจกรรมทางน้ำกันซะเลยเพราะกลัวไม่ดำ ทั้งพายคายัคกลางมหาสมุทร และเล่น Paddle Board ที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่น้ำทะเลสีใสๆ
หรือจะเล่นกิจกรรมริมชายหาดก็ได้ ความดีงามของรีสอร์ทที่รวมทุกอย่างให้เราแล้ว เราจะใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ มีเพื่อนต่างชาติมากมายให้เราทำความรู้สึก มันเป็นชายหาดที่สร้างมิตรภาพได้ง่ายมากระหว่างเดินทางจริงๆ
ทุกๆ เย็นเราแนะนำให้กลับไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ OverWater Suite พระอาทิตย์ทอแสงที่กำลังจะลับขอบฟ้าตัดกับภาพวิลล่ากลางน้ำเป็นเงา นี่คือวิวที่หลายๆคนใฝ่ฝันจะมาเห็นซักครั้ง เป็นภาพที่ปลื้มปริ่มเหลือเกินค่ะคุณขา
Wake up to exceptional oceans!
เคยเห็นตามโฆษณาปะจ้ะ อารมณ์แบบนั่งริมทะเลแล้วมีถาดอาหารที่ดูสุขภาพดีเดินมาเสิร์ฟแต่เช้าตรู่ พร้อมกับวิวที่อลังการสุดลูกหูลูกตามันเกิดขึ้นได้จริงๆ ที่มัลดีฟส์ ตอนเช้าของแต่ละวันถ้าเราพักแบบวิลล่ากลางน้ำจะมีอาหารเช้าที่เราเลือกไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืนมาเสิร์ฟให้เราทานกันได้จริงๆ เพื่อนฝูงก็กระโดดเล่นน้ำกับฝูงปลาเอ็นจอยเหลือเกินชีวิต
เสร็จจากอาหารเช้าเราเลือกเล่นกิจกรรมผาดโผนกันบ้าง เพราะอยากเห็นวิวมัลดีฟส์จากมุมสูง Parasailing คือกิจกรรมที่ควรทำมากๆ เมื่อมาที่นี่ มันจะเป็นอีกวิวนึงที่คนปกติไม่ค่อยได้เห็นกัน เราจะเห็นวิลล่ากลางน้ำ เห็นเครื่องบินน้ำที่บินใกล้ๆ เหมือนจะเฉียดหัวเรา Parasailing ที่นี่ไม่ได้ขึ้นจากหาดทรายแต่ขึ้นจากบนเรือเลยนะฮ้า โคตรเท่!
กิจกรรมที่มัลดีฟส์มันมีแต่ชิว ชิว ชิวและชิวจริงๆ เราก็มานั่งปิกนิกริมทะเลกันต่อ เพื่อนบางคนก็ไปเดาะบอลเล่น ที่นี่รวมให้เราทุกอย่างแล้ว รวมไปถึงขนม ของว่างและเครื่องดื่มระหว่างวันด้วยเดินหยิบกินทั้งได้ทั้งวัน อิ่มสบายใจมาก
เอ้อออ! ลืมบอกไปว่าที่ Clubmed Kani ถ้าพักแบบพูลวิลล่าอย่าลืมไปพักผ่อนที่ Manta Lounge ด้วยนะ เพราะเป็นจุดที่ถ่ายรูปได้เก๋มาก เบาะตาข่ายยื่นออกไปในทะเล มองเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ด้านล่างทั้งฝูง หัวเราะคิกคักกับเพื่อน โอ้ยย ชีวิตดูปลอมมาก แต่บอกเลยค่ะว่า สมจริง อิอิ
ช่วงบ่ายแก่ๆ เราซื้อทัวร์ Sunset Cruise กันเพิ่มเติมเพราะทัวร์นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นทัวร์ที่สามารถเห็นน้องโลมาได้! แม้เค้าจะไม่รับประกันว่าเห็นแน่ๆ แต่หลายครั้งน้องโลมาก็โผล่เหนือน้ำขึ้นมาให้เห็นกันเสมอ บนเรือระหว่างเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะมีแชมเปญฟรีๆ ให้จิบเล่นระหว่างรอด้วย เก๋ไปอีกกกกกก ทัวร์นี้เราซื้อเพิ่มเติมอีกคนละแค่ไม่กี่บาท แต่บอกเลยว่าคุ้ม
ช่วงเย็นเราเปลี่ยนที่ดู Sunset มาเป็นด้านหน้าหาดกันบ้างเพราะอยากลอง Feature ใหม่ของNote9ที่มาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า Scene Optimizer ซึ่งเป็นระบบ AI ที่จะทำให้ภาพของเรานั้นคมชัดกว่าเดิม! เพราะมันสามารถจับภาพวัตถุที่เรากำลังถ่ายได้ว่าเรากำลังถ่ายอะไรอยู่ จากนั้นกล้องมือถือที่ฉล๊าดฉลาดนั้นจะเลือกโหมดให้เหมาะสมกับวัตถุนั้นๆ เช่น ตอนนี้เรากำลังถ่ายพระอาทิตย์ตกดิน Scene Optimizer ก็จะเด้งขึ้นมาทันทีเป็นไอคอนเล็กๆ รูปพระอาทิตย์เหมือนบอกเรากลายๆ ว่า “ชั้นรู้นะ! เธอกำลังถ่ายพระอาทิตย์ตกดิน” จากนั้นมันจะคำนวณอัตโนมัติเพื่อให้เราได้ภาพที่คมชัดที่สุด สีสันเข้มขึ้นและสดใสมากขึ้นกว่าเดิม นี่คือความฉลาดของNote9 ที่ช่วยให้เราถ่ายภาพกันได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องปรับอะไรมากเลย บอกเลยว่าของมันต้องมี
Paradise on earth, Finolhu Island!
ถ้าแนะนำให้ดู Sunset แล้ว ไม่บอกให้ดู Sunrise เราคงรู้สึกผิด จะบอกว่าฟ้าตอนเช้าตัดกับสีน้ำทะเลสีใสและคลื่นเบาๆ นั้นมีเสน่ห์และสงบมาก ชวนให้นั่งมองได้เป็นสิบๆ นาที เธอควรตื่นเช้าซักวัน หรืออย่างน้อยก็เปิดหน้าต่างไว้ก่อนนอนเพื่อให้พระอาทิตย์ปลุกเธอแทนนาฬิกาปลุกก็ได้นะ ?
เช้าวันที่ 3 ในมัลดีฟส์เราย้ายกันไปอีกรีสอร์ทนึงที่อยู่ในเครือ Clubmed เหมือนกันนั่นก็คือ Clubmed Finolhu ห่างจาก Kani ห้านาที และเป็น All Inclusive เหมือนกันแต่จะแตกต่างจาก Kani ที่เราพักกันคือจะหรูหรากว่า และเป็นส่วนตัวมากกว่า เหมาะสำหรับคู่รักมาฮันนีมูน ปิดมือถือ ลืมโลกข้างหน้าและขลุกอยู่แต่ในห้องที่มีเพียงเราสองคนเผื่อมีน้องมัลดีฟส์น้อยกันขึ้นมา 555
เราชอบห้องพักของ Finolhu มาก เพราะสวยหรูแต่ไม่เวอร์วัง เตียงนอนไม่สูงนี่ถูกใจที่สุด เพราะอยู่บ้านชอบปูพื้นนอน 555 ดูอยู่แล้วอบอุ่นได้ฟีลเหมือนมีบ้านสวยๆ ตั้งอยู่ริมทะเล และความเก๋ของที่นี่คือแต่ละห้องแม้ว่าจะมีเป็นวิลล่าที่สามารถเดินลงไปเล่นน้ำทะเลได้อยู่แล้ว ก็ยังมี Private Pool ให้นั่งจิบกาแฟยามเช้า เอาอาหารลงไปทานในสระแล้วมองออกไปสุดขอบฟ้า โอ้ยยยย.. นั่งพิมพ์รีวิวไปก็อิจฉาชีวิตตัวเองและถ้าใครมาฮันนีมูนที่นี่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเสียงดังเจี๊ยวจ้าว เพราะคนที่จะพักวิลล่ากลางน้ำได้ต้อง 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ห้องอาหารของที่นี่ก็ยังยื่นออกไปในทะเลแถมยังมีวิว Sandbank เล็กๆ ให้พวกเราดูกันด้วยนะ กินข้าวเพลินๆ กับอาหารชั้นดีที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี และพิถีพิถันมาก กับวิวที่บอกได้เลยว่าก่อนตายควรมาเยือนด้วยตัวเองซักครั้ง ?
มัลดีฟส์เป็นอีกที่ๆ นึง ที่ทุกคนควรจะมาพักผ่อนและลองใช้ชีวิตกันชิวๆ ซักครั้งในชีวิตนะ ปิดทุกอย่างทิ้งไว้ พักงาน เผื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน ให้สมองปลอดโปร่งและมีไอเดียดีๆ เพื่อต่อยอดให้ชีวิตนั้นครีเอทีฟมากขึ้นและสนุกมากขึ้น เหมือน Note9 ที่ยังเป็นเพื่อนเดินทางที่สนุกและมีอะไรใหม่ๆ ให้เราเสมอ อย่าง Screen off Memo ที่เมื่อก่อนใช้เขียนได้เพียงสีเดียวคือสีขาว แต่เดี๋ยวนี้เราสามารถเพิ่มเติมสีสันให้กับไอเดียได้ๆ ที่รู้มาต้องรีบจดทันที S Pen บนหน้าจอ Screen off สามารถใช้ได้สีเดียวกับปากากด้วยนะฮ้า
และใครที่เดินทางบ่อยๆ พร้อมกับติดใจการเดินทางแบบ Boutique แบบเรา อย่าลืมสะสมคะแนน FlyerBonus ด้วยนะ เพราะทุกๆ คะแนนสามารถสะสมไว้แลกเที่ยวบินฟรีกับบางกอกแอร์เวย์ส หรือโรงแรมและบริการต่างๆ ได้ฟรี อีกทั้งยังสามารถสะสมคะแนนเพื่อเลื่อนลำดับสถานะเป็นสมาชิกระดับพรีเมียร์ ที่มาพร้อมกับสิทธิพิเศษที่เพิ่มมากขึ้นเช่น น้ำหนักกระเป๋าพิเศษ ช่องเช็คอินพิเศษไม่ต้องรอคิวยาว และห้องรับรอง VIP Blue Ribbon Lounge ที่บริการอาหารร้อนแบบจัดเต็มกันไปเลย อย่าลืมมาเป็นสมาชิก FlyerBonus แล้วโหลดบัตรสมาชิกลง Note9 ด้วยนะ!
มัลดีฟส์สำหรับเรายังเป็นสถานที่ที่คุ้มค่าสำหรับการมาพักผ่อน มาใช้ชีวิตและมาสนุกไปกับมันแบบไม่ลำบากและเอ็นจอยกับทะเล บางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นจำเป็นต้องมาเที่ยวทะเลไกลขนาดนี้เลย เรากล้าพูดเลยว่าที่นี่แตกต่างจากที่อื่น ที่นี่คือมัลดีฟส์ที่คนทั้งโลกใฝ่ฝันอยากจะมาพักผ่อนซักครั้งในชีวิต และทอยู่ห่างจากประเทศไทยเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น อย่าปล่อยให้ความใกล้นี้ดูห่างไกลแต่ออกเดินทางไปทำฝันตัวเองให้เป็นจริงกับการมาพักผ่อนที่นี่ ?